เรื่องราวของ Olympus PEN-F นั้นเราต้องย้อนไปสมัยฟิล์ม PEN-F มีออกมาหลายรุ่นด้วยกันแต่ตัวแรกสุดออกมาในปี 1963 กล้อง SLR ในตอนนั้นใช้ฟิล์ม ในแต่ละเฟรมมีพื้นที่รับภาพเท่ากับขนาดของเซนเซอร์ Full frame ในปัจจุบันนี้ นั่นทำให้กล้อง SLR มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ PEN-F นั้นฉีกกรอบออกไปโดยการเป็น SLR แบบ Half-frame คือใช้พื้นที่แค่ครึ่งเดียวของเฟรมภาพปกติ(ฟิล์ม 135 1 ม้วนปกติเราถ่ายได้ 36 ภาพแต่ถ้าใช้กับกล้อง Half-frame จะถ่ายได้ 72 ภาพเพราะ 1 เฟรมถ่ายได้ 2 ภาพ)ที่ SLR ทั่วไปใช้ PEN-F จึงมีขนาดเล็กกว่ามากแถมยังเป็น SLR ที่สามารถมองภาพผ่านเลนส์ได้ รวมถึงเลนส์ที่ใช้ก็เล็กลงเป็นกล้อง SLR ที่พกพาได้ง่ายกว่าคู่แข่ง ผมเชื่อว่าหลายคนก็เคยแอบคิดว่า Olympus น่าจะเอาเจ้า PEN-F ตัวนี้มาทำใหม่น้าา เพราะหน้าตาหล่อเหลาแถมตลาดมือสองราคาก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆ แต่แล้วใครจะรู้ว่า Olympus กลับทำจริง…ชุบชีวิต PEN-F จับวิญญาณผู้เฒ่าใส่ร่างหนุ่มแน่นในยุคดิจิตอล
Olympus PEN-F
-
- เซนเซอร์ใหม่ Live MOS ขนาด Four Third ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผล TruePic VII
- ISO 200-25600(ขยายต่ำสุดเป็น ISO LOW ได้ เทียบเท่า ISO 80)
- ระบบกันสั่น 5 แกน 5-Axis VCM IS ลดการสั่นไหวได้ 5 สตอป(ทดสอบมาตราฐาน CIPA)
- ระบบโฟกัสแบบ Contrast Detection จุดโฟกัส 81 จุด
- ความเร็วชัตเตอร์แบบกลไกสูงสุด 1/8000 วินาที
- ความเร็วชัตเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ 1/16000 วินาที
- ความเร็วชัตเตอร์ Flash X Sync สูงสุด 1/250 วินาที(Silent Mode ช้ากว่า 1/20 วินาที)
- Shutter lag ต่ำมากแค่ 44 มิลลิวินาที(Olympus โฆษณาว่าสั้นที่สุด)
- ถ่ายภาพต่อเนื่องเร็วสุด 10 ภาพต่อวินาที(S-AF)และ 5 ภาพต่อวินาที(C-AF)
- ถ่าย JPEG 10fps บัฟเฟอร์รองรับได้ 45 ภาพและ 39 ภาพสำหรับไฟล์ RAW
- ถ่ายภาพไฟล์ RAW(12bit Lossless Compression)
- จอแสดงผล Touchscreen LCD แบบ Vari-angel ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1,037,000 พิกเซล
- ช่องมองภาพ EVF OLED ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล อัตราขยาย 0.62x ครอบคลุม 100% ของเฟรมภาพ
- บันทึกภาพเคลื่อนไหว Full HD 1920×1080 30p, 25p, 24p(ALL-I บิตเรทประมาณ 77Mbps)
- ในชุดขายมีแฟลชแยก FL-LM3 ความแรง Guide Number 9.1(ISO100)
- มี Hotshoe สำหรับใส่แฟลชแยก
- มีฟังก์ชั่น High Res Shot ถ่ายภาพความละเอียด 50 ล้านพิกเซล(จากการรวมภาพ 8 ภาพ)และ 80 ล้านพิกเซลสำหรับไฟล์ RAW
- ฟังก์ชั่น Simulated OVF(S-OVF) จำลอง EVF ให้เหมือน OVF โดยการขยาย Dynamic Range
- มี Focus Peaking ช่วยในการ Manual Focus
- มี Silent Mode กล้องจะทำตัวให้เงียบที่สุด
- มี AF Targeting Pad(มอง EVF พร้อมใช้นิ้วสัมผัสจอเลือกจุดโฟกัส)
- มี Live View Boost 2 เพื่อให้สามารถโฟกัสดาวบนท้องฟ้ากลางคืนง่ายขึ้น
- Picture Mode ใหม่ Color Profile Control และ Monochrome Profile Control (มีใน PEN-F เป็นตัวแรก)
- มี Live Composite, Live Bulb, Live Time, Keystone Compensation
- มี 4K Time Lapse Movie, Highlight & Shadow Control
- รองรับ Tethered Shooting สั่งถ่ายภาพ ตั้งค่า พร้อมดู Live View จากคอมฯ
- มี Wi-Fi ในตัว IEEE 802.11b/g/n
- บอดี้ด้านบนและด้านหน้าทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์
- บอดี้ด้านล่างและปุ่ม Dial กลไกต่างๆทำจากอลูมิเนียม
- รองรับหน่วยความจำ SDHC, SDXC, UHS I, UHS II
- ใช้แบตเตอรี่ BLN-1 ถ่ายภาพได้ 330 ภาพ(ทดสอบมาตราฐาน CIPA)
- น้ำหนัก 427 กรัม
ราคาเปิดตัว Olympus PEN-F
- PEN-F Body ราคา 47,990 บาท
- PEN-F + 17mm F1.8 ราคา 59,990 บาท
- กริ๊ปเสริม ECG-4 ราคา 5,290 บาท
บอดี้ของ Olympus PEN-F ด้านบนและด้านหน้าทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ส่วนด้านล่างและ Dial ต่างๆทำจากอลูมิเนียม มีการตั้งใจออกแบบให้ดู Clean สะอาดตาด้วยการซ่อนน็อตทุกตัวไม่ให้เรามองเห็น แต่น่าเสียดายที่ไม่มี Weather Seal ป้องกันน้ำกับละอองฝุ่นให้
Olympus PEN-F ใช้เซนเซอร์ใหม่ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล(เปลี่ยนใหม่ได้ซักที ฉลองแป๊ปป) เป็นเซนเซอร์ขนาด Four Third ใช้ชิปประมวลผลตัวเดิม TruePic VII และ ISO ต่ำสุดยังคงได้แค่ ISO 200 เช่นเคย สามารถขยายให้ต่ำสุดเป็น ISO LOW ได้ ซึ่ง Olympus กล่าวว่ามันเทียบเท่ากับ ISO 80 ครับ
ระบบกันสั่นเป็นจุดเด่นที่สุดเลยสำหรับค่ายนี้ PEN-F ใช้ระบบกันสั่น 5 แกนที่ช่วยลดการสั่นไหวได้ 5 สตอป และมีฟีเจอร์ High Res Shot เช่นเดียวกับ E-M5 Mark II แต่ด้วยเซนเซอร์ใหม่มีความละเอียดมากกว่า High Res Shot ใน PEN-F จึงให้ความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านพิกเซลสำหรับไฟล์ JPEG(รวมภาพ 8 ภาพ แต่ละภาพขยับเซนเซอร์ไปทีละครึ่งพิกเซล) และขึ้นไปสูงลิ่วถึง 80 ล้านพิกเซลหากใช้ไฟล์ RAW แต่ทั้งนี้ข้อเสียเดิมของ High Res Shot คือการจะใช้ต้องมีปัจจุยัหลายอย่างเนื่องจากเราต้องการความนิ่งมากๆจึงใช้ขาตั้งกล้องเท่านั้น! เพราะเป็นการขยับในระดับพิกเซลการสั่นไหวเพียงเล้กน้อยจึงอาจส่งผลให้ภาพไม่คมไปเลยก็ได้ครับ และของที่ถ่ายก็ควรจะนิ่งไม่เคลื่อนไหว ในการใช้งานจริงเลยหาโอกาสใช้ได้น้อย หลายคนจึงคาดหวังจะเห็นการพัฒนาฟังก์ชั่นนี้ แต่ในการเปิดตัว PEN-F คราวนี้ Olympus ไม่ได้พูดถึงการปรับปรุงฟังก์ชั่นนี้เลย ทุกอย่างจึงน่าจะยังคงเหมือนเดิมครับ
ฟีเจอร์ใหม่ Color Profile Control และ Monochrome Profile Control เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ช่างภาพจำลองคาแรคเตอร์ภาพแบบฟิล์มได้ ในระบบจะมีค่าฟิล์มที่ตั้งเป็น Preset เอาไว้และผู้ใช้สามารถปรับแต่งโทนสีต่างๆตามต้องการแล้วบันทึกเป็น Preset เอาไว้เฉพาะตัวได้
- ใน Monochrome Profile Control จะมี Preset Classic Film B&W เป็นเอฟเฟคฟิล์มขาวดำที่ให้ Contrast สูง และ Classic Film IR เป็นการจำลองฟิล์มอินฟราเรดแบบขาวดำ และเราสามารถผสมเอฟเฟคโทนสีต่างๆ 5 อย่างเข้าด้วยกันได้เช่น Color Filter, Shading, Film Grain, Highlight & Shadow เพื่อสร้างโทนแบบเฉพาะของเราได้
- ใน Color Profile Control ความอิ่มสี(Saturation) ของสีทั้ง 12 สีสามารถตั้งค่าได้ 11 ระดับและสามารถผสมรวมกับฟังก์ชั่น Highlight & Shadow Control ได้
บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 27/01/2016 13:22:13