วันที่ 23/1/2020 ทางฟูจิฟิล์มได้ทำการเปิดตัวกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่อย่าง Fujifilm X-T200 วางตำแหน่งเป็น Smart Mirrorless ต่อจาก X-A7 ก็เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้ ซึ่ง Content นี้ ทีมงานจะมา มินิรีวิว Fujifilm X-T200 ให้ได้ชมกันครับ
เกร็ดเล็กๆน้อยๆ
- Series X-T100 นั้นจะอยู่คั่นกลางระหว่าง X-A และ X-T เน้นตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความจริงจังมากยิ่งขึ้น
- X-T100 ที่มีการใช้งานจอ LCD ในลักษณะพับข้าง ก่อนถูกพัฒนาเพิ่มใน X-A7
- X-T100 เป็นกล้อง Mirrorless รุ่นแรกใน X-Series ที่มีเฉดสี Champagne Gold
Introduction
Main Feature
- ยังคงเป็นกล้อง Mirrorless X-Mount ทรง SLR
- ใช้ Sensor ขนาด APS-C ความละเอียด 24 Megapixels
- จอ LCD ขนาด 3.5″ ความละเอียด 2,760,000 dot รองรับ Touchscreen
- ออกแบบจอ LCD ให้สามารถพับในลักษณะ Vario Angle
- ช่องมองภาพแบบ EVF ความละเอียด 2,360,000 dot
- เพิ่ม Joystick เพื่อใช้ในการควบคุม ทดแทนการตัด D-Pad ออก
- Shutter Speed สูงสุดที่ 1/4000 ( Mechanic Shutter )
- Shutter Speed สูงสุดที่ 1/32000 ( E-Shutter )
- อัตราการถ่ายต่อเนื่อง 8 fps
- รองรับการถ่าย Video 4K 30p , FHD 60p
- ระบบกันสั่นแบบไฟฟ้า ในงาน Video
- พอร์ต mic. ขนาด 3.5mm. เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ไมค์แยก
- พอร์ตเชื่อมต่อหูฟัง ( ต้องต่อผ่าน Adapter )
- เชื่อมต่อผ่าน WIFI , Bluetooth
- แบตเตอรี่ NP-W126S ถ่ายต่อเนื่องสูงสุดที่ 270 ช๊อต
- น้ำหนักสุทธิ 370 กรัม
มินิรีวิว Fujifilm X-T200 การกลับมาในร่าง Smart Mirrorless X-Series

หากย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายน 2018 เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิด Series ใหม่อย่าง Fujifilm X-T100 ซึ่งบางท่านอาจจะสงสัยว่า ในเมื่อมี Fujifilm X-T20 / Fujifilm X-E3 วางจำหน่ายในตลาดอยู่แล้ว ทำไมทางฟูจิฟิล์มถึงต้องเพิ่ม Series เข้ามาอีก
เหตุผลสำคัญ คือ เพื่อลดช่องว่างระหว่าง X-A Series กับ X-T Series เดิมทีกล้อง Mirrorless ในตระกูล X-A Series นั้น เป็นกล้องที่วาง Position ค่อนข้างชัดเจน ที่เน้นตอบโจทย์มือใหม่เป็นหลัก ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือ วัยรุ่นหนุ่มสาว ที่เปลี่ยนจากการใช้ Smartphone มาใช้กล้อง Mirrorless เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีขึ้นนั่นเอง

ทว่ากล้อง Mirrorless ใน X-A Series ไม่อาจที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ในทุกๆสถานการณ์เสมอไป โดยเฉพาะกับผู้ที่ใช้งานกล้องมาซักระยะหนึ่ง แล้วต้องการความจริงจังในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ Control หรือ การส่องผ่าน EVF นั่นเอง

ด้วยเหตุผลด้านราคาของ X-T Series ที่อาจจะสูงกว่า X-A พอสมควร แม้ว่าจะแลกกับกันได้สเปคและฟีเจอร์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึง Performance ต่างๆก็ดีขึ้นตามราคา แต่สำหรับบางท่านมองว่ายังไม่คุ้มที่จะต้องจ่ายส่วนต่างในส่วนนี้เพิ่มเติมนั่นเอง
เมื่อราคาเป็นปัจจัยหลักของช่องว่างระหว่าง X-A และ X-T จึงทำให้ฟูจิฟิล์มเล็งเห็นว่า ถ้าสามารถทำกล้องที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการฟีเจอร์เสมือน X-A และ X-T รวมเข้าด้วยกันในราคาที่จับต้องได้ จึงเกิดเป็น X-T100 และ X-T200 ณ ปัจจุบันนั่นเอง

คุณภาพเกินขนาดด้วย Sensor ขนาด APS-C
Fujifilm X-T200 แม้จะเป็นกล้องวาง Position เหนือกว่า X-A7 และอยู่ต่ำกว่า X-T30 ที่วางจำหน่าย ณ ปัจจุบัน แต่ในแง่ของสเปคและฟีเจอร์นั้น บอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน

Sensor ที่มีความละเอียด 24 Megapixels บนขนาด APS-C ซึ่งความละเอียดดังกล่าวแทบจะเป็น Base ในปัจจุบันไปเสียแล้วอันจะได้เห็นจากกล้อง Mirrorless ใน Class เดียวกัน ซึ่งถ้าถามว่าเพียงพอในการใช้งานหรือไม่ ต้องบอกว่าเหลือเฟืออย่างสบายๆเลยละครับ
แม้บางท่านจะบอกว่า Smartphone ในปัจจุบันมีความละเอียดที่สูงเทียบเท่ากับกล้อง DSLR หรือ Mirrorless แต่นั่นก็เป็นเพียง Smartphone ที่ขนาด Sensor มีความเล็กกว่า Sensor APS-C แบบไม่ต้องสงสัย ซึ่งรวมไปคุณภาพไฟล์ที่จะได้ด้วยนั่นเอง
เซลฟี่ก็งาม ช่องมองภาพก็พร้อม
จุดแข็งของฟูจิฟิล์มที่มีมาตลอด คือ การเซลฟี่ นั่นเอง เนื่องจากสีและสกินโทนที่ได้จากกล้อง Fujifilm นั้น เรียกได้ว่าแทบจะจบหลังกล้องได้อย่างสบายๆเลยทีเดียว
เดิมทีการเซลฟีของกล้อง Mirrorless จาก Fujifilm นั้น เราจะนึกถึงกล้องในตระกูล X-A Series เป็นหลัก โดยเฉพาะ Fujifilm X-A2 ซึ่งเป็นกล้องที่สร้างชื่อไว้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้การมาของ X-T100 และ X-T200 ก็สามารถตอบโจทย์การเซลฟี่ได้เช่นกัน โดยตัวจอ LCD ถูกออกแบบในลักษณะ Vario Angle หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อจอพับนั่นเอง ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการเซลฟีได้เป็นอย่างดี รวมถึงในงาน Video & VLOG ด้วยเช่นกัน

นอกเหนือจะโดดเด่นในเรื่องจอ LCD ที่สามารถพับมาเซลฟี่ได้แล้วนั้น ยังติดตั้งช่องมองภาพแบบ EVF ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการถ่ายภาพได้ดียิ่งขึ้น เพราะ จอ LCD ส่วนมากเมื่อใช้งานกลางแจ้ง มักจะไม่สู้แสงซักเท่าไร หรือ อาจมองไม่เห็นเลยก็ได้
ซึ่งการถ่ายภาพด้วยการมองผ่าน EVF นั้น จะช่วยเพิ่มความนิ่งในการจับถือตัวกล้อง พร้อมๆกับการเพ่งสมาธิให้จดจ่อกับเฟรมภาพที่เราต้องการก่อนที่จะลั่นชัตเตอร์นั่นเอง
กล้องรุ่นเล็กที่เน้นควบคุมผ่าน Joy Stick
สิ่งที่สร้างความเซอไพรส์เล็กๆให้กับผู้เขียน เมื่อพบว่าเจ้า Fujifilm X-T200 เป็นกล้องรุ่นที่ 2 ต่อจาก Fujifilm X-A7 ที่เน้นการควบคุมตัวกล้องผ่าน Joystick เป็นหลัก ซึ่งปกติแล้วเรามักจะพบ Joystick บนกล้องระดับ Semi Pro ขึ้นไป

สาเหตุมาจาก Fujifilm X-T200 ถูกตัด D-Pad หรือ ปุ่มควบคุม 4 ทิศทางออกไปนั่นเอง ซึ่งโดยปกติเราจะใช้ D-Pad ในการตั้งค่า FN ต่างๆ หรือ เลื่อนจุด Focus ไปยังจุดต่างๆ ซึ่ง Joystick จะถูกทดแทนในส่วนนี้ไปโดยปริยาย
ส่วน Setting ต่างๆในส่วนของ FN นั้น จะถูกยกไปไว้บนจอ LCD ทั้งหมด โดยสามารถเรียกใช้งาน FN เหล่านั้นโดยการ Touchscreen บน LCD ในลักษณะ Swipe ซึ่ง สามารถตั้งได้ 4 ทิศทาง อารมณ์เหมือนใช้งาน Smartphone นั่นเองครับ
รูปสวยง่ายๆด้วย Smart Feature
ด้วยจุดเด่นเรื่องสีและสกินโทนที่เป็นเอกลักษณ์ของฟูจิฟิล์มมาโดยตลอดนั้น ถูกเพิ่มขีดความสามารถให้เพียบพร้อมยิ่งขึ้น ชนิดที่ว่าสามารถจบงานได้ตั้งแต่หลังกล้องทันที เพราะ ช่างภาพมือใหม่โดยเฉพาะสาวๆ จะนิยมถ่ายแล้วแชร์ลง Social ทันทีนั่นเอง
สำหรับ Smart Feature ที่บรรจุมาใน Fujifilm X-T200 นั้น มีการ Import บางส่วนมาจาก Fujifilm X-A7 ด้วยเช่นกัน ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้พร้อมตอบโจทย์มือใหม่ได้เป็นอย่างดี และนี่คือ Smart Feature เหล่านั้น
- LCD : จอแสดงผลระบบทัชสกรีน พร้อมสั่งการ Smart Menu
- Backlit : เพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย
- Depth of field : ควบคุมความชัดตื้น , ชัดลึกภายในภาพ
- Low Light : เพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายย้อนแสง
- Skin : ปรับสภาพสีผิวให้เนียนยิ่งขึ้น เหมาะกับงาน Portrait
- Movie : งาน Video จะง่ายและสวย ด้วย Eye AF , Portrait Enhance
- Connectivity : แชร์ไฟล์ลง Social ง่ายๆด้วย WIFI , Bluetooth
Film Simulation จำลองฟิล์มผ่าน Digital
อ่านเพิ่มเติม : Film Simulation
Killer Feature ประจำค่ายฟูจิฟิล์ม ที่เป็นประยุกต์นำสีโทนฟิล์มในอดีตกลับมาโลดแล่นในยุคดิจิตอลอีกครั้ง เรียกว่าเอาใจสายฟิล์มหรือสายฮิฟเตอร์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งด้วยกระแสกล้องฟิล์มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ยิ่งตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
ทั้งนี้ Film Simulation ใน Fujifilm X-T200 นั้นจะมีให้เลือกใช้งานด้วยกันถึง 11 แบบ ซึ่งมีรายละเอียดตามด้านล่างนี้เลยครับ
- PROVIA
- Velvia
- ASTIA
- CLASSIC CHROME
- PRO Neg STD
- PRO Neg Hi
- MONOCHROME
- MONOCHROME + Yellow Filter
- MONOCHROME + Red Filter
- MONOCHROME + Green Filter
- Sepia
เอาใจสาย Video & VLOG พร้อม mic. 3.5mm.
ด้วยกระแสการถ่าย Video หรือ VLOG กันมากขึ้น ทำให้ค่ายกล้องต่างๆ ต้องเริ่มปรับตัวให้เข้าหาผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ยิ่งกล้องรุ่นใดตอบโจทย์ได้ตามความต้องการ ยิ่งตัดสินใจได้ง่าย
ทั้งนี้ Fujifilm X-T200 นอกเหนือจะมีคุณภาพของไฟล์ภาพนิ่งที่ให้สีสันที่สวยงามแล้ว งาน Video ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เพราะ รองรับการถ่าย Video ทั้ง 4k และ FHD โดยเฉพาะ Video 4K ได้มีการใช้เทคนิคถ่ายที่ความละเอียด 6K แล้วทำการบีบอัดให้เหลือเพียง 4K ซึ่งจะทำให้ได้ไฟล์ Video ที่มีคุณภาพสูงด้วยเช่นกัน
ความเด็ดขาดที่ปรากฏใน Fujifilm X-T200 คือ รองรับพอร์ตเชื่อมต่อ mic. ขนาด 3.5mm. แล้วนั่นเองครับ ซึ่งเดิมทีใน Fujifilm X-T100 จะเป็นขนาด 2.5mm. ทำให้จำเป็นต้องมี Adapter แปลงเพื่อใช้งานกับ mic. ทั้ง mic.shotgun หรือ wireless นั่นเอง
สาเหตุหลักๆที่ต้องมีช่อง mic. 3.5mm. เนื่องจากงาน Video แทบทุกงานนอกเหนือคุณภาพไฟล์แล้ว คุณภาพเสียงก็ต้องควบคู่กันไป ปกติแล้วหากไม่ใช่งานที่ซีเรียส mic.จากหัวกล้องก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ยกเว้นในสถานการณ์ที่มีเสียงดังอาจจะยากซักหน่อย
นอกจาก mic. แล้ว ใน Fujifilm X-T200 ยังมีพอร์ตสำหรับต่อเข้ากับหูฟัง เพื่อใช้ในการเช็คเสียงในระหว่างอัด Video หรือ เช็คไฟล์หน้างาน ว่า เสียงเข้ามากน้อยเพียงใด โดยพอร์ตดังกล่าวจะต้องใช้ Adapter ก่อนต่อกับหูฟังทุกครั้งครับ
นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่นแบบ Digital หรือที่เรารู้จักกันในชื่อกันสั่นไฟฟ้า ซึ่งระบบกันสั่นดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยชั้นดียามที่เราถ่าย Video แบบไม่ได้ใช้กิมบอล หรือ เดินถ่าย จะช่วยเพิ่มความสมูธให้กับ Video ได้ดียิ่งขึ้น แม้อาจจะไม่นิ่งเท่ากิมบอลก็ตามทีครับ
ราคาเปิดตัว
สำหรับ Content มินิรีวิว Fujifilm X-T200 แม้จะยังไม่มีราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งอาจจะต้องรอประกาศจากทางฟูจิฟิล์มไทยอีกครั้งครับ ส่วนราคาประมาณการนั้นจะมีตามนี้ครับ
- Fujifilm X-T200 ( Body ) = 699 us หรือ ประมาณ 21,000 บ.-
- Fujifilm X-T200 + kit ( XC 15-45 ) = 799 us หรือ ประมาณ 24,000 บ.-
ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์
แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
086-349-7224 / 02-635-2330 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)



