สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องมิตรรักนักถ่ายรูปทุกคน ผมมีโอกาสได้เอากล้อง Canon EOS R กล้อง Mirrorless Fullframe ตัวแรกจาก Canon ไปใช้งานอยู่ช่วงหนึ่ง ถือว่าเป็นกล้องที่รอคอยจะทดสอบมานานแสนนาน ผมเอาไปถ่ายมาหลายที่ ส่วนใหญ่ก็ใน กทม.นี่แหละครับ เพราะฉะนั้นรีวิวนี้ถือว่าเป็นรีวิวที่มาแชร์ประสบการณ์การใช้งานให้ฟังว่าหลังจากที่ได้ไปทดสอบ รีวิว Canon EOS R ในหลาย ๆ ด้านแล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้าง ชอบ หรือ ติดขัดตรงไหน และแน่นอนจะสรุปให้ฟังตอนจบเช่นเดิม แต่ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความรู้จัก Canon EOS R ไปพร้อม ๆ กันครับ อ้อลืมบอกไปรีวิว Canon EOS R ตัวนี้มีเวอร์ชั่นที่เป็นวิดิโอด้วยนะครับ หากใครไม่ชอบอ่านก็สามารถดูเป็นวิดิโอได้และค่อนข้างจะละเอียดกว่าในบทความรีวิว Canon EOS R นี้ แต่ว่ารูปตัวอย่างผมจะลงในบทความเยอะหน่อยอยู่ข้างล่างสุดนะครับ
สำหรับบทความเพิ่มเติมที่เราเคยทำเกี่ยวกับ Canon EOS R ก็มีนะครับ สามารถหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยครับตามลิ้งที่แปะไว้ให้ข้างล่าง
6 เรื่องเด่นใน Canon EOS R ที่พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ
Hands-on Canon EOS R กล้อง Mirrorless Fullframe ตัวแรกจาก Canon
Specifications & Key Features (สเปกเด่น)
ก่อนอื่นเรามาดูสเปกเด่น ๆของกล้อง Canon EOS R กันก่อนครับว่ามีอะไรบ้าง ผมอาจจะไม่ได้ลงสเปกเต็มนะครับซึ่งหาอ่านได้ทั่วไป หรือในเว็ปไซต์ของ Canon เองก็มีลงไว้ ผมจะยกมาเฉพาะที่เด่น ๆ นะครับ
- เซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม 35 มม. ความละเอียด 30.3 ล้านพิกเซล
- ช่วงความไวแสงกว้าง ISO 100-40,000 (ปรับเพิ่มได้ถึง 50-102400)
- ชิปประมวลผลภาพ DIGIC 8 รุ่นใหม่ล่าสุด
- จุดออโต้โฟกัส 5,655 จุด ครอบคลุมพื้นที่การทำงาน 100% ในแนวตั้ง และ 88% ในแนวนอน
- ระบบออโต้โฟกัสที่ดวงตา (Eye Detection AF)
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual Sensing IS ชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงสุดถึง 5 สตอป (สำหรับภาพนิ่ง)
- โฟกัสไวเพียง 0.05 วินาที ด้วย Dual Pixel CMOS AF
- โฟกัสภาพในที่แสงน้อยได้ถึง EV -6
- ช่องมองภาพอิเลกทรอนิกส์ (EVF) เทคโนโลยี OLED ความละเอียด 3.69 ล้านจุด ครอบคลุมองศาการมอง 100%
- จอ LCD ทัชสกรีนแบบปรับหมุนได้ สะดวกในการถ่ายภาพหลากหลายมุม รวมถึงการเซลฟี่
- รุ่นแรกของแคนนอน ที่มีโหมด FV exposure เพื่อใช้ในการปรับตั้งค่าต่างๆ แบบออโต้แบบโดยตรงในโหมดเดียว ทั้งความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง และค่าความไวแสง โดยไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพ
- โหมด Silent Shutter
- พร้อมจอ LCD ด้านบนตัวกล้อง แสดงข้อมูลการตั้งค่าที่สำคัญของกล้อง
- บันทึกภาพเคลื่อนไหวคมชัด ระดับ 4K ที่ 30p/25p (3840 x 2160 พิกเซล)
- รองรับ Canon Log
- รองรับช่องต่อ HDMI
- ปรับค่ารูรับแสงได้ 1/8 สตอป ขณะบันทึกภาพเคลื่อนไหว
- ฟังก์ชั่น MF peaking ช่วยในการโฟกัสแบบแมนนวล
- ระบบปรับแสงอัตโนมัติ (Auto Lighting Optimizer)
- Dual Pixel Raw ปรับแก้ไขระยะโฟกัส micro-adjustment ได้ในตัวกล้อง
- เพิ่มทางเลือกด้วยเพื่อให้ได้ไฟล์ขนาดเล็กด้วย ไฟล์ฟอร์เมต C-RAW
- 54mm diameter RF mount รองรับการใช้งานร่วมกับ RF Mount Adapter เพื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ในตระกูล EF และ EF-S
- ออกแบบกริปให้มีความลึก จับถนัด กระชับมือ
- ตัวกล้องทนทาน ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย พร้อมซีลกันละอองน้ำและฝุ่น
Body ขนาด น้ำหนัก การถือจับ และพอร์ทต่าง ๆ
ทีนี้เรามาดูที่ตัวบอดี้กล้องกันบ้างครับ ในส่วนของตัวบอดี้ก็ต้องบอกว่ามองแว๊ปแรกอาจจะไม่ได้รู้สึกว่าเป็น Mirrorless สักเท่าไหร่ครับ เพราะออกแบบมาให้เหมือน DSLR เลย มิติการจับก็เหมือนจับกล้อง DSLR เพียงแต่ขนาดดูเล็กลงกว่าตัว DSLR ของ Canon ที่เป็นฟูลเฟรมนิดหน่อยเท่านั้นเอง เหมือน 6D ที่ขนาดเล็กลงหน่อยนึง
ในส่วนของขนาด ไม่ได้เล็กเท่าไหร่อย่างที่บอกไปตอนแรก ส่วนน้ำหนักก็ไม่ได้เบาผิดหูผิดตา น้ำหนักตัวบอดี้อย่างเดียวอยู่ที่ 580 กรัม ส่วนถ้ารวมแบตรวมการ์ด จะอยู่ที่ 660 กรัม ซึ่งไม่ได้น้อยเท่าไหร่ตามสไตล์กล้องมิลเรอร์เลสที่เป็นฟูลเฟรมไม่ว่าค่ายไหนก็น้ำหนักราว ๆ นี้ครับ
ในส่วนของการจับถือ ด้วยความที่ออกแบบมาให้เหมือน DSLR แน่นอนว่าการจับถือโอเคมากอยู่แล้ว เป็นมิลเรอร์เลสฟูลเฟรมที่จับได้เต็มไม้เต็มมือไม่ต้องกลัวหลุดกลัวล่วง ส่วนบาลานซ์เวลาใส่เลนส์คิทอย่าง RF 24-105mm F4L IS USM แล้วก็หนักไปที่เลนส์นิดหน่อยเพราะเลนส์เหมือนจะน้ำหนักเยอะกว่านิดหน่อยครับ
พอร์ทต่าง ๆ ที่ทาง Canon EOS R ให้มาก็เรียกได้ครบครันครับ เพราะให้มาทั้งช่องใส่สายลั่น ช่องใส่ไมค์ ช่องใส่หูฟัง ช่อง USB 3.1 และสุดท้ายช่อง Micro HDMI ซึ่งเป็นคลีน HDMI นั่นก็หมายถึงเวลาเอาไปเสียบทีวี หรือเสียบไลฟ์สดได้ ส่วนช่อเมมโมรี่การ์ดให้มา 1 ช่องรองรับ UHS-II ครับ
**หมายเหตุ เวลาไลฟ์สดต้องคอยระวังไม่ให้หน้าจอหลัง จอวิวไฟเดอร์ หรือตัวกล้อง Sleep เพราะจะทำให้เสียงหายไปด้วยถ้าใช้ไมค์ต่อจากตัวกล้อง สามารถเข้าไปตั้งได้ เพียงแต่หน้าจอหลังสามารถเข้าไปตั้งได้สูง 30 นาทีเท่านั้น ถ้าเกิน30นาทีแล้วไม่มีการกดอะไรที่ตัวกล้องจอหลังจะดับซึ่งเสียงก็จะหาย อาจจะแก้ได้โดยการเอาไมค์ไปเสียบที่คอมหรือโน้ตบุคที่ใช้ไลฟ์ ที่สำคัญคอมหรือโน้ตบุคต้องมีช่องไมค์นะครับ
แบตเตอรี่
ในส่วนของแบตเตอรี่ใช้ตัวเดียวกับกล้อง Canon ที่เป็น DSLR รุ่นใหญ่ ๆ ได้เลยเพราะ EOS R ใช้รุ่น LP-E6N ในส่วนของความอึดที่ตอนแรกหลายคนกลัวว่าจะไม่ค่อยอึดเพราะตามสเปกบอกมาว่า 370 ซ็อตที่การใช้งาน 23°C และ 350 ซ็อตที่ 0°C แต่จากการใช้งานทั่ว ๆ ไปจากการเอาไปใช้งานจริงในบ้านเราเมืองร้อนระอุแบบนี้ ผมสามารถถ่ายมาได้ที่ 700 กว่าภาพได้เลย โดยที่บางครั้งก็เปิดงมหาเมนู ถ่ายไทม์แลปส์ ถ่ายวิดิโอซึ่งถ้าเป็นวิดิโอที่ไม่ใช่ไทม์แลปส์เค้านับเป็น 1 ด้วย ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วันแบบสบาย ๆ ครับ สำหรับการเอาไปถ่ายเที่ยวถ่ายเล่นทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับคนที่ถ่ายงานซื้อมาสำรองอีก 1 ก้อนนี่ยาว ๆ ครับ
โหมดและการควบคุมที่เพิ่มเข้ามาใหม่
DialปรับMode และ Mode FV
ปกติกล้อง Canon หรือกล้องหลาย ๆ ยี่ห้อมักจะมีสัญลักษณ์ที่ Dial ปรับโหมดให้เลือกโหมดได้ตามปกติ แต่กล้อง Canon EOS R ตัวนี้ไม่มีสัญลักษณ์ที่ Dial อีกต่อไปครับถ้าอยากปรับโหมดให้กดปุ่มตรงกลางแล้วหมุน Dial จะมีโหมดมาให้เลือกหมุนวนไปเรื่อย ๆ ครับ
**ถ้าอยากเปลี่ยนเป็นโหมดการถ่ายวีดิโอ ให้กดปุ่ม Info ข้างหลังก็จะเปลี่ยนเป็นโหมดวีดิโอ แล้วก็จะเลือกโหมดในการถ่ายวิดิโอได้ครับ
Control Ring
อันนี้จะเพิ่มมาอยู่ที่เลนส์ที่เป็นเม้าท์ RF หรือเม้าใหม่เค้านั่นเอง ซึ่งสามารถตั้งได้หลายอย่างตามนี้ครับ ปรับ ISO,ปรับรูรับแสง,ปรับสปีด,ปรับชดเชยแสง ซึ่งที่พูดมาสามารถปรับได้สองแบบคือ หมุน Control ring แล้วเปลี่ยนค่าเลย และ กดชัตเตอร์ลงครึ่งนึงถึงจะปรับที่เราตั้งค่าไว้ได้ เพื่อกันมือไปโดนแล้วค่าเปลี่ยนครับ
Muti Function Bar
สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงแล้วเห็นชัดโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหลังนั่นก็คือ Multi function Bar ซึ่งอยู่ข้างหลังบริเวณนิ้วโป้งนั่นเอง เราสามารถตั้งค่าไว้ได้หลายรูปแบบมีพรีเซ็ตให้และสามารถ Custom เองได้ ว่าจะใช้การทัชทางซ้าย ทัชทางขวา และ การปาดเลื่อน ซึ่งตอนแรกที่ใช้ถ้ายังไม่ตั้งอะไรแล้วมือไปโดนมันจะเด้งถามว่าจะตั้งไหมตลอด เพราะฉะนั้นแนะนำให้ตั้ง หรือเข้าไปล็อคในปุ่ม Lock ด้านบนได้ครับ
ปุ่ม M.Function
อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนไปอีกอย่าง ปกติกล้อง Canon ที่เป็น DSLR จะมีปุ่มแยกที่เอาไว้ปรับ ISO,White Balance,Drive Mode,ระบบโฟกัส,ชดเชยแสง แต่ใน Canon EOS R ปุ่มเหล่านั้นจะไม่มี เพราะเค้าเอามารวมกันไว้ที่ปุ่ม M.Function ด้านบน หากต้องการจะปรับอะไรตามที่กล่าวมาข้างต้นต้องเข้าไปกดปุ่ม M.Function แล้วใช้ Dial ด้านหลังในการเลื่อนหาสิ่งที่เราอยากปรับ และใช้ Dial หน้าเพื่อปรับค่านั้น ๆ นั่นเอง (ยกเว้นชดเชยแสงสามารถปรับได้อีกที่ตอนถ่ายนั่นก็คือ dial ด้านหลัง) ตรงนี้ตอนใช้แรก ๆ ผมว่ามันช้าต้องคอยกดปุ่มแล้วต้องมาหมุนเลือกอีก แล้วชอบไปหมุนผิดสลับกันทำให้รู้สึกว่าค่อนข้างช้า ไม่น่าเอามารวม แต่พอใช้ไปสักพักก็ชินครับ
ทดสอบคุณภาพไฟล์ ISO & Dynamic Range
ในส่วนของการทดสอบ ISO ผมขอเริ่มต้นที่ 800 นะครับ ไล่ไปเรื่อย ๆ ถึง 25600 ครับผม
ภาพสุดท้ายคือภาพเต็มของ ISO 25600 แบบไม่ครอปครับ
**สรุป ISO ในส่วนของ ISO ก็สามารถทำได้ดีตามมาตรฐานของ Canon ครับ ไฟล์ดีใช้ได้ทีเดียว สำหรับผมเองถ้ามีบางงาน บางจังหวะ ที่ต้องการจะได้รูปมาก ๆ แล้วจำเป็นต้องดัน ISO ผมว่าผมสามารถดันไปที่ 6400 ได้ หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็อาจจะไปแตะ 12800 บ้างก็พอเป็นได้ครับ
ทีนี้มาในส่วนของ DR หรือ dynamic range บ้างครับ จริงผมทดสอบมาสองแบบในวิดิโอจะเป็นเวอร์ชั่นเต็มครับ ส่วนในบทความนี้ผมเอาภาพมาดึงให้ง่าย ๆ บวกนู้นลบนั่นไรประมาณนี้ตามค่าเซ็ตติ้งของ LR ที่เห็นเลยครับ ซึ่งผมถ่ายมาแบบย้อนแสงโดยที่เก็บรายละเอียดส่วนสว่างให้ยังอยู่นั่นเอง
นี่คือภาพหลังจากที่ลองดึงแบบง่าย ๆ เพิ่ม Exposure ลด Hilight บวก Shadow ครับ
**สรุป DR ในส่วนของ dynamic Range เท่าที่ได้ลองขุด ลองดึง ทั้งส่วนมืดส่วนสว่าง ผมว่าทำได้ดีครับ ดีผิดหูผิดตาครับ ถือว่าลบคำสบประมาทไปได้เยอะเลยทีเดียว
ทดสอบระบบออโต้โฟกัส
ระบบโฟกัสของกล้อง Canon EOS R ระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel ซึ่งเป็นระบบโฟกัสเอกลักษณ์ของค่ายหนอน มีใช้ทั้งในกล้อง DSLR แล้วก็มิลเรอร์เลสของ Canon เรียกว่าพัฒนามาไกลมาก และใช้ได้ดีด้วย
ในภาพนิ่ง
ในวิดิโอ สามารถทำได้ดีคือถ้าเป็นภาพนิ่งเร็วแต่พอเป็นวิดิโอจะมีความนุ่มนวล และสมูทมากยิ่งขึ้น เพราะกับงานวีดิโอ ถือว่าทำงานได้ดีและฉลาดมากครับ
ทดสอบกันสั่น
ต้องบอกก่อนว่ากล้อง Canon EOS R ตัวนี้ ไม่ได้มีกันสั่นที่ตัวกล้อง หรือ Sensor Shift แต่อย่างใดนะครับ มีเฉพาะที่ตัวเลนส์ เพราะฉะนั้นการรีวิวทดสอบกันสั่นกล้อง Canon EOS R นี้ ต้องบอกว่าเป็นการรีวิวทดสอบที่ตัวเลนส์แทน ซึ่งเลนส์ที่ใช้ก็คือ RF 24-105mm F4L IS USM การทดสอบก็จะประมาณนี้ครับ
ปล.เนื่องจากที่ตัวกล้องจะไม่มีกันสั่นเพราะฉะนั้นเวลาที่เราเอาเลนส์มือหมุนหรือเลนส์ที่ไม่มีกันสั่นมาใส่ก็จะไม่มีกันสั่นใช้นะครับ
ส่วนกันสั่นในวิดิโอ จะมีสองแบบคือกันสั่นแบบธรรมดาและดิจิตัลหรือ Canon เรียกว่า Enhance ผมก็ได้เอาไปทดสอบโดยการขึ้นบันไดให้ดูตามวิดิโอด้านล่างครับ
ภาพตัวอย่างจาก Canon EOS R
ผมได้เอากล้อง Canon EOS R ไปทดสอบรีวิวมาหลายที่ หลายเลนส์ หลายรูปแบบทั้งถ่ายคน ถ่ายวิว และนี่ก็คือตัวอย่างที่ผมเอาไปถ่ายมาครับ
ภาพวิว
ภาพถ่ายพอร์ทเทรท
สรุปการรีวิว Canon EOS R
ถ้ามองภาพรวมของกล้อง Canon EOS R ผมกล้าพูดได้เลยว่าเป็นกล้องที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียวครับ ตามมาตรฐานของ Canon เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องคุณภาพไฟล์หรือความสามารถโดยรวมของกล้องก็ทำได้ดี โดยเฉพาะการเอาไปถ่ายรูปคนหรือพอร์ทเทรทเรื่องสีสันสกินโทนแบบแคนนอนเป็นอะไรที่รู้กันอยู่แล้วในกลุ่มคนเล่นกล้องถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของแคนอน ที่สำคัญระบบโฟกัสที่เอื้อต่อการถ่ายภาพคนอย่าง Face Detection หรือ Eye AF คือดีงาม ส่งเสริมให้การถ่ายรูปคนแจ่มว้าวเข้าไปอีก ทีนี้ตามธรรมเนียมครับ เดี๋ยวผมจะสรุปสิ่งที่ชอบและข้อสังเกตให้เป็นข้อ ๆ เช่นเดิมครับ
สิ่งที่ชอบ
-คุณภาพไฟล์ ผมว่าไฟล์ดีนะ ISO สูง ๆ ก็ถือว่าทำได้ดี ส่วนเรื่อง Dynamic Range ทำได้ดีเลยแหละ โดยเฉพาะการขุดที่ดีผิดหูผิดตา ส่วนไฟล์ 30 ล้านกำลังสวยครอปได้ ไฟล์ไม่ใหญ่ไม่เปลืองพื้นที่
-สีสัน สกินโทน แน่นอนนี่คือจุดเด่นเป็นสีแบบเอกลักษณ์ของ Canon เค้าหล่ะ สวย หวาน ถ่ายสาวแจ่ม
-ระบบโฟกัส คือของดี ในภาพนิ่งรวดเร็วแม่นยำ ที่ชอบมากคือ Face Detection และ Eye AF ถ่ายคนโคตรมีประโยชน์ ในวิดิโอสมูทมาก
-จอทัชสกรีน ชอบที่สุดที่เคยใช้จอทัชสกรีนจากทุกยี่ห้อ
-จอพับ ถ่ายวิดิโอตัวเอง หรือ ถ่ายเซลฟี่ได้ ทำงานสะดวกถ่ายได้ทุกมุม
ข้อสังเกต
-การควบคุมกล้องที่ต้องทำความเข้าใจ ด้วยความที่สามารถปรับอะไรได้เยอะบวกกับเปลี่ยนแปลงการควบคุมกล้องไปเยอะ รู้สึกช้าและไม่ชิน แต่ใช้ไปสักพักก็ชิน
-วิดิโอ 4K Crop 1.7 อันนี้เรียกว่าแอบเสียดาย จริง ๆ EOS R ถ่ายวิดิโอได้ดีนะทั้งเรื่องโฟกัส สีสัน ถ่าย 10 บิท 4:2:2 ได้อีก ไหนจะ C-Log เอาไว้เกรดสี แต่ 4K ดันครอป ก็เสียความกว้างไปพอสมควรครับ
และนี่ก็คือทั้งหมดจากกล้อง Canon EOS R ที่ผมได้สัมผัสมาครับ สำหรับคนที่สนใจกล้อง Canon EOS R สามารถ เชคราคา Canon EOS R สั่งซื้อและดูข้อมูลได้ที่นี่ครับ