Canon G Series นั้นถือว่าเป็นซีรี่ย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากที่เดียว ด้วยขนาดที่เล็กพกพาง่าย แต่มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพที่สูง ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมือสมัครเล่นถ่ายสนุกๆ หรือแม้แต่กลุมมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพสูง และเมื่อไม่นานมานี้ Canon ก็ได้เปิดตัวลูกชายคนใหม่แห่งตระกูล “G” นั่นก็คือ Canon Powershot G15 !!!
และวันนี้เราจะมาแกะกล่องและรีวิว Canon Powershot G15 อีกหนึ่งการสานต่อตำนานของ G Series ที่มาแทน Canon G12 เดิม โดยมีการยกของใหม่ๆมาทั้งตัวเลยทีเดียว ทั้งเซนเซอร์ใหม่ เลนส์ใหม่ บอดี้ใหม่ น้ำหนักที่เบาลง ขนาดที่บางลง ฯลฯ ทำให้มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพที่ดีขึ้นกว่าเก่า เราไปดูกันเลยครับ…
Canon Powershot G15 Specification
-
เซนเซอร์ CMOS ขนาด 1/1.7″ (7.44 x 5.58 mm) ความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซล (G12 เดิมเป็น CCD 1/1.7″ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล)
-
ชิพประมวลผล Digic 5 (G12 เป็น Digic 4)
-
ISO 100 – 12800
-
เลนส์ซูมออฟติคอล 5x (28 – 140mm) เท่ากับ G12 เดิม
-
เลนส์มีรูรับแสงกว้าง f/1.8 – 2.8
-
จอแสงผลขนาด 3.0″ ความละเอียด 922,200 พิกเซล (ไม่สามารถปรับหมุนแบบ G12 ได้)
-
รองรับการถ่ายไฟล์ RAW
-
ถ่าย VDO Full HD 1080p 24 fps
-
ใช้แบตเตอรี่ Canon NB-10L
-
น้ำหนัก 352 กรัม (รวมแบตเตอรี่และการ์ดหน่วยความจำ)
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมี ตัวกล้อง G15, แบตเตอรี่, แท่นชาร์จแบตเตอรี่, ปลั๊กสำหรับเสียบแท่นชาร์จ, สายคล้องคอ, คู่มือและแผ่น CD
หล่อมั้ยเล่าาาาา !!! เมื่อเทียบกับ G12 แล้ว หน้าตาเปลี่ยนไปพอสมควรเลยครับ แต่ก็ยังคงกลิ่นอายของ G Series เดิมไว้อย่างดี
จอแสดงผลด้านหลังมีขนาดใหญ่ขึ้นและละเอียดมากขึ้นเป็นขนาด 3.0″ ความละเอียด 922,000 พิกเซล แต่จะไม่สามารถปรับหมุนได้เหมือนรุ่นก่อน
ด้านบนออกแบบใหม่ การวางปุ่มและอุปกรณ์ต่างๆเปลี่ยนไป แฟลชในตัวกล้องที่ย้ายมาอยู่ด้านบน และปุ่มหมุนสำหรับตั้งค่า ISO ที่เรามักจะเห็นบ่อยใน Canon G Series ก็ได้หายไปแล้ว
ใช้แบตเตอรี่ Canon NB-10L
แหวนรอบเลนส์เมื่อถอดออกก็จะเจอล็อคสำหรับใส่ Adapter หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆจำพวก Converter ทั้งหลาย
แฟลชในตัวกล้องที่เปลี่ยนจากอยู่ด้านหน้า ย้ายมาอยู่ด้านบนในลักษณะของแฟลช ป๊อป-อัพ แทน
ภาพซ้ายเลนส์อยู่ในระยะ Wide สุด 28mm และภาพขวาซูมสุด 5 เท่า ที่ระยะ 140mm
ในด้าน Software ภายใน หรือ Interface ในการใช้งานต่างๆก็จะเป็นสไตล์ Canon เลยครับ ใครที่เคยใช้ Canon มาก่อน สามารถทำความคุ้นเคยได้อย่างสบายๆแน่นอน อารมณ์เดิมๆกับ G12 เป๊ะๆ
จากภาพซ้าย น่าเสียดายที่ G15 ยังคงไม่มีระบบ sweep panorama ยังคงใช้ระบบการถ่าย Panorama แบบถ่ายภาพหนึ่งแล้วต้องถ่ายอีกภาพหนึ่งเพื่อนำมาต่อกันเช่นเดิม และจากภาพทางขวากล้อง Canon Powershot G15 รองรับการถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW ด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่ต้องการคุณภาพแบบสุดๆ
รูปลักษณ์ภายนอก
ด้านรูปลักษณ์เมื่อมองผิวเผินจากภายนอกก็ดูจะไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก แต่จริงๆแล้วก็แฝงไปด้วยความบางและเบาลง(นิดหน่อย 55) แต่ก็ยังคงมีการจับถือที่มั่นคงเพราะตัวกล้องมีบอดี้ดีที่ค่อนข้างใหญ่พอดีมือ และการเคลือบผิวแบบเป็นเม็ดทรายช่วยให้ติดนิ้วดีขึ้น ขอบอกว่า G15 จากเท่าที่ลองจากความรู้สึกส่วนตัวรู้สึกว่าผิวมันจะสากๆกว่า G12 ครับ ถ้าใครเคยจับ Canon S100 สีดำ ก็อารมณ์ประมาณนั้นเลยครับ และการวางตำแหน่งปุ่มใหม่ที่สำหรับผมแล้วใช้งานได้ง่ายดีไม่มีปัญหาอะไรครับ การปรับค่าสปีดชัตเตอร์ ค่ารูรับแสงทำได้สะดวกโดยอาศัพปุ่มหมุน Dial ด้านหน้าเพื่อควบคุมรูรับแสง และปุ่มหมุนด้านหลัง(ที่บริเวณปุ่มควบคุมทิศทาง)เพื่อควบคุมสปีดชัตเตอร์ ปุ่มหมุนสำหรับตั้งค่าการชดเลยแสงที่ย้ายมาอยู่ในตำแหน่งใหม่ปรับได้สะดวกทันใจดีครับ ทำให้เราสามารถปรับค่าแสงตามสถานะการณ์ต่างๆได้รวดเร็วดีทีเดียว ส่วนแป้นหมุนควบคุม ISO ก็หายไปอยู่ในบริเวณแป้นควบคุมทิศทางแทน ซึ่งก็ไม่ได้ปรับค่ายากแต่อย่างใด แค่กดขึ้นก็เลือก ISO ได้แว้วววว ส่วนจอแสดงผลด้านหลังนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิมใน Canon G12 ขนาด 2.8″ ความละเอียด 461,000 พิกเซล Canon G15 เพิ่มขึ้นเป็น 3.0″ ความละเอียด 922,000 พิกเซล น่าเสียดายที่ไม่สามารถปรัมหมุนได้เหมือนก่อน เพราะจอแบบปรัมหมุนได้ทำให้เราสามารถถ่ายภาพในมุมต่ำหรือมุมสูงได้สะดวกขึ้นมาก แต่จากการทดลองใช้งาน จอหมุนไม่ได้ก็ยังถ่ายได้ไม่ยากนัก แต่อาจจะมองจอลำบากนิดหน่อย หรืออาจจะเห็นไม่ค่อยชัดนัก
ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพ
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างขึ้น f/1.8-2.8 ซึ่งถือว่ากว้างมากเลยครับ จากเดิมกว้างแค่ f/2.8-4.5 เท่านั้น กว้างขึ้นเยอะมากเลยยย o.O ทำให้มีแสงลอดเข้าสู่เซนเซอร์ได้มากขึ้น บวกกับขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ถึง 1/1.7″ ทำให้รับแสงได้มาก จึงทำให้เราถ่ายกลางคืนได้ง่ายขึ้นแสงลอดเข้าสู่เซนเซอร์รับภาพได้มากทำให้เราได้ความไวชัตเตอร์ที่สูงเพื่อหยุดความเคลื่อนไหวของแบบในภาพและลดโอกาสที่ภาพจะสั่นไหวจากการสั่นของมือ และให้ผลทางความชัดตื้นได้มากขึ้น(หน้าชัดหลังเบลอ) และในส่วนของเซนเซอร์ Canon Powershot G15 ก็เพิ่มความละเอียดขึ้นมาเป็น 12.1 ล้านพิกเซลด้วย G15 ยังมีช่วงความไวแสง(ISO) ที่ขยายได้กว้างกว่าเดิมตั้งแต่ 100-12800 จุดสำคัญอีกจุดที่ G15 นั้นพัฒนาขึ้นมามากคือความเร็วในการโฟกัสและ Shutter lag ครับ ที่พัฒนาให้เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 50%
ภาพแสดงความเร็วในการโฟกัสระหว่าง Canon Powershot G15 และ G12 จะเห็นว่าโฟกัสได้เร็วขึ้นถึง 53% และ Shutter lag ลดลงไปถึง 45%
ทดสอบ ISO
ผมทดสอบโดยการใช้โหมด P ครับ และทำการปรับค่า ISO ไปเรื่อยๆ ทุกภาพใช้ f/1.8 ถ่ายที่ช่วง Wide สุด 28mm ครับ
ภาพนี้ที่ ISO 1600
มาเทียบความหล่อกับ G12 กันดีกว่าา…
เทียบจากด้านข้าง ฝั่งขวาจะเป็น G15 นะครับ ฝั่งซ้ายเป็น G12 เห็นได้ชัดเลยว่ารูปร่างมันเพรียวบางลงกว่าเก่า สงสัยแอบไปฟิตหุ่นมา 555
ด้านบนมีการวางตำแหน่งปุ่มควบคุมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แฟลชในตัวกล้องที่เคยอยู่ด้านหน้าก็ถูกย้ายขึ้นมาอยู่ด้านบนในลักษณะของแฟลช ป๊อป-อัพ แทน
เทียบกันให้เห็นชัดๆอีกทีระหว่างจอ 2.8″ (G12) และจอ 3.0″ (G15) ขนาดต่างกันแค่ไหน
อันนี้แถมให้ เทียบความหล่อ Canon Powershot G15, G1X, G12
เราจะมาเทียบกันในลักษณะภายนอกนะครับ ระหว่าง 3 ตัวนี้แน่นอนว่า G1X มีขนาดที่ใหญ่โตมากที่สุดและหนักมากที่สุดในทั้ง 3 ตัว และราคายังสูงที่สุดด้วย แต่ก็แน่นอนว่าไฟล์ภาพของ G1X นั้นดีกว่าไฟล์ภาพของ G15,G12 อย่างแน่นอน ก็อยู่ที่ว่าใครจะชอบแบบไหนล่ะน้าาา
ถ้าเทียบความหนาแบบนี้ แน่นอน G1X หนาปึกก ที่สุดแน่นอน 555 และ G15 ดูบางกว่าทั้ง 2 ตัวแน่นอน
สรุป จากการทดสอบ Canon Powershot G15 ถือว่าพัฒนาขึ้นมามากเลยครับ ไฟล์ภาพนั้นถ้าเทียบในระดับคอมแพคไฮเอนด์เหมือนกันถือว่าอยู่ในระดับแถวหน้าทีเดียว และสำหรับใครที่กำลังมองหากล้องตัวเล็กๆที่คุณภาพดีๆตัวนี้ตอบโจทย์คุณเต็มๆ ไม่ว่าจะมือสมัครเล่นถ่ายรูปสนุกๆ G15 ก็สามารถใช้ Canon G15 ตัวนี้ได้สบายแน่นอน เพราะมีโหมดออโต้ให้คุณได้ใช้งานง่ายๆ หรือมืออาชีพที่เบื่อแล้วกับการแบกกล้อง DSLR ตัวยักษ์หนักเป็นกิโลๆ ก็หันพกตัวเล็กๆแบบนี้ตัวเดียวจบ ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์(เพราะเปลี่ยนไม่ได้ 55) ถ้าในสถานะการณ์ที่คุณต้องการคุณภาพของภาพ G15 ก็สามารถจะถ่ายไฟล์ RAW ให้คุณได้ คุณสมบัติของ Canon Powershot G15 นั้นครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ได้แทบจะทุกกลุมกับราคาค่าตัวประมาณ 15,500 (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้) ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Zoomcamera