หลายคนคงสงสัย เอ้า! กล้องกันน้ำไม่ใช่หรอทำไมถึงไปเทสมาโครไม่เทสลงน้ำ ลุยโคลน อะไรก็ว่าไป ถ้าคุณผู้อ่านกำลังคิดแบบนั้นผมบอกได้เลยว่าคุณกำลังมองข้ามความเจ๋งของ Olympus Stylus Tough TG-3 ไปแบบสุดๆเลย แต่ก่อนผมจะบอกเหตุผลว่าเพราะอะไรมาลองดูสเปคของ TG-3 กันซักหน่อยก่อนดีกว่าครับ
Olympus Stylus Tough TG-3 Specification
- เซนเซอร์ BSI-CMOS ขนาด 1/2.3″ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- ชิพประมวลผล TruePic VII
- ISO 100-6400
- เลนส์ 25-100mm f/2.0-4.9
- มีระบบกันสั่นที่เซนเซอร์
- ความเร็วถ่ายภาพต่อเนื่อง 5 ภาพต่อวินาที
- จอแสดงผล TFT-LCD ขนาด 3.0″ ความละเอียด 460,000 พิกเซล
- ถ่ายวีดีโอ Full HD 1920 x 1080 (30p), 1280 x 720 (30p), 640 x 480 (30 fps)
- ถ่ายวีดีโอ High-Speed 120fps (640×480), High-Speed 240fps (432×324)
- กันน้ำลึก 15 เมตร ป้องกันการตกกระแทกจากความสูง 2.1 เมตร ทนอุณหภูมิได้ -10 องศาเซลเซียส
- ระยะมาโครใกล้สุด 1 เซนติเมตร
- มีแฟลชและไฟ LED ส่องสว่าง
- มี Wi-Fi และ GPS ในตัว
- มีเข็มทิศ e-compass
- มีมาโนมิเตอร์สำหรับวัดระดับความสูงและความลึกพร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อลงน้ำลึกถึง 15 เมตร
- น้ำหนัก 247 กรัม
ดูจากสเปคก็คงไม่แตกต่างจากกล้องกันน้ำรุ่นท็อปทั่วๆไปที่มักใส่สเปคครบสำหรับการใช้งานแบบ Adventure อยู่แล้ว แต่นอกจากความสามารถด้านลุยๆแล้ว Olympus Stylus Tough TG-3 ยังมีความสามารถด้านถ่ายมาโครที่ไม่ธรรมดาเลย TG-3 มีโหมด Microscope Mode ที่สามารถถ่ายใกล้วัตถุได้ในระยะ 1 เซนติเมตรและที่ระยะนี้เรายังสามารถซูมเลนส์ไปที่ระยะ 100mm ได้ด้วยทำให้ได้อัตราขยายที่สูง เลนส์สามารถขยายวัตถุได้ตั้งแต่ 6.9x ไปจนถึง 13.8x และถ้ารวมกับฟังก์ชั่น Super Resolution Zoom จะทำให้วัตถุที่มีขนาด 1mm จะขยายจนใหญ่ 44.4mm ที่หลังกล้องเลยทีเดียว Olympus บอกว่า TG-3 จะสามารถถ่ายเกร็ดหิมะได้เลยทีเดียว
หลังจากตรงนี้ลงไปเป็นภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Microscope Mode จาก Olympus TG-3 ทั้งหมดเลยครับ
ในโหมดมาโครของ TG-3 มี 2 ฟังก์ชั่นที่ผมชอบมากคือ Focus Stacking และ Focus Bracketing ตัวแรก Focus Stacking เป็นสิ่งที่ผู้คลั่งไคล้ในโลกจิ๋วมักทำกันบ่อยๆคือการนำภาพหลายๆภาพมาซ้อนทับกันโดยแต่ละภาพจะมีระยะโฟกัสที่ต่างๆกันไปและผลสุดท้ายเราจะได้ภาพที่วัตถุมีความคมชัดครบถ้วนทั้งอันใน TG-3 พอเราเลือกโหมดนี้กล้องจะถ่ายภาพแบบต่อเนื่องหลายภาพและนำมาซ้อนทับกันให้เอง แต่ปัญหาก็ยังพอมีคือถ้าวัตถุที่เราถ่ายมีการเคลื่อนไหวกล้องอาจนำภาพนั้นไปซ้อนกันแล้วเกิดเป็นเงาซ้อนๆกันได้อย่างรูปแมลงวันที่ผมถ่ายมาด้านล่างนี้ครับ แต่ยังดีที่พอเราใช้โหมดนี้กล้องจะมีการบันทึกภาพที่ไม่ใช้ Focus Stacking เอาไว้คู่กันด้วยซึ่งก็เป็นภาพแมลงวันที่ท่านเห็นด้านบนครับผม
ส่วน Focus Stacking ก็เป็นการถ่ายคร่อมระยะโฟกัสนั่นเองครับ กล้องจะถ่ายภาพต่อเนื่อง(สูงสุด 30 ภาพ)และปรับระยะโฟกัสไปทีละนิดๆให้เราเลือกภาพที่ได้ตำแหน่งโฟกัสที่ดีที่สุด
ภาพแผ่นฟองน้ำรองกันลื่น
คู่มือ Nikon D5300
หัวปากกาจ้าา ขยายขึ้นมาเยอะมากๆเห็นชัดสุดๆเลยจริงยังเข้าใกล้ได้มากกว่านี้อีกแต่ผมกลัวเดี๋ยวเผลอไปชนหัวปากกาเลนส์กล้อง Olympus เค้าเลอะแย่เลย 55
ใบไม้ก็ขยายได้น่าตื่นตาตื่นใจมาก
ภาพด้านบนนี้ใช้ Focus Stacking ครับส่วนภาพล่างไม่ใช้ DOF จะบางกว่าชัดเจน
Olympus TG-3 นั้นมีอุปกรณ์เสริม LED Light Guide (LG-1) ซึ่งเป็นตัวทำให้ไฟ LED ด้านหน้าทำหน้าทีเป็น Ring Flash ด้วยครับ ผมแนะนำว่าถ้าคุณผู้อ่านสนใจด้านมาโครของ TG-3 พยายามหาซื้อเจ้าชิ้นนี้มาให้ได้เพราะสำคัญมาก มันช่วยส่องเวลาถ่ายมาโครระยะใกล้ๆได้ดีมากๆและจะทำให้เราสามารถวางกล้องทับลงบนวัตถุได้เลยโดยอาศัยแสงจาก LED Light Guide แทนแสงธรรมชาติภาพที่อยู่ในบทความนี้ทั้งหมดผมต่อ LED Light Guide ตัวนี้ด้วยครับ ราคาของเจ้าชิ้นนี้อยู่ที่ 1,790 บาท(ณ วันที่เขียนบทความ 3/10/57)
ภาพนี้ทายถูกดันมั้ยครับว่าอะไร
ภาพขนของผู้เฒ่าตัวนี้แหละครับ ^o^
อันนี้เป็นนิ้วมือของผมเองครับ
ภาพเส้นผมผงอกขาว ขยายซะเห็นชัดเลยทีเดียว
เหลืองๆนี่คือหนังยางเก่าๆครับผม
ภาพนี้ผมให้หลายคนดูแล้วบอก หยี แหวะ กันถ้วนหน้า 55 จริงๆมันคือหนังศีรษะครับผม
ส่องกับดวงตาที่ระยะเลนส์กว้างสุด
ภาพด้านบนนี้ทายกันถูกมั้ยครับว่าอะไร มันคือรูม่านตาของคนเรานั่นเองแต่ภาพนี้เบลอเพราะมือผมสั่นครับและโฟกัสไม่เข้านิดนึงด้วย 55 พอดีมันถ่ายยากมากแถมก็ถือให้นิ่งยากสุดๆ T^T
ปิดท้ายด้วยภาพนี้ Big Eye!!!
บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 03/10/2014