กราบสวัสดีเพื่อนๆที่ติดตาม Content ของ Zoomcamera ผ่านทาง Facebook และ Youtube ด้วยนะครับ สำหรับ Content ในวันนี้ขอเอาชาวฮิฟเตอร์อย่างชาว X Series กันบ้างครับ โดยก่อนหน้านี้ Fujifilm ได้มีการเปิดตัวกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Fujifilm X-T30 ซึ่งเป็นภาคต่อของ Fujifilm X-T20 ที่ทำตลาดอยู่ ณ ตอนนี้นั่นเอง ซึ่งก็เป็นไปตาม Life Cycle ของ Fujifilm X-T20 ที่มีอายุในท้องตลาดก็พอสมควรแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการมาของ Fujifilm X-T30 นั้น นอกเหนือความสดใหม่แล้ว ย่อมต้องมีความแตกต่างแน่นอน นั่นซิแล้วมันแตกต่างกันอย่างไร ถ้าอยากรู้แล้วละก็ ชมรายละเอียดด้านล่างนี้ใน ” เปรียบเทียบ : Fujifilm X-T30 vs Fujifilm X-T20 พี่น้องฮิฟเตอร์ “
** เปรียบเทียบ : Fujifilm X-T30 vs Fujifilm X-T20 พี่น้องฮิฟเตอร์ **
ดีไซน์การออกแบบ
หากมองอย่างผิวเผินแล้ว เชื่อว่าเพื่อนๆหลายท่านน่าจะคิดเหมือนผู้เขียนว่าเจ้า Fujifilm X-T30 นั้นมีความคล้ายคลึงกับ Fujifilm X-T20 มาก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ตำแหน่งการวางปุ่มต่างๆแทบจะเป็น Layout เดียวกันหมด รวมไปถึงขนาดและน้ำหนักสุทธิที่แทบจะไม่ทิ้งกันเลย แต่สิ่งที่เจ้า Fujifilm X-T30 มีความแตกต่างจาก Fujifilm X-T20 อย่างชัดเจน คงเห็นจะเป็นในส่วนของปุ่มควบคุม ที่ใน Fujifilm X-T30 ได้มีการถอดปุ่มควบคุม 4 ทิศทางออกไป และได้ทำการเติม Joystick เข้ามาใช้ควบคุมแทน โดยหากผู้ใช้งานต้องการเข้าถึงเมนูลัดต่างๆ จะเป็นจะต้องใช้งานผ่านหน้าจอ LCD เท่านั้นครับ แน่นอนว่าเพื่อนๆที่คุ้นเคยกับการใช้งานปุ่มควบคุม 4 ทิศทางนั้น จะต้องมีการปรับตัวในการใช้งานกันบ้างครับ ส่วนเพื่อนๆที่เคยผ่านการใช้งาน Fujifilm X-E3 มาก่อนละก็ ต้องบอกว่า Layout การจัดวางของ Fujifilml X-T30 แทบจะถอดแบบกันมาเลยครับ
Sensor & ความละเอียด
แม้ว่าดีไซน์การออกแบบของ Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่หัวใจสำคัญอย่าง Sensor นั้น ต้องบอกว่ามีความแตกต่างกันอย่างแน่นอนครับ โดยเจ้า Fujifilm X-T30 นั้นมาพร้อมกับ Sensor ใหม่อย่าง X-Trans CMOS 4 มาพร้อมความละเอียด 26 Megapixels และ หน่วยประมวลผลใหม่ X-Processor 4 ซึ่งความน่าสนใจของ Sensor นี้นั้น เป็น Sensor แบบ BSI ที่มีเทคโนโลยีคล้ายคลึงกับเทคโนโลยีที่ปรากฏในกล้อง Sony นั่นเอง โดยเฉพาะการรับแสงที่สามารถรับแสงได้ดียิ่งขึ้น ลดอัตราการเกิด Noise ได้ดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจาก Fujifilm X-T20 ที่ยังใช้ Sensor X-Trans CMOS 3 ความละเอียด 24 Megapixels อยู่นั่นเองครับ แม้ว่าเทคโนโลยีด้าน Sensor จะเห็นอย่างชัดเจนเมื่อนำไฟล์ Output ไปทำการ Process ต่อก็ตามที แต่การได้มาซึ่ง Sensor ใหม่ที่เทียบเท่ากับกล้อง Mirrorless ระดับ Flagship แต่จ่ายเพียง Semi – Pro ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยครับ สำหรับเจ้า Fujifilm X-T30
อนึ่ง ทั้งเจ้า Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 ยังคงไม่ได้บรรจุ Feature อย่างระบบกันสั่นไหวในตัวกล้อง หรือ 5 Axis มาด้วยนั่นเองครับ ทำให้อาจจะเป็นอุปสรรคบ้างเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือ ใช้ Shutter Speed ช้าๆ โดย Feature 5 Axis นั้น มีเพียง Fujifilm X-H1 เพียงรุ่นเดียวใน X Series ที่มีระบบดังกล่าวครับ
จอ LCD & ระบบ Touchscreen
ในส่วนของจอแสดงผลนั้น ทั้ง Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 ยังคงเลือกใช้จอ LCD ขนาด 3.0″ โดยที่ตัวจอ LCD มีลูกเล่นเพิ่มเติมอย่างการออกแบบในลักษณะ Tilting ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถ่ายภาพมุมต่ำ / มุมเงยได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นในส่วนของระบบ Touchscreen ที่ยังบรรจุมาเฉกเช่นเดิมครับ โดยที่ Fujifilm X-T30 จะเน้นการใช้งานผ่านจอ LCD ด้วยระบบ Touchscreen มากกว่า Fujifilm X-T20 เนื่องจากว่าปุ่มควบคุม 4 ทิศทางใน Fujifilm X-T30 ถูกตัดออกไปนั่นเอง ทำให้การจะเปิด Menu ลัดต่างๆ จำเป็นต้องทำผ่านจอ LCD โดยตรงนั่นเองครับ
อนึ่งระบบ Touchscreen บน Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 นั้น สามารถ Touch บนเมนูต่างๆได้ รวมถึงทัชเพื่อเป็นการเลือก Focus หรือ ทัชเพื่อเป็นการลั่นชัตเตอร์ได้ด้วยเช่นกัน
ระบบ Focus
ต้องบอกว่าระบบ Focus ของกล้อง Fujifilm X Series นั้น มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ Fujifilm X-Pro1 ได้เปิดตัวลงสู่สนามกล้อง Mirrorless อย่างเต็มตัวจนถึง ณ ตอนนี้ ทาง Fujifilm ก็ได้เลือกใช้ Hybrid AF โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Phase Detection และ Contrast Detection ที่กระจายอยู่รอบๆ Sensor ทั้งนี้การทำงานร่วมกันระหว่าง Phase Detection และ Contrast Detection นั้น ส่งผลให้ระบบ Focus มีความรวดเร็ว แม่นยำยิ่งขึ้น ( ขึ้นอยู่กับเลนส์ ) ทั้งนี้จำนวนจุด Focus ที่กระจายตัวอยู่บนกล้อง Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 นั้น มีจำนวนสูงสุดที่ 425 จุดด้วยกันครับ
สิ่งที่ Fujifilm X-T30 ดูจะมีภาษีดีกว่า Fujifilm X-T20 นั้น เห็นจะเป็นในส่วนของ Tracking Eye – AF ที่มีการติดตามที่ดีขึ้น แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการใช้หน่วยประมวลรุ่นเดียวกันกับ Fujifilm X-T3 นั่นเอง ทำให้ผู้ใช้งานที่เน้นการถ่าย Portrait เป็นหลัก น่าจะชื่นชอบเจ้า Fujifilm X-T30 เป็นพิเศษ ครับ
งาน Video
แม้ว่าบรรดาฮิฟเตอร์ส่วนมากจะนิยมถ่ายภาพนิ่งที่เน้นการจบหลังกล้องเป็นหลักก็ตามที แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปที่โลก Social ต่างเริ่มผลิต Content ในรูปแบบของ Video กันมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Video Content สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานได้ดีกว่าภาพนิ่งด้วยเช่นกัน แน่นอนว่า Feature ด้าน Video นั้น ทาง Fujifilm ก็ได้มีการบรรจุเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ซึ่งใน Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 ก็รองรับการถ่าย Video ความละเอียดสูงอย่าง Video 4K 30p และ Video FHD 60p ด้วยกัน ซึ่งต้องบอกว่าเพียงพอต่อการใช้งานในระดับหนึ่งเลยครับ แต่ทั้งนี้เจ้า Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 จำเป็นจะต้องหา Adapter แปลงสายเป็นแจ๊ค 3.5mm. เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เฉพาะทางอย่าง ไมค์ เป็นต้น เพื่อเพิ่มคุณภาพเสียงของงาน Video ได้เป็นอย่างดีครับ ทั้งนี้คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของไมค์เช่นกัน
การเชื่อมต่อ
ด้วยความเป็นกล้องของชาวฮิฟเตอร์ แน่นอนว่าจะต้องมี Feature ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการโอนถ่ายภาพอย่าง Fujifilm Camera Remote ซึ่งเป็น Application ที่เสมือนเป็นตัวกลางระหว่าง Smartphone และ ตัวกล้อง โดยหน้าที่หลักๆของ Fujifilm Camera Remote นั้น จะมี Feature ในการอำนวยความสะดวกในการโอนภาพจากกล้องไปยัง Smartphone โดยผู้ใช้สามารถเลือกความละเอียดได้ว่าจะใช้ความละเอียดที่ 3 Megapixels หรือ ขนาด Original ดั้งเดิม ก็สามารถ Setting ได้ตามสะดวก นอกจากการส่งไฟล์ภาพแล้ว ตัว Fujifilm Camera Remote ยังสามารถทำให้ Smartphone เป็นตัวควบคุมตัวกล้องได้อย่างอิสระ ซึ่งจะมีประโยชน์ยามที่เราใช้ตัวกล้องในการถ่ายภาพตัวเราเอง หรือ ยามที่เราใช้ Shutter Speed ที่ช้า การใช้ Fujifilm Camera Remote ทำให้ลดอาการสั่นไหวเวลาที่เรากดชัตเตอร์ได้เป็นอย่างดีครับ
สำหรับ Fujifilm Camera Remote นั้น รองรับการทำงานทั้งระบบ Android และ IOS ที่สำคัญ เป็น Application ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
Feature เฉพาะทาง
ในหัวข้อนี้เจ้า Fujifilm X-T30 ดูจะมีภาษีดีกว่าเจ้า Fujifilm X-T20 อยู่บ้างครับ เริ่มตั้งแต่ Film Simulation ที่ได้มีการเพิ่มเติมในส่วนของ Etherna เข้ามา ซึ่งก่อนหน้านี้มีบรรจุอยู่ใน Fujifilm X-T3 และ Fujifilm X-H1 ครับ โดยเจ้า Etherna นั้นจะให้สีที่มีความใกล้เคียงกับสี Cinema ในอดีต จึงเหมาะสำหรับงาน Video เป็นอย่างดี ส่วนงานภาพนิ่งก็สามารถนำมาใช้งานได้เช่นกันครับ นอกเหนือจาก Film Simulation อย่าง Etherna แล้วนั้น เจ้า Fujifilm X-T30 ยังพ่วงความสามารถของ Fujifilm X-T3 มาอีก 1 อย่าง คือ ” Sports Finder Mode ” โดยจะเป็นการทำการ Crop ภาพ 1.25 เท่า และลดความละเอียดเหลือเพียง 16.6 ล้านพิกเซล เพื่อให้สามารถถ่ายภาพได้ต่อเนื่อง 30 ภาพ เมื่อใช้งานร่วมกับ Electronic Shutter ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพแนว Sports หรือ ช๊อตที่ต้องการความต่อเนื่องของ Movement เพื่อไม่ให้พลาดช๊อตสำคัญๆนั่นเอง แม้ว่าจะไม่ได้ความละเอียดเต็ม 26 Megapixels ก็ตามทีครับ
แบตเตอรี่
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้น ทั้ง Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 ยังคงใช้แบตเตอรี่รุ่น NP-W126S เฉกเช่นเดียวกันกับกล้อง Mirrorless ใน Fujifilm X Series ครับ โดยแบตเตอรี่ 1 ก้อน รองรับการถ่ายภาพสูงสุดที่ 3xx – 4xx ภาพต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จไฟตรงผ่าน microUSB ได้ด้วยเช่นกัน โดยการชาร์จไฟผ่าน USB นั้นทำให้เราประยุกต์ใช้งานผ่าน Powerbank ได้เช่นกันนั่นเองครับ ถือว่ามีความสะดวกยามที่เราออกไปท่องเที่ยวนั่นเอง
ทั้งนี้แม้จะสามารถชาร์จไฟผ่าน microUSB และ/หรือ Power Bank ได้ แต่ทั้งเจ้า Fujifilm X-T30 และ Fujifilm X-T20 จะไม่สามารถชาร์จไฟไปพร้อมๆกับถ่ายภาพได้นะครับ เพราะ ตัวกล้องจะทำการตัวระบบชาร์จไฟโดยทันทีนั่นเอง
ราคาวางจำหน่าย
เชื่อว่า ราคาวางจำหน่าย ถือเป็นปัจจัยที่เพื่อนๆน่าจะใช้มาประกอบการพิจารณาในการเลือกซื้ออย่างแน่นอนครับ ทั้งนี้ Fujifilm X-T30 นั้น ราคาเปิดตัวในต่างประเทศเริ่มต้นที่ 899us หรือ ประมาณ 27,xxx +/- ( โดยประมาณ อิงตามค่าเงิน ) ส่วนราคาของเจ้า Fujifilm X-T20 ณ ตอนนี้ อยู่ที่ 33,990.- ( Set Body ) และ 45,990.- ( Kit Set ) ซึ่งจะเห็นว่าเจ้าราคาเปิดแรกของ Fujifilm X-T30 ดูจะสูงกว่า Fujifilm X-T20 อยู่บ้าง แต่อย่าลืมว่าราคาที่สูงของ Fujifilm X-T30 นั้น แลกมาพร้อมกับ Sensor ใหม่ , ระบบ Focus Tracking ที่ดีขึ้น , Feature การถ่าย Sports เพิ่มเติม และ Filmsimulation ใหม่อย่าง Etherna ซึ่งหากดูภาพรวมแล้ว เจ้า Fujifilm X-T30 ดูจะมีภาษีดีกว่า และ มีอนาคตที่สดใสกว่าแน่นอนครับ
เตรียมพบกับมหกรรมงานกล้องถ่ายภาพและอุปกรณ์ถ่ายภาพ
ที่มีให้คุณเลือกมากที่สุด ต้อนรับต้นปี 2019
ZoomCamera Fair ครั้งที่ 9 ประจำปี 2019
วันที่ 13-19 มีนาคม 2562
เวลา 10.00 – 21.00 น.
ณ บริเวณลานกิจกรรมชั้น M ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย (ติดกับสถานี BTS เอกมัย)
>> อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ZoomCamera Fair 9 <<
*** สอบถามเพิ่มเติม ***
inbox : http://www.facebook.com/messages/t/zoomcamera
02-635-2330 ต่อ 0 / 083-067-7677 (หยุดวันอาทิตย์)
สาขาสีลม 02-635-2330-1 / 080-271-2772
สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 02-951-8597 / 085-937-0123
สาขาเมกาบางนา 02-105-1926 / 086-554-1919
สาขาเดอะมอลล์บางแค 02-454-9598 / 084-033-0498
สาขาฟอร์จูนทาวน์ 02-642-1291 / 083-068-2775
สาขา Central Festival เชียงใหม่ 052-068-787 / 096-878-4896
สาขา Central Westgate 02-060-4362 / 097-063-4328
สาขา Central Festival หาดใหญ่ 095-702-7585