กราบสวัสดีเพื่อนๆที่ติดตาม Content ของ Zoomcamera ผ่านทางช่องทาง Facebook และ Youtube ด้วยนะครับ ช่วงนี้ต้องบอกเลยว่ากระแสกล้อง Mirrorless Fullframe มาแรงแซงโค้งเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็น Nikon ที่ได้เปิดตัว Nikon Z7 / Z6 ลงสู่ตลาดกล้อง Mirrorless Fullframe เป็นครั้งแรกของค่าย รวมถึงล่าสุด Canon ก็โดดมาแจมด้วยการเปิดตัวกล้อง Mirrorless Fullframe รุ่นแรกของค่ายอย่าง Canon EOS R ที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งการมาของทั้งยักษ์ใหญ่ 2 ค่ายนั้น ย่อมเป็นประโยชน์ของผู้บริโภคแน่นอน สำหรับ Content ในวันนี้ทีมงาน Zoomcamera จะขอนำเจ้า Canon EOS R มาทำการเปรียบเทียบกับกล้อง Mirrorless ในระดับใกล้เคียงอย่าง Sony A7III ผู้ซึ่งเป็นจ้าวแห่งกล้อง Mirrorless Fullframe ในตลาดมาโดยตลอด เพื่อประกอบการตัดสินใจของเพือนกัน ซึ่งจะความน่าสนใจแค่ไหนนั้น มาชมกันเลยครับ

* Canon EOS R *

Canon EOS R กล้อง Mirrorless Fullframe รุ่นแรกจากค่าย Canon ที่ก่อนหน้า Canon เคยมีกล้อง Mirrorless ออกมาแล้วแต่เป็นเพียง APS-C เท่านั้นครับ นอกจากนี้เจ้า Canon EOS R ยังเป็นกล้อง Mirrorless Fullframe ที่มาพร้อม Mount ใหม่ อย่าง RF Mount ที่แตกต่างไปจาก EOS รุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็น EF-M Mount นั่นเองครับ เอาละเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรมาชมสเปคพร้อมๆกันเลยครับ

– Sensor ขนาด Fullframe ความละเอียด 30 Megapixels

– ชิพประมวลผลแบบ DIGIC8

– Mount ใหม่ แบบ RF Mount

– รองรับไฟล์แบบ JPG / RAW 14 Bit / C-RAW

– รองรับ Ratio แบบ 3:2 / 4:3 / 16:9 / 1:1

**– เมื่อเปิด Mode Crop จะเหลือขนาดไฟล์ 4176 * 2784**

– Picture Style 8 รูปแบบ

– จอ LCD ขนาด 3.15″ แบบ Vario Angel พร้อมระบบ Touchscreen

– จอ LCD บริเวณด้าน Top Plate แสดงผลการ Setting

– TouchPad รองรับ Feature หลากหลาย

– ช่องมองภาพแบบ OLED พร้อมกำลังขยาย 0.71x

– ระบบ Focus แบบ Dual Pixel มาพร้อมจำนวนโฟกัส 5655 จุด

– รูปแบบ Focus : 1 Point AF / Face + Tracking / Expand AF Area / Zone AF

– สามารถค้นหาโฟกัสในที่แสงน้อยได้มากสุดที่ EV -6

– ค่า ISO 100 – 40000 ( เพิ่มได้เป็น 50 / 51200 / 102400 )

– ค่า Speed Shutter 30″ – 1/8000 sec.

– รุปแบบชัตเตอร์ : Mechanic Shutter / Eletronic Shutter / Eletronic First Curtain

– อัตราการถ่ายภาพต่อเนื่อง 8fps

– อัตราการถ่ายภาพต่อเนื่อง 5fps เมื่อใช้งานบน Servo AF

– การตั้งถ่ายแบบหน่วงเวลา : 2 Sec. / 10 Sec.

– รองรัการถ่าย Video 4K 30p

– รองรัการถ่าย Video FullHD 60p / HD 120p

– รองรับการ Memory card แบบ SD / SDHC / SDXC

– รองรับการการเชื่อมต่อผ่าน WIFI / Bluetooth / HDMI

– ใช้งานผ่านแบตเตอรี่ LP-E6N / LP-E6 สูงสุด 560 เฟรม ( Power Saving Mode ) // 900 เฟรม เมื่อใช้งานพร้อม Grip

– รองรับการใช้งานร่วมกับ Battery Grip BG-E22

– น้ำหนักสุทธิ 660 กรัม

– ราคาประมาณการ : Body $2299 // Kit $3399 with the 24-105mm F4L lens

* Sony A7III *

Sony A7III กล้อง Mirrorless Fullframe รุ่นล่าสุดจากค่าย Sony ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลืออย่างหนาหู ชนิดที่ว่าลือกันข้ามปีเลยทีเดียวครับ ซึ่งแม้ว่าเจ้า Sony A7III จะเปิดตัวออกมาทีหลัง Sony A7RIII ก็ตาม แต่ในส่วนของสเปคนั้น ถือว่าไม่ทำให้สาวกอารยธรรมผิดหวัง เพราะ เจ้า Sony A7III ถูกตั้งชื่อเล่นให้เป็น Baby Sony A9 เพราะ ด้วยเค้าโครงบอดี้ , อัตรายิงต่อเนื่อง , ระบบ Focus , Joystick นั้นแทบจะยกมาจาก Sony A9 กันเลยทีเดียวครับ

– เซ็นเซอร์ BSI 24.2 MP ขนาด Fullframe

– รองรับวิดีโอ 4K HDR

– ISO 100 ถึง 204800

– Burst Shooting ได้สูงสุด 10 fps

– Raw 14 Bit

– กันสั่น 5 แกน เคลมไว้ถึง 5.5 Stops

– บอดี้ดีไซน์เดียวกับ Sony A7RIII

– มาพร้อมจอยสติ๊ก

– ระบบ Auto Focus แบบเดียวกับ A9

– จุดโฟกัส 693 จุดแบบ Phase Detection / 425 จุด แบบ Contrast

– รองรับวิดีโอ 1080P ที่ 120 Fps

– รองรับวิดีโอ 4K ที่ 24P และ 30P

– ช่องใส่การ์ดแบบ Dual Slot

– ช่อง USB 3.1

– ช่อง USB Type-C

– Weather-Sealed Design

– รองรับแบตเตอรี่รุ่นใหม่ Z Battery

– ราคาประมาณการ 1999$

* เปรียบเทียบ : EOS R VS Sony A7III *

ขนาด / น้ำหนัก

ด้วยความที่ Canon เคยเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ผลิตกล้อง DSLR มาโดยตลอด เมื่อถึงคราวที่ต้องออกกล้อง Mirrorless Fullframe ย่อมต้องถูกถามถึงเรื่องดีไซน์และขนาดอย่างแน่นอน ซึ่งหากมองผิวเผินจะเห็นว่าเจ้า Canon จะมีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับกล้อง DSLR อยู่บ้างแค่บางส่วนนะครับ ซึ่งแทบจะมีดีไซน์ที่มีความเป็น Canon สูงมากครับ คือ หากดูเพียงรูปลักษณ์ภายนอก แทบจะเหมือนกล้อง DSLR เลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะบริเวณ Grip ของทั้ง EOS R นั้น มีขนาดที่ใหญ่พอสมควรเลยครับ เพื่อเพิ่มความกระชับในการจับถือได้เป็นอย่างดีครับ ซึ่งเมื่อเทียบกับเจ้า Sony A7III Grip จับแทบจะดูเล็กไปเลยครับ

สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย เห็นจะเป็นในส่วนของ Joystick ที่ทาง Sony A7III ได้เพิ่มเข้ามา เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการเลือกจุดโฟกัสได้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้ปุ่มควบคุม 4 ทิศทางแบบเดิมๆนั่นเองครับ ซึ่ง EOS R ไม่ได้มี Joystick ให้มาแต่อย่างใดครับ แต่เจ้า EOS R ถูกทดแทนด้วย Multi Function Pad ที่เปรียบเสมือนปุ่มสารพัดประโยชน์ ที่ใช้สำหรับปรับค่า Setting ต่างๆ และ ปรับ Feature ต่างๆ ซึ่งซ่อนความน่าสงสัยไว้พอสมควรเลยทีเดียวครับ

เมื่อเป็นกล้อง Mirrorless สิ่งที่ทุกท่านอยากรู้ด้วยนั้น เห็นจะเป็นน้ำหนักของตัวกล้อง แม้ว่าเจ้า Canon EOS R และ Sony A7III จะเป็นกล้อง Mirrorless Fullframe ด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็มีน้ำหนักที่แตกต่างกัน โดยเจ้า Canon EOS R มีน้ำหนักเฉพาะ Body 660 กรัม ส่วน Sony A7III น้ำหนักอยู่ที่ 650 กรัม ซึ่งแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยครับ

ความละเอียด Sensor

ทั้งเจ้า Canon EOS R และ Sony A7III ต่างก็เป็นกล้อง Mirrorless Fullframe ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งในรายของ Sony A7III นั้นมาพร้อมกับ Sensor แบบ BSI ความละเอียด 24 Megapixels ซึ่งความละเอียดดังกล่าวแทบจะเป็น Base ในปัจจุบันไปแล้วก็ว่าได้ครับ นอกจากนี้เจ้า Sony A7III ยังได้ใส่ Feature สำคัญอย่างระบบกันสั่นไหว 5 ทิศทางภายในบอดี้ด้วยครับ ซึ่งเคลมว่าสามารถลดกันสั่นสะเทือนได้สูงสุดถึง 5 Stop ด้วยกัน ซึ่งระบบกันสั่นใน Body นั้น สามารถประยุกต์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการนำไปถ่าย Video หรือ การใช้เลนส์มือหมุน เป็นต้นครับ

กลับกันเจ้า Canon EOS R แม้จะเป็นกล้อง Mirrorless Fullframe รุ่นแรกของค่าย แต่กลับมาพร้อม Sensor ที่มีความละเอียดมากถึง 30 Megapixels ซึ่งว่ากันว่าเป็น Sensor ของ Canon EOS 5D IV ด้วยนั่นเองครับ แต่สิ่งที่ Canon EOS R ดูจะแตกต่างจาก Sony A7III นั้น เห็นจะเป็นระบบกันสั่นไหว 5 Axis หรือ ระบบกันสั่นไหว 5 ทิศทาง ที่ไม่ได้บรรจุลงมาในตัวกล้องแต่อย่างใด ทำให้ต้องพึ่งพาระบบกันสั่นที่ตัวเลนส์ต่อไปครับ

ในรายละเอียดของ Mount นั้น ทาง EOS R จะเป็น RF Mount ซึ่งเป็น Mount ใหม่ที่ออกแบบสำหรับกล้อง Mirrorless Fullframe รองรับการใช้งานกับเลนส์ Canon RF เท่านั้นครับ ยกเว้นจะต่อผ่าน Adapter อย่าง EF – EOS R เพื่อให้สามารถใช้งานเลนส์ Canon EF บนกล้อง Canon EOS R ได้เต็มระบบนั่นเอง ( เลนส์ 3rd Party ยังไม่คอนเฟิร์มว่า 100% หรือไม่ ) ส่วนทาง Sony A7III นั้น มาพร้อมกับ E Mount ขนาด Fullframe ซึ่งเป็น Mount เดิมที่ใช้ในกล้อง Mirrorless ของค่าย Sony อยู่แล้วนั่นเองครับ ซึ่งในส่วนของ Sony A7III จะมีภาษีดีกว่าตรงที่รองรับเลนส์ 3rd Party ได้อย่างหลากหลาย โดยผ่าน Adapter ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Metabone / Speed Booster / Techart Pro เป็นต้น ซึ่ง Adapter เหล่านี้ล้วนทำให้เจ้า Sony A7III แทบจะสามารถใช้เลนส์ได้แทบจะทุกตัวในระบบกล้องก็ว่าได้ครับ

จอแสดงผล / EVF

ในส่วนของจอแสดงผลนั้น สำหรับ Sony A7III นั้น มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 3.0″ ความละเอียด 921,600 ออกแบบลักษณะเป็นแบบ Tilting รวมถึงรองรับการใช้งาน Touchscreen ตามสมัยนิยมเช่นกัน ส่วนน้องใหม่อย่าง Canon EOS R มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 3.15″ ความละเอียด 2,100,000 ออกแบบลักษณะเป็นแบบ Vario Angle สามารถพับกางออกมาด้านข้าง และ พับหน้าจอไปด้านหน้าเพื่อใช้ในการเซลฟี่ได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงรองรับการใช้งาน Touchscreen ได้ทั้งระบบ ทั้งทัชเมนู ทัชเลือกโฟกัส รวมถึงการ drag to focus หรือ การใช้นิิ้วลากจุดโฟกัสผ่านจอ LCD โดยที่เราไม่ต้องละสายตาจาก EVF แต่อย่างใด ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะจอแล้ว เจ้า Canon EOS R ดูจะมีภาษีดีกว่าครับ

จากจอแสดงผล มาดูช่องมอง EVF กันบ้างครับ เริ่มที่เจ้า Sony A7III เลือกใช้งาน EVF ความละเอียดสูงถึง 2.35m กันเลยทีเดียวครับ พร้อมกำลังขยายที่ 0.78x ส่วน Canon EOS R นั้นมาพร้อมช่องมองภาพแบบ EVF ความละเอียดอยู่ที่ 3.69m ครับ มีกำลังขยายที่ 0.71x ซึ่งจะเห็นว่าเจ้า Canon EOS R มี EVF ที่ละเอียดกว่าพอสมควร แต่กำลังขยายนั้น Sony A7III ทำได้ดีกว่าครับ

ระบบ Focus

มาต่อกันที่ระบบ Focus กันครับ ทั้งเจ้า Canon EOS R และ Sony A7III ต่างก็ใช้ระบบโฟกัสแบบ Hybrid Focus ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Phase Detection กับ Contrast Detection ทำให้การโฟกัสมีความรวดเร็ว ว่องไว และแม่นยำมากยิ่งขึ้นครับ โดยทาง Canon จะมีชื่อเรียกว่า Dual Pixel AF ครับ

ทั้งนี้แม้ว่าทั้ง 2 รุ่นจะใช้ Hybrid Focus เหมือนกัน แต่จำนวนจุดโฟกัสกลับแตกต่างกันนะครับ มาดูที่เจ้า Sony A7III กันก่อนครับ มาพร้อมจุดแบบ Phase Detection มากถึง 693 จุด และ Contrast Detection ที่มากถึง 425 จุด กลับกันเจ้า Canon EOS R แม้จะเป็นน้องใหม่ในตลาดกล้อง Mirrorless Fullframe มาพร้อมจุดโฟกัสแบบ Dual Pixels AF ที่มากถึง 5,655 จุด ครอบคลุมพื้นที่การทำงาน 100 % ในแนวตั้ง และ 88 % ในแนวนอน ซึ่งหากพิจารณาเพียงจุดโฟกัส ถือว่าเยอะที่สุดเท่าที่ปรากฏในกล้อง Mirrorless Fullframe ในตลาดตอนนี้ครับ ส่วนผลการใช้งานยังคงต้องรอการพิสูจน์กันต่อไป ว่าจำนวนจุดโฟกัสที่มากมายขนาดนี้จะแสดงความสามารถได้มากน้อยเพียงใดครับ

อัตราการถ่ายภาพต่อเนื่อง

มาดูกันต่อในส่วนของอัตราการถ่ายภาพต่อเนื่องครับ ทั้ง Canon EOS R และ Sony A7III จะเป็นกล้อง Mirrorless Fullframe ที่จัดเต็มในส่วนของ Feature ด้านต่างๆได้อย่างลงตัว แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ลืม Feature การถ่ายต่อเนื่องไปแต่อย่างใดครับ ทั้งนี้อัตราการถ่ายภาพต่อเนืองของทั้ง Sony A7III มาพร้อมอัตราการถ่ายภาพต่อเนื่อง 10fps ส่วนทาง Canon EOS R นั้นสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 8fps เท่านั้นครับ แม้ว่าทาง Canon EOS R จะได้เพียง 8fps เท่านั้นครับ

ทั้งนี้เป็นที่น่าเสียดายสำหรับเจ้า Canon EOS R นอกเหนือจากการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 8fps แล้วเมื่อเราใช้งาน Servo AF จะลดอัตราการถ่ายภาพลงอีกครับ จาก 8fps จะเหลือเพียง 5fps เท่านั้นครับ แต่เมื่อเราต้องการจะ AF ต่อเนื่องในแบบที่ Focus Priority จะเหลือแค่ 3fps เท่านั้นนะครับ

งาน Video

หากพูดถึงเรื่องงาน Video เชื่อว่าเพื่อนๆหลายท่านคงเทใจให้กับ Canon แน่นอน แต่เมื่อเข้าสู่ยุคกล้อง Mirrorless Fullframe แล้วนั้น ต้องบอกเลยว่างาน Video มีการแข่งขันกันที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ซึ่งทั้ง Canon EOS R และ Sony A7III ต่างก็มี Feature ต่างๆที่ Support งาน Video อย่างพอสมควรเลยครับ

เริ่มจาก Sony A7III รองรับการถ่าย Video ความละเอียดสูงอย่าง Video 4K 30p และ Video ความละเอียด FHD 120p พร้อม S-Log สำหรับผู้ต้องการงาน Video ที่สามารถนำไปเกรดสีต่อในโปรแกรมเฉพาะทางอย่าง Adobe Premier หรือ Davinci เป็นต้น

สิ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ Canon EOS R แม้จะรองรับการถ่าย Video ความละเอียดสูงอย่าง Video 4K 30p ได้ก็ตาม แต่สำหรับ Video ความละเอียด FHD นั้น สามารถทำได้สูงสุดเพียง 60p เท่านั้น ส่วน Video 120p นั้นจะมีความละเอียดเพียง HD เท่านั้นครับ ซึ่งถือว่าค่อนข้างน่าเสียดายในส่วนนี้ครับ

Memory Card

เป็นประเด็นฮอตฮิตมาก หลังจากการเปิดตัวของ Nikon Mirrorless Fullframe เพราะเดิมทีกล้องระดับ Professional ส่วนมากจะมาพร้อมช่องใส่การ์ดแบบ Dual Slot กันทั้งนั้น แต่สิ่งที่เจ้า Sony A7III และ Canon EOS R มีความเหมือนกัน คือ ทั้งคู่รองรับ Slot สำหรับ Memory Card เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น SDHC / SDXC / SD UHS-I หรือ SD UHS-II ต่างก็ใช้งานได้เต็มระบบ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ Sony A7III จะรองรับ Slot สำหรับใส่ Memory Card แบบ Dual Sot ทำให้สาสมารถพลิกแพลงในการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น กลับกันเจ้า Canon EOS R รองรับสำหรับใส่ Memory Card แบบ SD Card เพียงช่องเดียวเท่านั้น ถือว่าน่าเสียดายอยู่บ้างครับ

แบตเตอรี่

สำหรับแบตเตอรี่นั้น Canon EOS R มาพร้อมกับแบตเตอรี่ LP-E6N / LP-E6 ที่เคลมว่าสามารถถ่ายได้สูงสุด 3xx เฟรม ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และ สามารถทำได้ถึง 560 เฟรม เมื่อเปิดใช้งาน Power Saving Mode ครับ ส่วนทางด้าน Sony A7III มาพร้อมแบตเตอรี่ NP-FZ100 ซึ่งเคลมว่าสามารถถ่ายได้ต่อเนื่อง 7xx เฟรม โดยประมาณ ซึ่งจะเห็นว่าแบตเตอรี่ของ Sony A7III ทำการบ้านมาได้ดีพอสมควร ทั้งนี้จำนวนที่เฟรมที่มีการระบุออกมานั้น อาจจะมี +/- เพิ่มเติมได้ ตามแต่ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลถึงการใช้พลังงานแบตเตอรี่ด้วยครับ

ราคาเปิดตัว

มาถึงข้อสุดท้าย และเชื่อว่าเป็นอีกข้อที่เสมือนเครื่องช่วยตัดสินใจได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ราคาเปิดตัวของทั้ง Canon EOS R และ Sony A7III นั้น ณ ตอนนี้ราคาในประเทศไทยยังไม่ได้มีการประกาศออกมาแต่อย่างใด ซึ่งถ้าอ้างอิงราคาจากต่างประเทศนั้น

– เจ้า Sony A7III เฉพาะ Body จะประมาณ $1999 ส่วนเจ้า Canon EOS R จะประมาณ $2300

– เจ้า Sony A7III Kit จะประมาณ $2200 ส่วนเจ้า Canon EOS R Kit จะประมาณ $3400

จะเห็นว่าเจ้า Sony A7III นั้นมีราคาถูกกว่า Canon EOS R ประมาณนึงเลยครับ

ทีนี้เพื่อนๆต้องชั่งใจละครับว่า เน้นการใช้งานในลักษณะแบบใดเป็นหลัก หากเน้นความสดใหม่ , ชอบพับ Vario Angle สำหรับงาน V-Log ละก็ เลือกมาที่เจ้า Canon EOS R แต่ถ้าเพื่อนๆชอบการใช้งานที่หลากหลายโดยเฉพาะ Adapter ที่สามารถใช้งานเลนส์ต่างค่ายได้อย่างยืดหยุ่นด้วยแล้วนั้น เลือกไปที่ Sony A7III ได้เลยจ้า

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

inbox : http://www.facebook.com/messages/zoomcamera

02-635-2330 ต่อ 0 / 083-067-7677 (หยุดวันอาทิตย์)

สาขาสีลม 02-635-2330-1 / 080-271-2772

สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 02-951-8597 / 085-937-0123

สาขาเมกาบางนา 02-105-1926 / 086-554-1919

สาขาเดอะมอลล์บางแค 02-454-9598 / 084-033-0498

สาขาฟอร์จูนทาวน์ 02-642-1291 / 083-068-2775

สาขา Central Festival เชียงใหม่ 052-068-787 / 096-878-4896

สาขา Central Westgate 02-060-4362 / 097-063-4328

บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 07/09/2018

*** Canon EOS R ***