ฟูจิเปิดตัว X-E1 กล้อง mirrorless หวังผลฆ่า OM-D และ NEX-7
ไม่รู้พาดหัวแรงไปป่าว ^^ แต่คิดว่าฟูจิก็คงหวังผลแย่งส่วนแบ่งตลาดจากกล้องกลุ่มนี้จริงๆ
Fujifilm X-E1 เป็นกล้อง mirrorless เปลี่ยนเลนส์ได้รุ่นที่ 2 ของฟูจิต่อจาก X-Pro1 ที่ได้รับคำชมและความชื่นชอบมากมายเนื่องจากคุณภาพไฟล์ที่เทพจริง แต่อาจเป็นเพราะราคาก็เทพทำให้ยังไม่สามารถจับตลาดวงกว้างได้เยอะมากพอ คนส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องเงยมองเครื่องบินกันไป แต่หลังจาก Olympus เปิดตัว OM-D E-M5 ที่สเปกก็เทพไม่มีกั๊ก หน้าตาก็หล่อขั้นเทพ แต่ราคาจับต้องได้จริงทำให้ฟูจิต้องหันมามองตลาดนี้บ้าง จนในที่สุดก็เปิดตัว X-E1 สุดหล่อจนได้ มาดูสเปกย่อๆกันก่อน
- X-E1 ใช้เซนเซอร์ X-Trans CMOS sความละเอียด16MP
- ใช้ตัวประมวลผล EXR Processor Pro
- ISO 200-6400, ขยายได้เป็น 100 – 25600 ในโหมด JPEG
- ช่องมองภาพของ X-E1 เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ OLED EVF ความละเอียด 2.36 ล้านพิกเซล
- จอ LCD ขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียด 460000 dot
- มีแฟลชป๊อปอัพในตัว
- บันทึกวีดีโอ Full HD (1920X1080) 24fps พร้อมไมโครโฟน stereo ในตัว และสามารถต่อไมค์เพิ่มได้
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ 350 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
Fuji X-E1 ใช้เซนเซอร์ X-Trans CMOS ความละเอียด 16.3 ล้านพิกเซล ตัวเดียวกันกับ X-Pro1 มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ความละเอียดสูง แฟลชในตัว บอดี้เล็กลง ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) Organic EL อ้างว่าเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของฟูจิเอง มี contrast raito 1:5000 ความละเอียด 2.36 ล้านพิกเซล และแน่นอนใช้เลนส์ X-mount ในตระกูล XF ของฟูจิเองเหมือนกับ X-Pro1 ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 3 รุ่นและเปิดตัวใหม่พร้อมกับ X-E1 อีก 2 รุ่นรวมเป็น 5 รุ่น ทั้งนี้ตามแผน roadmap ของฟูจิระบุว่าภายใน 2013 จะมีเลนส์เพิ่มรวมทั้งหมดเป็น 10 รุ่น ระบบโฟกัสที่เคยเป็นจุดอ่อนของ X-Pro1 ก็ได้รับการปรับปรุงให้โฟกัสเร็วไม่เกิน 0.1 วินาที แต่ทั้งนี้ฟูจิระบุว่าเมื่อใช้กับเลนส์ตัวใหม่ 18-55mm ของเค้านะ
เปรียบเทียบกับ X-Pro1
ถ้าเทียบหน้าตาของ X-Pro1 กับ X-E1 แล้วจะเห็นได้ว่าแทบจะเป็นฝาแฝดกันเลย ต่างกันเพียงแค่ขนาดของบอดี้ที่เล็กกว่าในทุกๆด้าน ซึ่งอาจจะเป็นข้อดีหรือข้อเสียก็แล้วแต่ความถนัดความชอบของแต่ละบุคคล X-E1 ใช้บอดี้ขนาดใกล้เคียงกับ X100 ส่วนการควบคุมกล้องทั้งแป้นหมุนปรับความไวชัตเตอร์และชดเชยแสงก็ยังคงอยู่ที่ top plate ส่วน button layout และ interface ยังคงเหมือนกับ X-Pro1
ในส่วนของสเปก มีทั้งจุดต่างที่ดีกว่าและด้อยกว่าดังนี้
- X-E1 คือใช้เซนเซอร์และระบบประมวลผลที่เหมือนกับ X-Pro 1 ดังนั้นก็คาดหวังคุณภาพรูปที่เท่าเทียมกันได้ในราคาที่ประหยัดกว่าเยอะ
- ช่องมองภาพของ Fuji X-E1 ที่เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเดียว จากเดิมที่ X-Pro1 ให้มาแบบ hybrid คือใช้ได้ทั้ง optical แบบดั้งเดิมและ electronic viewfinder แต่ความละเอียดของ EVF ใน X-E1 นั้นให้มาเยอะกว่า X-Pro1 ซะอีก คือ OLED 2.36 ล้านพิกเซล เท่ากับใน NEX-7 ซึ่งเป็นความละเอียดสูงสุดในตลาดตอนนี้
- มี pop-up flash ในตัว ใช้ช่องเสียบไมโครโฟนสเตอริโอแบบ 2.5mm
- จอ LCD ที่ขนาดเล็กลงเหลือ 2.8 นิ้ว และความละเอียดลดลงเป็น 460000 dots
- Fuji X-E1 รองรับสายลั่นชัตเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์เสียบกับช่อง USB ของกล้อง แทนที่จะเป็นสายลั่นแบบเกลียวกดนุ่มๆแบบดั้งเดิมเหมือน X-Pro1 เพียงอย่างเดียว
ถึงตรงนี้ ผู้อ่านที่ใช้ X-Pro1 อยู่อาจจะเริ่มหงุดหงิดว่าแล้วเราจะซื้อแพงกว่าทำไมเนี่ย X-E1 โฟกัสยังไวกว่าของเราอีก ทางฟูจิก็สัญญาว่าจะมีการออกเฟิร์มแวร์อัพเดต version 2.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและความไวในการโฟกัสให้คุณๆได้ใช้กันแน่ๆ
ลองดูขนาดและความหล่อเทียบกันระหว่าง 3 หนุ่มฮ็อต Sony NEX-7, Fujifilm X-E1 และ Olympus OM-D E-M5 ถึงจะเล็กลงแล้ว X-E1 ก็ยังล่ำบึ๊กกว่าเพื่อนๆอยู่ดี
นอกจากกล้อง X-E1 แล้ว Fuji ยังเปิดตัวอุปกรณ์เสริมและเลนส์ด้วย ได้แก่ เลนส์ XF14mm F2.8 เลนส์ฟิกซ์มุมกว้าง และ XF18-55mm F2.8-4.0 OIS ที่เป็นเลนส์คิทมากับ X-E1 เองและเป็นเลนส์ซูมตัวแรกในตระกูล XF
นอกจากนั้นก็ยังมีกริปรุ่น HG-XE1 สำหรับติดเพิ่มเพื่อความจับกระชับมืออีกด้วย
อ่านถึงตรงนี้ ขอเดาว่าคำถามที่ทุกคนกำลังอยากรู้คือราคาเท่าไหร่และมีขายเมื่อไหร่
X-E1 มีกำหนดวางขายในสหรัฐฯเดือนพฤศจิกายนนี้ (ในไทยอาจจะช้ากว่าประมาณ 1 เดือน) โดยราคาเปิดตัวของ X-E1 สำหรับใน US อยู่ที่ $999.95 สำหรับบอดี้ และ $1399.95 สำหรับชุดคิทเลนส์ 18-55mm ถือว่าเป็นราคาที่ออกมาชนกับ OM-D ตรงๆ แต่ในเมืองไทยคงต้องรอดูว่าฟูจิฟิล์ม(ประเทศไทย)จะเคาะกันออกมาเท่าไหร่ ขอบอกว่าเดายาก เพราะหากดูจากประวัติศาสตร์แล้ว X-100 ซึ่งเป็นรุ่นบุกเบิกตลาดกล้องพรีเมียมตระกูล X ทางฟูจิไทยตั้งราคาได้เย้ายวนมาก ชนกับราคาใน US ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่แทบจะถูกที่สุดในโลกเลยทีเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นกล้องคอมแพคเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ในบ้านเราไม่มีรุ่นไหนเกิน 19000 กันเลย การเปิดราคามา 3หมื่นกว่าก็นับว่าต้องใช้ความกล้ามากๆแล้ว และผลก็คือ X100 ประสบความสำเร็จอย่างมาก ต่อมาพอออกรุ่นต่อๆมาอย่าง X10, X-S1หรือกระทั่ง X-Pro1 เหมือนทางฟูจิไทยจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่าของเค้าดียังไงก็ขายได้ เลยตั้งราคามาสูงปี๊ดทุกรุ่น ส่งผลให้ต่อมา X10 ก็ต้องมีการปรับราคาลงมา 2 รอบรวม 4000 บาท และ X-S1 ก็ลงมา 4000 บาทเช่นกัน ส่วน X-Pro1 ถึงจะไม่ได้ประกาศปรับราคาลง แต่ก็แอบมีโปรลด 10% ผิดกับ X100 ที่ตั้งแต่เปิดตัวยังไม่เคยปรับลงเลย พอมาถึง X-E1 ถ้าทางฟูจิไทยมีความตั้งใจเดียวกับต้นสังกัด ก็ไม่น่าจะตั้งราคาสูงไปกว่า OM-D บ้านเราซึ่งโอลิมปัสประเทศไทยตั้งราคาไว้น่าคบหาใกล้เคียงกับในตลาด US เลย
ยังไงก็ติดตามข่าวอัพเดตได้่ทางหน้าเว็บและ facebook ของ zoomcamera กันนะครับ มีข้อมูลว่าจะเข้าบ้านเราเมื่อไหร่ ตั้งราคาเท่าไหร่ เราจะอัพเดตกันให้ทราบก่อนใคร
ปิดท้ายด้วยวีดีโอแนะนำ Fuji X-E1 กันเลย
ข้อมูลจาก : dpreview.com
บทความนี้เขียวเมื่อ วันที่ 06/09/2012