รีวิว Sony FE 12-24mm F4 G
บ่อยแค่ไหนครับที่เราจะได้เห็นเลนส์ไวด์(Wide)หรือเลนส์มุมกว้างที่มีช่วงกว้างถึง 12mm บนเซนเซอร์ Full Frame บอกเลยว่า…ไม่บ่อยแน่นอน มีองศารับภาพกว้างถึง 122 องศาในขณะที่เลนส์ Kit ปกติทำได้ 75 องศาเท่านั้นผลงานนี้มาจาก Sony ในชื่อว่า Sony FE 12-24mm F4 G ถือเป็นเลนส์ Sony FE ที่กว้างที่สุดเท่าที่เคยมีมา
แต่นอกจากกว้างแล้ววันนี้เราจะมารีวิว Sony FE 12-24mm F4 G กันว่าในเรื่องอื่นเช่น ความคม ขอบม่วง ขอบดำ แฉกไฟ การคุมแสง Ghost, Flare จะทำได้ดีแค่ไหน
ราคาเปิดตัวในไทย 63,990 บาท
มาดูลักษณะภายนอกกันก่อน
เลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G ตัวนี้มีโครงสร้างชิ้นเลนส์ 17 ชิ้น 13 กลุ่มซึ่งมีชิ้นเลนส์พิเศษใส่อยู่ถึง 8 ชิ้นแบ่งเป็น Aspherical 4 ชิ้น, ED 3 ชิ้น, และ Super ED อีก 1 ชิ้น และยังมีการ Coating ผิวแบบ Nano AR ด้วย
บอดี้ภายนอกส่วนใหญ่ที่ทำจากพลาสติกช่วยให้ตัวเลนส์มีน้ำหนักเบาแค่ 565 กรัมเท่านั้น ซึ่งถ้าเราลองเทียบกับเลนส์ไวด์ช่วงใกล้ ๆ กันบน Full Frame ของค่ายอื่นเช่น Nikon 14-24mm F2.8 (1kg), Sigma 12-24mm F4 Art(1.15kg), Canon 11-24mm F4(1.18kg) จะเห็นว่ามีน้ำหนักน้อยกว่ามาก
น้ำหนักเลนส์ 565 กรัมทำให้เวลาใส่กับกล้อง Sony A7 แล้วสมดุลค่อนข้างดีมากไม่เทไปหน้าหรือหลังมากเกินไปทำให้ถือแล้วไม่เมื่อยครับและเป็นเลนส์ที่ผมมองว่ามันเข้ากับกล้อง A7 Series มาก ๆ
ตัวเลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G มี Weather Seal ที่ช่วยป้องกันฝุ่นและความชื้นได้ แต่ยังไม่ได้มีซีลมากขนาดจะนำไปโดนน้ำสาดหรือตากฝนได้ดังนั้นถ้าใครจำเป็นต้องให้โดนน้ำจริง ๆ ก็ขอให้โดนแต่น้อยด้วยความระมัดระวังนะครับ
ด้านข้างเลนส์จะมีปุ่ม fn ที่สามารถตั้งเป็นเมนูอะไรก็ได้หลากหลายเลยครับ(ได้เหมือนตอนตั้งค่าปุ่ม fn บนตัวกล้อง)ซึ่งผมชอบเพราะมันสะดวกมากตรงจุดนี้แต่ถ้าค่าเดิมจากโรงงานมาปุ่มนี้จะเป็น Focus Hold ที่พอกดแล้วระยะโฟกัสจะค้างไว้ไม่เปลี่ยนครับ
Sony FE 12-24mm F4 G มีหน้าเลนส์ที่โค้งนูนออกมาอย่างที่เห็นครับทำให้ไม่สามารถใส่ฟิลเตอร์ได้และฮูดเป็นแบบติดมากับตัวเลนส์เลยถอดไม่ได้
ฝาปิดเลนส์เป็นแบบครอบซึ่งอย่าลืมว่าถ้าทำหายจะไปหาซื้อฝาปิดเลนส์ทั่วไปมาแทนไม่ได้แล้วนะครับเพราะต้องครอบพอดีเฉพาะรุ่นเท่านั้น แต่เจ้าฝานี่ใหญ่พอควรคงไม่หายกันง่าย ๆ แน่ 555
เลนส์ตัวนี้ใช้มอเตอร์ที่ชื่อยาวมาก Direct Drive Super Sonic Wave Motor หรือย่อว่า DDSSM(ขนาดย่อยังยาวเลย)อันนี้ไม่มีรูปให้ดูเพราะมันอยู่ข้างใน 555 แต่ประเด็นสำคัญคือ Sony กล่าวว่ามันจะโฟกัสได้เร็วและดีสำหรับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
ซึ่งผมลองใช้แล้วก็พบว่า Sony FE 12-24mm F4 G โฟกัสได้เร็วดีครับแต่ถ้าเราอยู่ในห้องเงียบ ๆ อาจจะได้ยินเสียงมอเตอร์เลนส์ได้ทำให้กังวลว่าเสียงนี้อาจจะเข้าไปในวิดีโอ เมื่อทดสอบผมพบว่าตอนถ่ายวิดีโอตัวเลนส์จะมีการปรับการทำงานให้โฟกัสได้นิ่มนวลขึ้น เร็วน้อยลงนิดเดียวแต่เงียบกว่าเดิมมากและไม่มีเสียงการทำงานเข้าไปในวิดีโอเลย
ทดสอบเลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G
เริ่มกันด้วยความกว้าง
เลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G ตัวนี้กว้างมากครับผมได้ลองถ่ายมาให้ดูที่ช่วง 12mm, 16mm, 24mm เพื่อให้ทุกคนได้สังเกตว่ามันกว้างขึ้นมามากแค่ไหน
มันกว้างจนบางครั้งแอบถ่ายยากเลยทีเดียวเพราะทุกอย่างถูกเก็บเข้ามาในภาพหมดจึงต้องพยายามหามุมที่จะหลบส่วนที่รก ๆ ซึ่งก็หลบได้บ้างไม่ได้บ้าง 555 แต่ดีหน่อยที่เลนส์ตัวนี้มันซูมได้การใช้ที่ช่วง 24mm ในบางสถานที่ก็ช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้น
ความบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนที่ได้จากเลนส์กว้างขนาดนี้ทำให้เราถ่ายแขนตัวเองให้ยืดยาวเป็นมือแม่นาคได้เลย
Distortion หรือความบิดเบี้ยว
เมื่อพูดถึงเลนส์ไวด์ก็ต้องมาดูความบิดเบี้ยวซึ่งผมได้ลองถ่ายมาหลายช่วงตั้งแต่ 12mm ถึง 24mm ให้ทุกคนสังเกตความบิดเบี้ยวได้จากแนวโครงหลังคาด้านบนและเส้นที่พื้นด้านล่างนะครับ
ที่ 12mm เลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G มีความบิดเบี้ยวแบบปูดบวมออก(Barrel Distortion)เห็นได้ค่อนข้างชัดในภาพนี้
ที่ 14mm อาการเบี้ยวน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจนเกือบจะมองไม่เห็นแล้ว
เมื่อหมุนไปที่ 16mm อาการเบี้ยวเริ่มกลับมาอีกครั้งคราวนี้เป็นแบบเว้าเข้าตรงกลาง(Pincushion Distortion)
ที่ 18mm อาการเว้ามีมากขึ้นอีกเล็กน้อย
ที่ 21mm อาการเว้ามีน้อยลงแต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่
อาการ Pincushion Distortion ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างแม้จะเป็นช่วง 24mm
ไม่ต้องกังวล Distortion แบบนี้แก้ได้ง่าย ๆ
เลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G ตัวนี้มี Distortion ให้เห็นพอสมควรแต่สามารถแก้ได้ด้วยการเปิดฟังก์ชันลดความบิดเบี้ยวในตัวกล้องหรือถ้าใครถ่ายไฟล์ RAW มากล้องจะไม่ลดความเบี้ยวให้แต่เราสามารถนำไฟล์โยนเข้า Lightroom แล้วไปเลือก Lens Corrections ในหน้า Develop เลือกโปรไฟล์เลนส์ให้เป็นเลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G ก็เป็นอันเรียบร้อย วิธีนี้ Distortion จะหายรวมถึงอาการขอบมืด Vignette ต่าง ๆ ด้วย
Chromatic Aberration หรือขอบม่วง
อันนี้มีเรียกกันในชื่อย่อว่า CA หรือ ขอบม่วง แต่ชื่อเต็มคือ Chromatic Aberration เป็นความคลาดเคลื่อนสีทำใหห้เกิดเป็นสีม่วง ๆ เขียว ๆ(บางทีก็มีสีอื่น) ซึ่งเลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G จะจัดการเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว
จากภาพจะเห็นว่าขอบม่วงมีให้เห็นที่ F4 ค่าเดียวเท่านั้นเมื่อหรี่ไปที่ F5.6 รวมถึงหลังจากนั้นไปไม่มีให้เห็นเลย ถือว่าทำได้ดีเพราะปกติเลนส์ไวด์เราก็มักหรี่ F ไปช่วง F5.6-F11 กันเวลาถ่ายอยู่แล้ว สำหรับผมขอบม่วงในเลนส์ตัวนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหาเลย
Vignette หรือขอบมืด
อาการขอบมืดนั้นมีให้เห็นตั้งแต่ F4 และจะเริ่มน้อยลงมากตอน F11 และน้อยลงไปเรื่อย ๆ ครับ ซึ่งอาการนี้สามารถหายไปทั้งหมด 100% ได้ด้วยเช่นกันจากการตั้งค่าโปรไฟล์ของเลนส์ให้ตรง สบาย ๆ
ความคมเทียบชั้น G Master
เรื่องความคมเป็นส่วนที่ผมชอบที่สุดของ Sony FE 12-24mm F4 G เพราะมันคมดีมากทั้งกลางและขอบแถมสามารถทำได้ดีและมันดีตั้งแต่ F แรกไม่จำเป็นต้องหรี่เลย จริง ๆ ในความเห็นผมมันคมเทียบชั้น G Master ได้เลย
ภาพทั้งหมด Crop 100% ครับอาจจะมองรายละเอียดยากสักหน่อยเพราะเลนส์กว้างมาก Crop 100% แล้ววัตถุก็ยังอยู่ไกลแต่จากที่ผมทดสอบ F4 เป็น F ที่ดูคมที่สุดครับส่วน F5.6-F8 นั้นคมน้อยลงมาหน่อยนึงและ 2 ค่านี้ให้ภาพใกล้เคียงกันมาก พอปรับไป F11 อาการ Diffraction จะเริ่มมาเล็กน้อยและที่ F16-F22 Crop เข้าไปจะเห็นอาการ Diffraction อย่างชัดเจน
โดยรวมเลนส์ให้ความคมที่ดีหากไม่ Crop เข้ามาดูก็แยกความคมที่ลดลงในแต่ละ F แทบไม่ออกเลยครับ
บริเวณขอบภาพมีอาการคมน้อยกว่าตรงกลางพอสมควรตามปกติของเลนส์ไวด์แต่อยู่ในระดับที่ดีมากเลยครับ
แฉกไฟสวยงามเป็นระเบียบ
เลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G ใช้รูรับแสงแบบ 7 กลีบครับจะทำให้เกิดแฉกไฟได้ทั้งหมด 14 แฉกแฉกซึ่งมันเริ่มโผล่มาตั้งแต่ F5.6 เลยครับคุณผู้ชมมม แต่โผล่มาลาง ๆ พอให้เห็น
พอใช้ F8 แฉกมีลักษณะเปลี่ยนไปเป็นแบบใบพัดกาง ๆ ออกสังเกตได้จากในภาพ
และเมื่อเราหรี่ F ให้แคบมากขึ้นใบพัดกาง ๆ นี่จะเริ่มตีบเข้าหากันและแหลมสวยที่ F22
นับว่าเป็นเลนส์ที่แฉกสวยและขึ้นง่ายตัวนึงเลยครับ น่าเสียดายที่ไม่ใช่รูรับแสงแบบ 9 กลีบจะให้แฉกได้เยอะกว่านี้อีกแต่หากใส่มาราคาเลนส์จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกแถมเลนส์ไวด์ที่ให้โบเก้ได้ลูกเล็ก ๆ การจะสังเกตว่า 9 กลีบคมกว่า 7 กลีบยังไงคงยากมาก Sony คงมองแล้วว่าเลนส์ตัวนี้ไม่จำเป็นต้องมีรูรับแสง 9 กลีบ
แสง Ghost และ Flare
ตัวเลนส์คุมอาการเกิด Ghost, Flare ได้ดีทีเดียวครับ จากที่เห็นในภาพเมื่อย้อนไฟแรง ๆ แบบนี้ย่อมมีขึ้นให้เห็นบ้างเป็นธรรมดา ตัวเลนส์คุมแสงได้ดีจึงเกิดขึ้นไม่มาก Flare รอบแหล่งกำเนิดแสงจะมีให้เห็นที่ F4 และน้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเราหรี่ F ให้แคบลง ในขณะที่ Ghost จะเป็นดวงเล็ก ๆ เห็นชัดที่ F11-F22
Real-life Image Test
ผมพกเลนส์ Sony FE 12-24mm F4 G ตัวนี้ไปเดินถ่ายภาพแถวหัวลำโพงซึ่งเก็บตัวอย่างภาพมาฝากให้ทุกคนดูตามด้านล่างนี้เลยครับ
จังหวะนี้เลนส์โดนน้ำที่เขาฉีดล้างรถไฟไปพอสมควรเลยครับ 555
บทสรุปรีวิว Sony FE 12-24mm F4 G
ข้อดี
- บอดี้เลนส์มีน้ำหนักเบามากเมื่อเทียบกับเลนส์ Full Frame ที่กว้างใกล้เคียงกัน
- เลนส์ให้สมดุลที่ดีเมื่อใส่กับ Sony A7 Series ถือได้ไม่เมื่อย
- เลนส์กว้างสะใจมาก Perspective ของเลนส์ทำให้ถ่ายที่แคบกลายเป็นที่กว้างได้เลย
- ความคมดีมาก เลนส์เก็บรายละเอียดได้ระดับแปะป้าย G Master ได้แล้ว
- แฉกสวยขึ้นง่าย(แต่แฉกใบพัดตอน F8 ก็แอบแปลก ๆ อยู่ 555)
- ขอบม่วงทำได้ดีมีขึ้นที่ F4 แต่หรี่เป็น F5.6 แล้วหายสนิทเลย
- เลนส์คุมเรื่องอาการ Ghost และ Flare ได้ดี
ข้อสังเกต
- หน้าเลนส์ปูดใส่ฟิลเตอร์ไม่ได้ทำให้ต้องระมัดระวังมากขึ้น
- ใส่ฟิลเตอร์ไม่ได้ทำให้การใส่ฟิลเตอร์แผ่นต้องใช้ชุดอุปกรณ์ที่ใหญ่กว่าและราคาสูงกว่า
- Distortion กับ Vignette มีให้เห็นพอสมควรแต่แก้ได้ง่ายด้วยฟังก์ชันกล้องหรือ Lightroom
สามารถดูราคาและโปรโมชั่นของ Sony FE 12-24mm F4 G ได้ที่ http://bit.ly/2w1L3W1
หรือติดต่อหน้าร้านได้ทั้ง 7 สาขา
สาขา Central Plaza เวสต์เกต 02-054-7462 / 097-063-4328
สาขาสีลม 02-635-2330-1 / 080-271-2772
สาขาเมกาบางนา 02-105-1926 / 086-554-1919
สาขาเดอะมอลล์บางแค 02-454-9598 / 084-033-0498
สาขาฟอร์จูนทาวน์ 02-642-1291 / 083-068-2775
สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 02-951-8597 / 085-937-0123
สาขา Central Festival เชียงใหม่ 052-068-787 / 096-878-4896
บทความนี้เขียนเมื่อ วันที่ 13/08/2017