เมื่อวันที่ 20/3/62 ทาง Fujifilm ได้มี Event เปิดตัวกล้อง Fujifilm X-T30 กล้อง Mirrorless ระดับ Middle Range ที่ต่อยอดจาก Fujifilm X-T20 แต่ผสมผสานเทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่างๆในระดับ Flagship ไว้ในตัว จนเป็นที่มาของ ” Little Giant “ นั่นเองครับ ซึ่งนอกเหนือจาก Event เปิดตัวแล้ว ยังรวมถึงการประกาศราคาวางจำหน่ายของ Fujifilm X-T30 อย่างเป็นทางการในประเทศไทยด้วยนั่นเองครับ แน่นอนว่าราคาของ Fujifilm X-T30 มีความใกล้เคียงกับกล้อง Mirrorless ในระดับ Segment เดียวกันที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้อย่าง Sony A6400 ซึ่งในบทความนี้ทีมงาน Zoomcamera ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเชิงเปรียบเทียบระหว่าง Fufjifilm X-T30 และ Sony A6400 มาให้เพื่อนๆได้รับทราบกันครับ ว่าแล้วไปชมรายละเอียดกันเลยครับ
Fujifilm X-T30
Fujifilm ยังคงสานต่อและคงเอกลักษณ์ของ Design ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น อันจะเห็นได้จาก Fujifilm X-Series ในรุ่นต่างๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากกล้องฟิล์มในอดีตอยู่ไม่น้อย ซึ่งกล้อง Fujifilm X-Series ในส่วนของ Fujifilm X-T Series ก็เช่นกัน หากนับไล่มาตั้งแต่ Fujifilm X-T10 , Fujifilm X-T20 มาจนถึง Fujifilm X-T30 นั้น ทาง Fujifilm เองยังคงเส้นคงวาในเรื่องของการออกแบบอย่างชัดเจน ซึ่งเจ้า Fujifilm X-T30 นั้นมีการออกแบบในลักษณะทรง SLR แต่มีขนาดที่เล็ก กะทัดรัด เพื่อให้เข้ากับความเป็นกล้อง Mirrorless เสริมกลิ่นอายความ Classic ด้วยการเล่นกับเฉดสี ไม่ว่าจะเป็นสี Silver ที่นำเอาสีเงินตัดดำ ที่ดูสวยงาม เพิ่มมูลค่าไปในตัว หรือ สี Black ที่ใช้สีดำล้วน เพิ่มความดุดัน ดูเข้มขรึม
Sony A6400
สำหรับ Sony A6400 ก็ยังคงคอนเซปกล้อง Mirrorless APS-C E-Mount ไว้ได้เป็นอย่างดี อันจะเห็นได้จากดีไซน์ซึ่งถ้าดูเพียงผิวเผิน และ/หรือ นำกล้องใน Series A6xxx มาวางเรียงกันอาจจะคิดว่าเป็นกล้องรุ่นเดียวกันก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งปุ่มต่างๆ , Hotshoe , Port เชื่อมต่อ และ/หรือ แบตเตอรี่ ซึ่งการมาของ Sony A6400 นั้น ได้เพิ่มลูกเล่นให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น จากเดิมปรับได้แค่ Tilt กลายเป็น Flip 180 องศา ทำให้เจ้า Sony A6400 สามารถพับจอมาด้านหน้าเพื่อทำการเซลฟี่ได้นั่นเองครับ หรือ ใครที่เป็น Blogger / Youtuber ที่ต้องการกล้องสำหรับทำ V-Log ละก็ เจ้า Sony A6400 ตอบโจทย์ได้อย่างเต็มๆครับ
เปรียบเทียบ : Fujifilm X-T30 vs Sony A6400
ดีไซน์ / น้ำหนัก
ต้องบอกว่าทั้ง Fujifilm X-T30 และ Sony A6400 ต่างเป็นกล้อง Mirrorless ที่อยู่ในช่วง Mid Range แต่กลับมาขนาดที่เล็กอย่างหน้าเหลือเชื่อ แม้ว่ารูปทรงของทั้งคู่จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง เพราะ Fujifilm X-T30 มาในทรง SLR ส่วน Sony A6300 จะเป็น Rangefinder นั่นเองครับ แต่ทั้งคู่ยังคงมีขนาดที่ดูเล็ก กะทัดรัด ตามแบบฉบับของกล้อง Mirrorless แน่นอนว่าเป็นมิตรกับผู้ใช้งานในแง่ของน้ำหนัก , การพกพา ที่จะทำให้ได้ความคล่องตัวกลับมา ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการท่องเที่ยวถ่ายภาพได้อย่างสบายใจ ไร้กังวลอาการเมื่อยล้าต่างๆ
สำหรับน้ำหนักสุทธิของ Fujifilm X-T30 ( Body ) อยู่ที่ 383 กรัม ส่วน Sony A6400 ( Body ) อยู่ที่ 403 กรัม
การควบคุม / การจับถือ
โดยปกติแล้ว กล้อง Mirrorless ส่วนมากจะมีขนาด Grip จับที่ค่อนข้างจะเล็ก อันเนื่องมาจากการออกแบบของ Body ที่มีขนาดเล็กลงนั่นเอง แต่ด้วยยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง ค่ายกล้อง Mirrorless หลายๆค่ายรวมถึง Fujifilm และ Sony เอง ก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของการจับถือเช่นกัน เพราะ การจับถือที่ดี มั่นคง จะช่วยให้ได้จังหวะภาพตามที่ต้องการเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องภาพสั่นไหว ซึ่งการจับถือที่มั่นคงก็มีผลเช่นกันครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่จะดูแปลกตาไปใน Fujifilm X-T30 นั่นคือ ปุ่มควบคุม 4 ทิศทางได้ถูกตัดออกไป แน่นอนว่าส่งผลต่อเพื่อนๆที่ใช้งานกล้องโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ กล้อง Mirrorless ในระดับ Mid Range แทบจะทุกรุ่นล้วนแล้วแต่เน้นควบคุม สั่งการผ่านปุ่ม 4 ทิศทาง การที่ Fujifilm X-T30 ตัดปุ่มนี้ออกไป เพื่อโยกการควบคุมไปอยู่ที่ Joystick ที่ถูกเพิ่มเข้ามา ในขณะที่ Sony A6400 ยังคงมีปุ่มควบคุม 4 ทิศทางอยู่เช่นเดิม ซึ่งผู้ใช้งานที่เคยใช้งานกล้อง Sony A6000 , Sony A6300 หรือ Sony A6500 ก็แทบจะไม่ต้องปรับเปลี่ยนการใช้งานแต่อย่างใด
ในส่วนของจอแสดงผล ทั้ง Fujifilm X-T30 และ Sony A6400 มาพร้อมกับจอ LCD ขนาด 3.0 นิ้ว รองรับระบบ Touchscreen แน่นอนว่าให้อารมณ์เหมือนคุณใช้งานกล้องบน Smartphone ยังไงอย่างงั้น แต่มีข้อยกเว้นสำหรับ Sony A6400 ที่ตัวจอ LCD ไม่รองรับระบบ Touchscreen เต็มระบบกล่าวคือ ไม่สามารถ Touch เพื่อเข้าถึงเมนูต่างๆได้ ทำได้เพียง Touch เพื่อเลือกจุด Focus เท่านั้น ต่างจาก Fujifilm X-T30 ที่เน้นการใช้งานผ่านระบบ Touchscreen แทบจะทั้งหมด
แม้ว่า Sony A6400 จะด้อยกว่า Fujifilm X-T30 ในแง่ของการใช้งานระบบ Touchscreen แต่ Sony A6400 มีจุดแข็งในส่วนของจอ LCD ที่สามารถ Flip มาด้านหน้าได้ ซึ่งข้อดีของจอลักษณะแบบนี้ ทำให้ประยุกต์ใช้งานได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพตัวเอง หรือ เซลฟี่ , การถ่าย Video ในลักษณะ V-LOG ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเจ้า Sony A6400 ก็ถูกวางตำแหน่งเป็นกล้องสำหรับ Blogger มาตั้งแต่แรกแล้วนั่นเอง ในขณะที่เจ้า Fujifilm X-T30 นั้น ยังคงเป็นจอ LCD ในลักษณะแบบ Tilting เฉกเช่นเดียวกับ Fujifilm X-T20 แน่นอนว่า อาจจะดีต่อการใช้งานยามถ่ายภาพนิ่ง แต่สำหรับการถ่ายเซลฟี่ หรือ V-LOG นั้น อาจจะเป็นเรื่องยากไปซักหน่อย
Sensor & Performance
สำหรับ Fujifilm X-T30 ใช้ Sensor X-Trans CMOS IV แบบ BSI ความละเอียด 26 Megapixels เฉกเช่นเดียวกันกับ Fujifilm X-T3 รวมถึงระบบประมวล X-Processor IV ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าการใช้ทั้ง Sensor และ CPU ในระดับ Flagship คุณภาพของไฟล์ที่ได้หายห่วงแน่นอน อาจจะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดบางส่วน แต่ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการถ่ายภาพทั่วๆไป จึงไม่แปลกใจที่จะฉายา Little Giant ส่วนเจ้า Sony A6400 นั้นมาพร้อม Sensor CMOS ความละเอียด 24 Megapixels ขนาด APS-C เช่นเดียวกัน แม้จะมี Pixels น้อยกว่า แต่ทาง Sony เคลมว่าใน Sony A6400 ได้มีการปรับปรุงในเรื่อง Noise , Dynamic Range รวมถึง Skintone ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็น Killer Feature ที่ติดตัวกล้อง Fujifilm มาโดยตลอด คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง Skintone ที่ได้มานั้น บางท่านถึงขั้นบอกว่าจบหลังกล้องได้อย่างสบายๆเลยก็มีเช่นกัน ประกอบกับ Feature Film Simulation ที่เสมือนเป้นการจำลองโทนฟิล์มในอดีตมาใช้งานบนระบบ Digital อีกครั้ง แน่นอนว่าโทนภาพของคุณจะได้สีที่มีความสดใส กลิ่นอายความคลาสสิคของยุคฟิล์มได้อย่างลงตัว ซึ่งใน Fujifilm X-T30 ก็ได้บรรจุ Film Simulation : Etherna เป็นครั้งแรกที่อยู่นอกเหนือจากกล้องระดับ Flagship โดยจะให้ภาพอารมณ์ Film หรือ Cinema ในยุคฟิล์ม ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่าย Video เป็นอย่างมาก หรือ สามารถประยุกต์ใช้งานกับการถ่าย Portrait แบบจบหลังกล้อง หรือ นำไป Process ก็ได้เช่นกันครับ
ความไวโฟกัส
ทั้ง Fujifilm X-T30 และ Sony A6400 ต่างใช้ระบบ Focus แบบ Hybrid กล่าวคือ ระบบ Focus ที่ทำงานร่วมกันระหว่าง Contrast Detection และ Phase Detection กระจายตัวอยู่รอบๆ Sensor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำในการจับวัตถุได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของการถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหว หรือ การถ่าย Video ก็ได้อาณิสงค์ของ AF Hybrid นี้ด้วยเช่นกัน สำหรับข้อมูลจำนวนจุด Focus อ้างอิงได้ตามนี้ครับ
- Fujifilm X-T30 มาพร้อมจุด Focus แบบ CDAF + PDAF = 425 จุด
- Sony A6400 มาพร้อมจุด Focus แบบ CDAF + PDAF = 425 จุด
ความ Amazing ที่สุดของ Sony A6400 นั้น เห็นจะเป็นในส่วนของระบบ Focus ติดตาม โดยในโฆษณาทาง Sony ได้เรียกว่า Real-Time Focus ครับ ซึ่งใน Sony A6400 จัดว่าเป็นน้องเล็กรุ่นแรกในตระกูลที่ถูกบรรจุ Feature ดังกล่าว ซึ่งมีทั้ง Real-Time Eye AF Focus และ Real-Time Tracking Focus เมื่อเราลองนึกภาพตามว่า เจ้า Sony A6400 ถ่าย Portrait โดยเลือกใช้ Real-Time Eye AF Focus ที่มีความเร็วในระดับ 0.02 วินาที เพื่อนๆแทบจะไม่พลาดช๊อตเสี้ยววินาทีได้เป็นอย่างดีเลยละครับ ซึ่งหลักการเชิงลึกของ Real-Time Eye AF Focus และ Real-Time Tracking Focus จะมีลักษณะเป็นอย่างไร สามารถ Setting อะไรเพิ่มเติมได้มั้ยนั้น คงต้องรอเจ้า Sony A6400 วางตัวทดสอบมาให้เราได้สัมผัสกันครับ ซึ่งถ้าใครเคยใช้งานกล้องในตระกูล Sony อย่าง Sony A9 , Sony A7III , Sony A7RIII น่าจะทราบสรรพคุณของ Eye AF เป็นอย่างดีว่า อาการจิกยิ่งกว่าเมีย เป็นอย่างไรนั่นเองครับ
ปัจจุบันเทรนด์ Eye AF มาแรงแซงโค้งเป็นอย่างมาก อันเป็นผลพวงมาจากค่ายกล้องชั้นนำค่ายหนึ่งที่เปิดใช้งานระบบ Eye AF แล้วได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ทำให้ค่ายกล้องหลายๆค่าย รวมถึง Fujifilm เองต้องมีการปรับปรุงในส่วนของ Eye AF ด้วยเช่นกัน โดยกล้อง Mirrorless รุ่นแรกที่ได้รับการปรับปรุงก่อนนั้น คือ Fujifilm X-T3 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่บุกเบิกเรื่อง Eye AF ใน Generation ที่ 4 แต่สำหรับ Fujifilm X-T30 นั้น นับเป็น Generation ที่ 4.1 หรือ เรียกง่ายๆว่า ใหม่กว่า สดกว่า นั่นเองครับ
สำหรับความสามารถของ Eye AF ใน Fujifilm X-T30 นั้น สามารถตรวจจับได้ละเอียดขึ้นจากเดิม 10% ของตัวแบบในเฟรม เป็น 7% ของตัวแบบในเฟรม เท่ากับว่า แม้ตัวแบบจะอยู่ไกลมาก แต่ถ้าตัวกล้องสามารถตรวจจับพบดวงตาก็จะสามารถโฟกัสได้ทันทีนั่นเอง นอกเหนือจากนี้ Eye AF ใน Fujifilm X-T30 ยังสามารถเลือกได้ว่า จะโฟกัสที่ตาซ้าย หรือ ตาขวา โดยผู้ใช้งานสามารถแตะที่จอ Touchscreen เพื่อเลือกตามสถานการณ์ต่างๆ ทั้งนี้ไม้เด็ดของระบบ Eye AF ที่อยู่ Fujifilm X-T30 นั้น สามารถใช้งานได้ทั้งงานภาพนิ่ง และ Video ครับ ซึ่งแทบจะเป็นกล้อง Mirrorless ในกลุ่ม APS-C รุ่นแรกๆที่ Eye AF สามารถทำงานบนงาน Video ได้ด้วยนั่นเองครับ
งาน Video
เรื่อง Video ยังคงจัดเต็มเช่นเดิม โดยเจ้า Sony A6400 รองรับการถ่าย Video ทั้ง FullHD และ 4K แม้ว่า Video 4K จะรองรับการถ่ายที่ 30p ก็ตามที แต่เป็นการถ่ายแบบเต็ม Sensor ไม่ได้มีการ Crop ออกแต่อย่างใด หรือ ใครที่ชอบเพิ่มลูกเล่นให้กับ Video อย่าง Slowmotion เจ้า Sony A6400 ก็รองรับการถ่าย Video FullHD 120p เพื่อให้เราสามารถนำไป Effect Slowmotion ในโปรแกรมตัดต่อภายหลังได้อย่างลงตัว ถ้าคิดว่า Video ทั้ง FullHD และ 4K ที่ถ่ายมาเดิมๆยังไม่สุด เจ้า Sony A6400 ก็มี Feature เสริมอย่าง Hybrid Log-Gamma (HLG) ที่พร้อมจะเปิดโลกกว้างของการถ่าย Video โดยเฉพาะการนำ Video ไป Process สีสันต่อได้อย่างอิสระมากขึ้น และแน่นอนถ่าย Video ได้ขนาดนี้ต้องมาพร้อม Port Mic ขนาด 3.5 ด้วยนั่นเองครับ ซึ่งการใช้ Mic. แยกนั้น จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องได้ดียิ่งขึ้นครับ
ทั้งนี้มีข้อสังเกตเล็กๆตรงที่ว่า ถ้าเพื่อนๆนำ Sony A6400 ต่อ Mic. เพื่อหวังจะถ่าย V-Log นั้น ตัว Mic. อาจจะไปบดบังจอ LCD ที่เรา Flip มาแบบเต็มๆเลยนั่นเองครับ
ส่วนใครที่บอกว่าต้องการกล้อง Mirrorless ที่เน้นไฟล์สวย จบหลังกล้องได้ทันทีต้อง Fujifilm เห็นทีจะต้องเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติมเข้าไปด้วยแล้วครับ เพราะ ใน Fujifilm X-T30 ได้ปรับปรุงความสามารถด้าน Video เพิ่มมากขึ้นจากเดิมใน Fujifilm X-T20 ที่ทำไว้ดีในระดับหนึ่งแล้ว โดย Fujifilm X-T30 รองรับการถ่าย Video ความละเอียดสูงอย่าง Video 4K แบบ 4:2:0 8-bit ( ผ่าน sd card ) และ 4:2:2 10-bit ( ผ่าน HDMI ) , รองรับการถ่าย Video FHD สูงสุดที่ 60p รวมถึง Video Slow Motion ความละเอียด FHD โดยสามารถปรับระดับความ Slow ได้จากภายในกล้องตั้งแต่ 2x , 4x และ 5x
ทั้งนี้เจ้า Fujifilm X-T30 มีข้อจำกัดอยู่เล็กๆ หากใครที่สนใจนำเจ้า Fujifilm X-T30 ไปถ่าย Video คือ
- Video 4K ถ่ายได้ต่อเนื่อง สูงสุดที่ 10 นาที
-
Video FHD ถ่ายได้ต่อเนื่อง สูงสุดที่ 15 นาที
-
Video FHD แบบ High Speed ถ่ายได้ต่อเนื่อง สูงสุดที่ 6 นาที
การเชื่อมต่อ
ในยุค Social ครองเมืองแบบนี้ แน่นอนว่าทางค่ายกล้องต่างๆ ก็ต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มสาวที่ต้องการถ่ายภาพตนเองพร้อมทั้งสามารถอัพเดทลงในสื่อ Social ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งใน Fujifilm X-T30 และ Sony A6400 ก็มี Feature อย่าง WIFI ที่พร้อมอำนวยความสะดวกในการโอนข้อมูลรูปภาพไปยัง Smartphone ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ผู้ใช้งานจะต้อง Download Application อย่าง Remote app Play Memories Mobile ( Sony ) หรือ Camera Remote ( Fujifilm ) ติดตั้งที่ Smartphone ก่อนด้วยนะครับ ที่สำคัญ Application ดังกล่าวฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ
ประจุแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ ยังคงเป็นคำถามที่หลายๆที่ให้ความสนใจ เนื่องจากกล้อง Mirrorless ส่วนมากจะมีประจุแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับกล้อง DSLR ในระดับเดียวกัน ที่ส่วนมากมาพร้อมประจุแบตที่ใหญ่ ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่สำหรับเจ้า Sony A6400 นั้น ยังใช้แบตรุ่นเดิมอย่าง NP-FW50 ที่ชาว Sony น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แม้แบตเตอรี่จะมีขนาดที่เล็ก แต่ Port USB ก็สามารถที่จะชาร์จไฟตรงได้เช่นกัน ซึ่งสามารถใช้งานกับ Powerbank ได้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องรอทดสอบกันอีกครั้งว่าเจ้า Sony A6400 สามารถที่จะชาร์จพร้อมถ่ายไปด้วยในเวลาเดียวกันหรือไม่ครับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานต่อเนื่อง อาทิ การตั้งถ่าย Timelapse เป็นต้น
ทางด้าน Fujifilm X-T30 แม้จะเป็นกล้องใน Generation ที่ 4 แล้วก็ตามที แต่ยังคงใช้แบตเตอรี่รุ่น NP-W126S อยู่เช่นเดิม ซึ่งเป็นแบตเตอรี่รุ่นเดียวกันกับที่ใช้บนกล้อง Mirrorless X Series ใตลาด ณ ตอนนี้ครับ แน่นอนว่าประจุไฟที่ใกล้เคียงกับ NP-FW50 นั้น หากเรา Fujifilm X-T30 ไปใช้งานตลอดทั้งวัน แบตเตอรี่เพียง 1 ก้อน อาจจะไม่เพียงพอซักเท่าไรนัก แนะนำว่าควรมีแบตเตอรี่สำรองติดกระเป๋าไว้อย่างน้อยๆ 2 – 3 ก้อน นอกจากนี้ Fujifilm X-T30 ก็รองรับการชาร์จไฟผ่านสาย USB แต่ทั้งนี้ไม่รองรับการชาร์จไปพร้อมๆกับการถ่ายนะครับ
ราคา
มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆที่ได้รับข้อมูลในส่วนทั้ง Fujifilm X-T30 และ Sony A6400 เมื่อลองคำนวณ บวก ลบ คูณ หาร ด้วย Spec & Feature หลายๆอย่าง ทำให้หลายๆท่านลังเลว่าจะเลือกตัวไหนดี นี่คือราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการครับ
– Sony A6400
– Fujifilm X-T30
แต่ทว่า หากเราพิจารณาการเลือกกล้อง Mirrorless ให้เหมาะสมกับลักษณะงานแล้วนั้น ต้องบอกทั้ง Sony A6400 และ Fujifilm X-T30 ต่างก็ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป หากเพื่อนๆต้องการความสดใหม่ของ Feature ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Focus , จอ Flip หรือ เน้นใช้งานด้าน Content Creator ละก็ เจ้า Sony A6400 ก็พร้อมตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเพื่อนๆต้องการไม่ได้สนใจเรื่องจอที่สามารถพับมาเซลฟี่ได้ V-LOG ก็ดี แต่ชอบความคลาสสิคที่ออกแบบอย่างลงตัว กับ คุณภาพไฟล์ที่พร้อมจะจบงานได้หลังกล้อง เจ้า Fujifilm X-T30 ดูจะเหมาะสมที่สุดครับ
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจ Sony A6400 เพื่อนๆสามารถแวะเวียนมารับชมมสินค้าจริงได้ที่หน้าสาขาของ Zoomcamera ได้ทุกสาขาใกล้บ้านท่าน ในส่วนของกำหนดการวางจำหน่ายของ Fujifilm X-T30 นั้น จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27/3/2019 เป็นต้นไป เพื่อนๆสามารถติดตามความเคลื่อนไหวผ่านทางหน้า Facebook Zoomcamera และ/หรือ ช่องทาง Line และ สินค้า Fujifilm ทุกชิ้นที่จำหน่ายเป็นสินค้าประกันศูนย์ สบายใจ หายห่วงแน่นอนครับ
<
p style=”text-align: center;”>Click >> สั่งจอง Fujifilm X-T30
Click >> สั่งซื้อ Sony A6400
*** สอบถามเพิ่มเติม ***
inbox : http://www.facebook.com/messages/zoomcamera
02-635-2330 ต่อ 0 / 083-067-7677 (หยุดวันอาทิตย์)
สาขาสีลม 02-635-2330-1 / 080-271-2772
สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 02-951-8597 / 085-937-0123
สาขาเมกาบางนา 02-105-1926 / 086-554-1919
สาขาเดอะมอลล์บางแค 02-454-9598 / 084-033-0498
สาขาฟอร์จูนทาวน์ 02-642-1291 / 083-068-2775
สาขา Central Festival เชียงใหม่ 052-068-787 / 096-878-4896
สาขา Central Westgate 02-060-4362 / 097-063-4328
สาขา Central Festival หาดใหญ่ 095-702-7585
บทความนี่เขียนเมื่อวันที่ 22/03/2019