Drone | DJI Spark | DJI Mavic Pro |
ขนาด(W x L x H) | 143x143x55 | 83x198x83 |
น้ำหนัก | 300 กรัม | 743 กรัม |
ระยะเวลาในการบิน | 16 นาที | 27 นาที |
ระยะส่งสัญญาณควบคุม | 2 กิโลเมตร | 7 กิโลเมตร |
ระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล | 5000 เมตร | 4000 เมตร |
ความเร็วสูงสุด | 50 กม./ชม. | 65 กม./ชม. |
ขนาดเซนเซอร์กล้อง | CMOS 1/2.3″ | CMOS 1/2.3″ |
ความละเอียดภาพนิ่ง | 12 MP | 12.35 MP |
ความละเอียดวิดีโอ | FHD : 1920×1080 30p | 4K : 3840×2160 24/25/30p |
Bitrate วิดีโอ | 24Mbps | 60Mbps |
เลนส์กล้อง | 25mm F2.6 | 28mm F2.2 |
ฟอร์แมตไฟล์ภาพนิ่ง | JPEG | JPEG, DNG |
ระบบกันสั่น Gimbal | 2-axis(Pitch, Roll) | 3-axis(Pitch, Roll, Yaw) |
เซนเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง | ด้านหน้า, ด้านล่าง | ด้านหน้า, ด้านล่าง |
แบตเตอรี่ | 1480 mAh | 3830 mAh |
ขนาดและการพกพา
ทั้ง Spark และ Mavic Pro มีจุดเด่นในเรื่องขนาดและการพกพาแต่ส่วนที่น่าสนใจคือถ้าระหว่างบิน Spark จะเล็กกว่า Mavic Pro อย่างชัดเจนแต่เมื่อพับเก็บด้วยความที่ Mavic Pro สามารถพับขาเก็บได้ทำให้เวลาพกพามันจัดระเบียบง่ายกว่า Spark ที่ไม่สามารถพับขายึดใบพัดได้นิดหน่อย อย่างไรก็ตาม Spark เองก็ยังมีน้ำหนักเบากว่า Mavic Pro ชนิดครึ่งต่อครึ่ง
ความสามารถในการบิน
แน่นอนว่า Spark ไม่ได้มีสมรรถนะสูงเท่า Mavic Pro เพราะทั้งสองนั้นออกแบบมาใช้งานต่างกัน Spark เข้าถึงผู้ใช้ในระดับเริ่มต้นที่ใช้โดรนเป็นงานอดิเรกได้ดี มีขนาดเล็ก คล่องตัวจนสามารถบินใน Indoor พื้นที่เล็กๆได้อย่างสบายแม้กระทั่งการ Take off ขึ้นจากฝ่ามือของเราส่วน Mavic Pro แม้ Indoor อาจจะไม่คล่องตัวเท่าแต่ Outdoor ย่อมสู้ลมได้ดีกว่า ความเร็วสูงกว่า ระยะการส่งสัญญาณไกลกว่ามีสเปคโดยรวมที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ค่อนข้างจริงจัง
แบตเตอรี่
Spark มีระยะเวลาในการบิน 16 นาทีสั้นกว่า Mavic Pro ที่สามารถบินได้นาน 27 นาทีส่วนหนึ่งเพราะแบตเตอรี่มีขนาดเล็กกว่ามากซึ่งทาง DJI ทดสอบในสภาพที่ไม่มีลมครับ หากทั้งคู่ต้องบินสู้แรงลมก็น่าสนใจว่า Spark ที่น้ำหนักตัวเบากว่าย่อมลอยตามลมมากกว่ามอเตอร์จึงต้องทำงานหนักเพื่อรักษาสมดุลเครื่องเอาไว้ซึ่งอาจทำให้การบริโภคแบตฯเพิ่มขึ้นพอสมควร
รีโมทควบคุม
รีโมทของ Spark และ Mavic Pro ไม่มีจอในตัวและต้องอาศัย Smartphone ในการแสดงภาพทั้งคู่ แต่รีโมทของ Mavic จะส่งสัญญาณได้ไกลถึง 7 กิโลเมตรในขณะที่ Spark จะทำได้แค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้นครับ(ด้วยขนาดของ Spark ผมคิดว่าเราจะมองไม่เห็นตัวโดรนตั้งแต่ก่อน 1 กิโลเมตรแรกอีกครับ ฮ่า ฮ่า) มีจุดสังเกตนิดหนึ่งคือถ้าเราซื้อ Spark ชุดปกติเราจะไม่ได้รีโมทมาด้วย(ถ้าเป็นชุด Combo จะให้รีโมทมาด้วย)การควบคุมจะต้องทำผ่าน Wi-Fi มือถือซึ่งมีระยะส่งสัญญาณแค่ประมาณ 80-100 เมตรและบินสูงได้แค่ 50 เมตรเท่านั้น
การถ่ายภาพและวิดีโอ
เลนส์ – คู่นี้ถือว่าได้อย่างเสียอย่างเพราะ Spark ใช้เลนส์ 25mm F2.6 ในขณะที่ Mavic Pro ใช้เลนส์ 28mm F2.2 ฝ่ายหนึ่งได้ความกว้างแต่รับแสงได้น้อยกว่าอีกฝ่ายแคบกว่าหน่อยแต่รับแสงได้ดีกว่า
ภาพนิ่ง – ทั้งคู่ใช้เซนเซอร์ CMOS ขนาด 1/2.3” ถ่ายภาพนิ่งได้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลพอๆกันแต่ตัว Spark จะไม่สามารถถ่ายภาพนิ่งไฟล์ RAW(DNG) ได้
ภาพเคลื่อนไหว – เป็นจุดที่ Spark ตามหลังรุ่นพี่อย่าง Mavic อยู่มากเพราะถ่ายได้แค่ FHD 1080p 30fps เท่านั้นในขณะที่ Mavic ถ่ายได้ถึง 4K 30fps และ FHD 96fps นอกจากความละเอียดแล้ว Bitrate ที่บันทึกของ Spark จะอยู่ที่ 24Mbps ต่ำกว่า Mavic ที่บันทึก 60Mbps แน่นอนว่าถ้าเราจะเลือกซื้อโดรนซักตัวเพื่อถ่ายวิดีโออย่างจริงจัง Mavic เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าจะใช้เป็นงานอดิเรกถ่ายเล่นกับกลุ่มเพื่อน Spark ก็สามารถตอบโจทย์ได้
ระบบกันสั่นไหว(Gimbal)
หากจะสู้กับ Mavic Pro แล้วล่ะก็ Spark มีจุดอ่อนสำคัญคือระบบกันสั่น(Gimbal)ที่มีแกนกันสั่นไหวแค่ 2 แกนเท่านั้น(Pitch, Roll) ในขณะที่ Mavic Pro จะมีถึง 3 แกน(Pitch, Yaw, Roll)เรื่องลดการสั่นไหวถ้าบินในสภาพไม่มีลมกันสั่น 2 แกนนั้นก็อาจจะเพียงพอแล้วแต่ถ้าบินในสภาพลมแรงจนเครื่องส่ายกันสั่น 3 แกนของ Mavic Pro จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าแน่นอน
เซนเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง
Mavic Pro นั้นมีระบบ Vision System ซึ่งทำงานโดยกล้อง RGB ที่มีทั้งด้านหน้าและด้านล่างของตัวโดรนแต่ใน Spark นั้นมีเซนเซอร์ด้านหน้าและล่างเช่นกันแต่ด้านหน้าจะต่างออกไป DJI เรียกว่า 3D Sensing System ซึ่งน่าจะใช้เซนเซอร์แบบอินฟราเรด(IR)แทน การใช้กล้องแบบ Mavic ให้ความละเอียดที่สูงกว่าทำให้ Mavic ตรวจจับวัตถุได้ตั้งแต่ระยะห่าง 15-30 เมตรที่ความเร็ว 35 กม./ชม. ทางฝั่ง Spark จะตรวจจับได้ต้องอาศัยระยะใกล้กว่าที่ 0.2-5 เมตรและความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม.
โหมดการบิน
หนึ่งในข้อดีของโดรน DJI คือโหมดการบินแบบอัตโนมัติหลากหลายแบบที่ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นเช่นโหมด Trance, Profile ที่โดรนจะบินตามถ่ายภาพของเป้าหมายที่เลือกไว้โดยอัตโนมัติ Point of Interest ที่จะบินวนรอบเป้าหมาย โหมดเหล่านี้ยังมีอีกเยอะมากและมีติดตั้งในโดรน DJI ทุกตัวแต่พิเศษสำหรับ Spark ที่จะมีโหมดใหม่ๆไม่เหมือนใครมาด้วยเช่น
Rocket, Dronie, Circle, Helix
โหมดการบินใหม่
- Rocket ที่จะบินขึ้นในแนวตรง
- Dronie จะหันกล้องหาเราและบินห่างและสูงออกไปเรื่อยๆ
- Circle จะบินวนเป็นวงกลม
- Helix จะบินเป็นวงกลมและค่อยๆบินสูงขึ้นเรื่อยๆ
PalmControl & GestureControl
ความเจ๋งของ Spark และนับเป็นอะไรที่ใหม่คือ PalmControl หรือการควบคุมโดยใช้ฝ่ามือของเราสั่งให้โดรนบินขึ้น ลง ซ้าย ขวา รวมถึงสั่งถ่ายภาพ สั่งลงจอดและ Spark ยังสามารถลงจอดบนฝ่ามือเราด้วยแค่เราเอามือวางไว้ใต้ตัวโดรนเท่านั้น ฝั่ง Mavic Pro เองก็มีลูกเล่น GestureControl เช่นกันแต่ไม่แพรวพราวเหมือนน้องใหม่อย่าง Spark
FaceAware
ฟังก์ชั่นของ Spark ที่ตัวโดรนจะ Take off ขึ้นจากฝ่ามือโดยมีการตรวจจับใบหน้าก่อนว่ามีคนควบคุมหรือไม่
ShallowFocus
ฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่มี DJI Drone ตัวไหนมีนอกจาก DJI Spark เท่านั้น ShallowFocus ช่วยให้โดรนสามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้และยังสามารถเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการได้ด้วย
Pano Mode
โหมดพาโนราม่าใหม่ที่ถ่ายได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
ราคา
DJI Mavic Pro มีราคา 42,300 บาทและราคาชุด Combo ที่ 55,000 บาท
DJI Spark มีราคา 20,000 บาทและชุด Combo ที่ 28,000 บาท
บทสรุป
เมื่อเทียบสเปคเราจะเห็นชัดเจนว่า Spark จะสู้ Mavic ไม่ได้ซึ่งไม่แปลกเพราะทั้งสองวางกลุ่มตลาดต่างกันตอบโจทย์ผู้ใช้คนละแบบอย่างที่เราได้พูดถึงกันไปแล้วฉะนั้นหากใครกำลังเลือกระหว่างสองตัวนี้ต้องถามตัวเองก่อนครับว่าเราจะใช้โดรนทำอะไรหากเน้นใช้งานจริงจัง Mavic ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเราได้วิดีโอ 4K ระยะเวลาบินที่นานกว่าเกือบ 10 นาที ระยะส่งสัญญาณที่ไกลกว่ามาก แต่ถ้าเราใช้แค่บินถ่ายภาพเล่นเป็นงานอดิเรกหรือใช้งานเป็นกึ่งๆของเล่นคลายเครียด 4K อาจจะไม่จำเป็นขนาดนั้น Spark จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าด้วยขนาดที่เล็กจะบินในห้องเล็กๆหรือบินนอกบ้านก็สบาย กลับกันการใช้ Mavic บินในห้องเล็กๆจะทำได้ยากกว่า ยังมีลูกเล่นสนุกๆอย่าง PalmControl, FaceAware และ ShallowFocus ด้วย
ด้านล่างนี้เป็นวิดีโอที่ผมรวมมาให้ทุกท่านเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจครับ
วิดีโอนี้เทียบวิดีโอของ Mavic และ Spark ไว้ชัดเจน
วิดีโอนี้มีการลองฟังก์ชั่นพิเศษของ Spark ไว้หลายอย่างเลย
วิดีโอนี้แสดงให้เห็นได้ชัดว่า Gimbal ของ Mavic ให้ภาพที่นิ่งกว่า
บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 07/06/2017