เปรียบเทียบ-Nikon-Z7ii-A7Riv-S1R-Cover

เปรียบเทียบ Nikon Z7 II vs Sony A7R IV vs Lumix S1R Leave a comment

Content นี้จะเป็นการ เปรียบเทียบ Nikon Z7 II กล้อง Mirrorless Fullframe ระดับ Flagship รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Nikon หลังจากที่ Content ก่อนหน้านี้เป็นการเปรียบทียบของ Nikon Z6 II ที่เปิดตัวออกมาในระยะเวลาไล่เลี่ยกันนั่นเองครับ

Content ที่เกี่ยวข้องกับ Nikon Z7 II

เปรียบเทียบ Nikon Z7 II กับ กล้อง Mirrorless ในระดับ Segment เดียวกัน

เปรียบเทียบ Nikon Z7 II

Nikon Z7 II

Nikon Z7II

ถือเป็นกล้อง Mirrorless Fullframe Z-Mount Gen 2 ต่อจาก Nikon Z7 ที่ชูจุดเด่นเรื่อง Pixel และ Dynamicrange โดยเฉพาะ Pixel มาพร้อม Sensor ขนาด Fullframe พร้อมความละเอียด 45 megapixels ด้วยกัน ซึ่งถือว่ามีจำนวน pixel ที่มากพอสมควร ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน โดยเฉพาะสาย Process ที่สามารถนำไป Crop ภายหลังได้ โดยยังคงรักษารายละเอียดภายในภาพไว้ได้นั่นเอง

อีกทั้ง ชิพประมวลผล ภายใน ก็เลือกใช้แบบ Dual EXPEED 6 ซึ่งเป็นการทำงานของชิพ 2 ตัว ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ งาน Video ก็มีการอัพเกรดความสามารถเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะ Nikon Z7 II รองรับการถ่าย Video 4K 60p ได้แล้วนั่นเอง ในขณะที่ Nikon Z7 ยังไม่รองรับในส่วนนี้

หรือจะเป็น Slot Card ที่เปลี่ยนมาเป็น Dual Slot รองรับทั้ง XQD และ SD Card แบบ UHS-II ไปพร้อมๆกันนั่นเอง

Sony A7R IV

เปรียบเทียบ-Nikon-Z7ii-vs-A7Riv_zoomcamera

Sony A7R IV กล้อง Mirrorless Fullframe ระดับ High-End รุ่นล่าสุดใน Lineup ของ R Series แน่นอนว่าซีรี่ดังกล่าวมีจุดเด่นที่จำนวน pixel ที่จะมากกว่าซีรี่อื่นๆ โดย Sensor ของ Sony A7R IV นั้น จะมาพร้อมความละเอียด 61 Megapixels บนขนาด Fullframe ซึ่งหากพิจารณาในตลาดกล้อง Mirrorless ด้วยกัน จะถือว่า Sony A7R IV มีจำนวน pixel ที่มากที่สุดในท้องตลาดในขณะนี้เลยทีเดียวครับ

ด้วยความที่มีจำนวน pixel ที่ค่อนข้างสูง ทำให้ตอบโจทย์สายภาพนิ่งได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ใน Mode Fullframe หรือ Mode APS-C ซึ่งใน Mode APS-C นั้น จะเหลือความละเอียดอยู่ที่ 26 Megapixels แต่นั่นก็ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด เพราะ ความละเอียดเพียงเท่านี้ เทียบเคียงกับกล้อง Sensor APS-C และ Sensor Fullframe ในหลายๆรุ่นเช่นกัน

หากใครคิดว่าความละเอียด 61 Megapixels ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานละก็ เจ้า Sony A7R IV ก็มี Feature พิเศษ Pixel Shift หากจะพูดอย่างง่ายๆ คือ ตัวกล้องจะถ่ายภาพ 16 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะขยับ Sensor ไปด้วย ผลจากการขยับ 16 ครั้งนี้นั่นเอง ทำให้เกิด Output ที่มีความละเอียดมากถึง 240 Megapixels ด้วยกัน แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่ากดปุ๊บได้ภาพ 240 Megapixels แล้วจะโพสต์ได้เลยนะครับ เราจะต้องนำไฟล์ที่ได้จาก Pixel Shift ไปเปิด หรือ รันบนโปรแกรมเฉพาะทางที่รองรับ ( คาดว่าต้องใช้ Sony Image Edge ) เพื่อทำการ Process ก่อนนำไปใช้งานได้จริงภายหลัง

Lumix S1R

เปรียบเทียบ-Nikon-Z7ii-vs-S1R_zoomcamera

กล้อง Mirrorless Fullframe จากค่าย Panasonic ที่ไม่ได้ใช้ Mount Micro Fourthirds เหมือนก่อนแล้วครับ เพราะ ได้เปลี่ยนมาใช้ L-Mount ซึ่งเป็น Mount เดียวกันกับ Leica L นั่นเอง ทำให้ผู้ใช้งาน Lumix S สามารถนำเลนส์ Leica ที่เป็น L-Mount มาใช้งานได้อย่างสบาย

สำหรับ Lumix S1R นั้น มาพร้อม Sensor ขนาด Fullframe ความละเอียด 47 Megapixels ด้วยกัน ซึ่งหากเพื่อนๆคิดว่า 47 Megapixels ยังไม่สะใจละก็ ยังมี Feature อย่าง HighRes Shot ที่จะเพิ่มความละเอียดเข้าไปอีก จาก 47 Megapixels เป็น 168 Megapixels กันเลยครับ ถือว่าโหดมากๆโดยเฉพาะกับช่างภาพสาย Landscape น่าจะชื่นชอบ Feature ดังกล่าวเป็นพิเศษ

เปรียบเทียบ Nikon Z7 II vs Sony A7R IV vs Lumix S1R

เปรียบเทียบ-Nikon-Z7ii-A7Riv-S1R-Cover

1. ดีไซน์ ขนาดและการจับถือ

ในการเปรียบเทียบ Nikon Z7 II นั้น ทีมงานได้ทำการเลือกกล้อง Mirrorless Fullframe ที่อยู่ใน Segment เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Sony A7R IV และ Lumix S1R ซึ่งกล้องทั้ง 3 รุ่นนั้น มีการออกแบบในลักษณะ SLR Style เฉกเช่นเดียวกันทั้งหมด

นอกจากนี้ Grip การจับถือ ก็เป็นอีกเรื่องที่ผู้ใช้งานค่อนข้างจะให้ความสำคัญ เนื่องจากภาพลักษณ์ภายนอกของกล้อง Mirrorless นั้น จะมีขนาดเล็กกว่า DSLR นั่นเอง แต่ในปัจจุบันกล้อง Mirrorless Fullframe หลายรุ่นต่างก็มีการออกแบบตัว Grip ให้มีความกระชับ และ ไม่เมื่อยล้าในระหว่างการใช้งาน โดยทั้ง Nikon Z7 II , Sony A7R IV และ Lumix S1R ต่างก็มี Grip ที่มีความกระชับเช่นกัน ซึ่ง Lumix S1R จะมีภาษีเรื่อง Handheld ที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มนี้

Lumix S1R จะมีภาษีเรื่อง Handheld ที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มนี้

2. น้ำหนัก ที่สมกับความเป็นกล้อง Mirrorless

แน่นอนว่า เมื่อเป็นกล้อง Mirrorless Fullframe ย่อมมีน้ำหนักที่มากตามไปด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ กล้อง 3 รุ่น ต่างก็มีน้ำหนักที่แตกต่างกันออกไปด้วยครับ

  • Nikon Z7 II จะมีน้ำหนักสุทธิ 615 กรัม
  • Sony A7R IV จะมีน้ำหนักสุทธิ 665 กรัม
  • Lumix S1R จะมีน้ำหนักสุทธิ 1,020 กรัม

น้ำหนัก Nikon Z7 II จะเบาที่สุดในกลุ่มนี้

3. จอแสดงผลแบบ Tilt ตอบโจทย์สายภาพนิ่ง

เป็นที่น่าเสียดายของกล้อง Mirrorless Fullframe ทั้ง 3 รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น Nikon Z7 II , Sony A7R IV และ Lumix S1R ต่างดีไซน์ตัวจอ LCD ออกมาในลักษณะ Tilt LCD ทั้งที่ในตลาดกล้องตอนนี้ ต่างให้ความสำคัญกับงาน Video / VLOG กันมากขึ้นก็ตามที

ทั้งนี้ จอ LCD แบบ Tilt ก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะกับสายภาพนิ่ง สามารถดึงจุดเด่นของจอ LCD แบบนี้ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นมุมก้ม มุมเงย มุมงัด มุมเสย มุมต่ำ เจ้า Tilt LCD ไว้ใจได้อย่างแน่นอนครับ

ทั้ง Nikon Z7 II , Sony A7R IV และ Lumix S1R ใช้จอ LCD แบบ Tilt เหมือนกันหมด

4. Sensor ขนาด Fullframe พร้อม Performance ระดับสูง

ในการเปรียบเทียบ Nikon Z7 II vs Sony A7R IV vs Lumix S1R ต่างก็เป็นกล้อง Mirrorless Fullframe เช่นเดียวกันทั้ง 3 รุ่น ซึ่งจะแตกต่างกันในส่วนความละเอียดของ Sensor รับภาพนั่นเอง

Nikon Z7 II มาพร้อมความละเอียด 45 megapixels ด้วยกัน ซึ่งถือว่ามีจำนวน pixel ที่มากพอสมควร ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน โดยเฉพาะสาย Process ที่สามารถนำไป Crop ภายหลังได้ โดยยังคงรักษารายละเอียดภายในภาพไว้ได้นั่นเอง รวมถึงมีชิพประมวล แบบ Dual EXPEED 6 ซึ่งเป็นการทำงานของชิพ 2 ตัว ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลได้เป็นอย่างดี

Sony A7R IV มาพร้อมความละเอียด 61 Megapixels บนขนาด Fullframe ซึ่งหากพิจารณาในตลาดกล้อง Mirrorless ด้วยกัน จะถือว่า Sony A7R IV มีจำนวน pixel ที่มากที่สุดในท้องตลาดในขณะนี้เลยทีเดียวครับ

หากใครคิดว่าความละเอียด 61 Megapixels ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานละก็ เจ้า Sony A7R IV ก็มี Feature พิเศษ Pixel Shift หากจะพูดอย่างง่ายๆ คือ ตัวกล้องจะถ่ายภาพ 16 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะขยับ Sensor ไปด้วย ผลจากการขยับ 16 ครั้งนี้นั่นเอง ทำให้เกิด Output ที่มีความละเอียดมากถึง 240 Megapixels ด้วยกัน แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่ากดปุ๊บได้ภาพ 240 Megapixels แล้วจะโพสต์ได้เลยนะครับ เราจะต้องนำไฟล์ที่ได้จาก Pixel Shift ไปเปิด หรือ รันบนโปรแกรมเฉพาะทางที่รองรับ ( คาดว่าต้องใช้ Sony Image Edge ) เพื่อทำการ Process ก่อนนำไปใช้งานได้จริงภายหลัง

ส่วน Lumix S1R มาพร้อม Sensor ขนาด Fullframe ความละเอียด 47 Megapixels ด้วยกัน ซึ่งหากเพื่อนๆคิดว่า 47 Megapixels ยังไม่สะใจละก็ ยังมี Feature อย่าง HighRes Shot ที่จะเพิ่มความละเอียดเข้าไปอีก จาก 47 Megapixels เป็น 168 Megapixels กันเลยครับ ถือว่าโหดมากๆโดยเฉพาะกับช่างภาพสาย Landscape น่าจะชื่นชอบ Feature ดังกล่าวเป็นพิเศษ

Sony A7R IV มีความละเอียดมากที่สุด รวมไปฟีเจอร์ Pixel Shift ที่มอบความละเอียดมากถึง 240 Megapixels

5. Hybrid AF ที่มีความรวดเร็ว แม่นยำ Focus ได้ฉับไว

กล้อง Mirrorless ในปัจจุบัน หลายๆรุ่นเริ่มมีการปรับมาใช้แบบ Hybrid AF ที่ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกัน ระหว่าง PDAF และ CDAF เข้าด้วยกัน จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบโฟกัสได้ดีตามไปด้วยนั่นเองครับ

Nikon Z7 II เลือกใช้ระบบ Focus แบบ Hybrid AF เช่นกันครับ โดยมีจำนวนจุดโฟกัสอยู่ที่ 493 จุด กระจายอยู่รอบๆ Sensor ด้วยกันครับ อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์สุดฮิตอย่าง Face Detection และ Eye AF ด้วยเช่นกัน ซึ่งใน Eye AF นั้น สามารถเลือกได้ว่าจะ Focus แบบ Human หรือ Animal ซึ่งรองรับทั้งภาพนิ่งและวิดิโอ ด้วยเช่นกันครับ จากเดิมที่ใน Nikon Z7 จะไม่ได้รองรับในส่วนนี้

ทางด้าน Sony A7R IV ก็ใช้ระบบ Hybrid AF เช่นกัน มีจุดโฟกัสกระจายอยู่รอบ Sensor จำนวน 597 จุดด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมี Eye AF ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการถ่าย Portrait ได้อย่างเฉียบขาดมากครับ และ Animal AF ที่เอาใจเหล่าทาสแมว ที่ชื่นชอบการถ่ายแมวได้อย่างลงตัวครับ แน่นอนว่า Eye AF ของ Sony A7R IV สามารถใช้งานใน Video ได้ด้วยนั่นเอง

ทางด้าน Lumix S1R เป็นกล้อง Mirrorless Fullframe เพียงรุ่นเดียวในการเปรียบเทียบ Nikon Z7 II ที่ไม่ได้ใช้ระบบ Focus แบบ Hybrid เหมือนกับอีก 2 รุ่นนะ

โดย Lumix S1R จะใช้ระบบ Focus แบบ Contrast Detection เพียงอย่างเดียว แต่ทาง Panasonic เองก็มี Feature เฉพาะค่ายอย่างระบบ DFD Focus ( Depth From Defocus ) ที่ถูกนำมาใช้งานบนกล้อง Mirrorless Fullframe เฉกเช่นเดียวกับกล้องในระบบ Micro Fourthirds โดย Feature จะเข้ามาช่วยคำนวณจุด Focus ที่กระจายอยู่รอบๆทั้งหมด 225 จุดด้วยกัน ซึ่งสามารถทำความไว Focus ได้สูงสุดที่ 0.07 sec. ครับ

Sony A7R IV โดดเด่นกว่าในเรื่องจำนวนจุด Focus และ ระบบ Focus ที่ขึ้นชื่อของ Sony อยู่แล้ว

6. ระบบกันสั่น 5 แกน เพิ่มความนิ่งให้ภาพนิ่งและวิดิโอ

ข้อดีของระบบกันสั่นไหวใน Body หรือ 5-Axis จะช่วยลดอาการสั่นไหวได้ตั้งแต่ 3 – 6.5 Stops ขึ้นอยู่กับการออกแบบชุดกันสั่นนั้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งถ้าเป็นระบบกันสั่นในบอดี้ จะช่วยให้เลนส์ที่นำมาใช้งานบนกล้องนั้น ได้รับอานิสงค์เรื่องระบบกันสั่นไปด้วยเช่นกันครับ

Nikon Z7 II มีการติดตั้งระบบกันสั่น 5 แกน มาให้ใช้งานด้วยเช่นกันครับ โดยเคลมการสั่นไหวสูงสุดถึง 5.5 Stops ด้วยกัน ทั้งนี้หากผู้ใช้มีการนำ Adapter F to Z เพื่อนำเลนส์ F-Mount ที่มีระบบกันสั่นมาใช้งานบน Nikon Z7 II ด้วยแล้ว การทำงานของระบบกันสั่น 5 แกนในกล้อง จะลดลงเหลือเพียง 3 Stops เท่านั้นครับ

สำหรับระบบกันสั่น 5 แกน หรือ 5 Axis ใน Sony A7R IV จะสามารถลดอาการสั่นไหว ได้ตั้งแต่ 5 stops ไปจนถึง 5.5 stops เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าใช้งานร่วมกับเลนส์รุ่นไหนด้วยเช่นกันครับ

ทางด้าน Lumix S1R ถือเป็นกล้อง Mirrorless Fullframe จากค่าย Panasonic ที่น่าจะโดดเด่นในเรื่องของระบบกันสั่น 5 แกน ที่สุดในกลุ่มนี้ โดยสามารถเคลมการสั่นไหวสูงสุด 5 – 6.5 Stops ในกรณีที่ใช้งานร่วมกับเลนส์ที่ไม่มีระบบกันสั่นในเลนส์ และ 7.5 Stops เมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ที่มีระบบกันสั่นภายในเลนส์ด้วยนั่นเอง แม้ว่าตัว Body ของ Lumix S1R จะมีขนาดที่ใหญ่หลุด Concept ของ Mirrorless ไปก็ตามที

ระบบกันสั่นใน Lumix S1R มีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่มนี้

7. ฟีเจอร์ Video ตอบโจทย์ระดับเริ่มต้น ถึง ระดับมืออาชีพ

ในปัจจุบัน กล้องแทบทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น กล้อง DSLR หรือ กล้อง Mirrorless นอกเหนือจากฟีเจอร์ด้านภาพนิ่งแล้ว ฟีเจอร์งานวิดิโอก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะช่างภาพสาย Social หรือ สาย VLOG ต่างก็มองหา กล้อง ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัวด้วยเช่นกัน

Nikon Z7 II แม้ว่าพื้นฐานของ Nikon จะเน้นหนักไปทางภาพนิ่งก็ตามที แต่ ฟีเจอร์ Video ที่ติดมาให้ใช้งานนั้น ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Video 4K 60p , Video 4K 30p รวมไปถึง Video FHD ที่รองรับ 120p ที่อำนวยความสะดวกสำหรับสาย Process เพื่อนำไปทำ Slowmotion ต่อไป อีกทั้งงาน Video ใน Nikon Z7 II จะถูกบันทึกแบบ Full Readout Sampling ทำให่ได้คุณภาพแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกันอย่างแน่นอน

ทางด้าน Sony A7R IV นั้น รองรับการถ่าย Video ทั้ง Video DCI 4K 30p ( ต่อ External ) , Video 4K 30p และ Video FHD 60 ด้วยกัน ส่วนหากต้องการ Video Slowmotion ก็รองรับที่ความละเอียด FHD 120p ครับ แต่ทั้งนี้ Video ของ Sony A7R IV จะมีอัตรา bitrate อยู่ที่ 16 – 100 mbps เท่านั้นนะ

สำหรับงาน Video กับ Lumix S1R นั้น ถือว่ามีภาษีดีที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้ครับ โดยเจ้า Lumix S1R นั้น รองรับการถ่าย Video 4K 60p กันเลยทีเดียว ส่วนถ้าเป็น Video FHD จะอยู่ที่ 60p ครับ ส่วนทางด้าน Video bitrate จะอยู่ที่ 150 mbps ด้วยกันครับ

8. Weather Seal เพิ่มความมั่นใจในระหว่างการใช้งาน

ในการเปรียบเทียบ Nikon Z7 II vs Sony A7R IV vs Lumix S1R นั้น ถือว่าเป็นกลุ่มกล้อง Mirrorless ที่อยู่ในระดับ Flagship และแน่นอนว่า ต้องมี Feature อย่าง Weather Seal ติดตั้งมาให้ใช้งานด้วยเช่นกันครับ

สำหรับ Weather Seal นั้น จะเป็นการใช้ซีลยางอุดตามรอยประกบ หรือ รอยต่อต่างๆของตัวกล้อง เพื่อป้องกันละอองน้ำ ละอองฝุ่น ที่พร้อมจะมาแตะต้องตัว Body ในสภาวะอากาศที่ย่ำแย่ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ Weather Seal ก็มีขีดจำกัดเช่นกันนะ คือ ทนทานได้ในระดับนึง แต่บางสถานการณ์ก็ไม่อาจรับมือได้ อาทิเช่น น้ำสาด ที่มีปริมาณมาก หรือ การดำน้ำ เป็นต้น

ซึ่งในบรรดากล้อง Mirrorless Fullframe ทั้ง 3 รุ่นนี้ เจ้า Lumix S1R ดูจะมีภาษีดีที่สุดในเรื่อง Weather Seal อาจเพราะการดีไซน์และขนาดของ Body ที่ค่อนข้างจะมีความหนา อยู่ในระดับนึงเลยนั่นเอง

Weather Seal ไม่ใช่ Water Proof นะ อย่าเอาลงน้ำเชียวหละ

9. ช่องใส่การ์ด แบบ Dual Slot

ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กล้อง DSLR หรือ กล้อง Mirrorless ต่างก็ต้องมีความ Hybrid ในการใช้งานทั้งภาพนิ่งและวิดิโอ ในระดับหนึ่งเลยครับ โดยเฉพาะช่องใส่การ์ด แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามทีครับ

Nikon Z7 II นั้น มีการปรับปรุงเรื่องช่องใส่การ์ดมาเป็นแบบ Dual Slot รองรับทั้ง XQD และ SD Card เป็นที่เรียบร้อย จากเดิมใน Nikon Z7 ที่มีช่องใส่การ์ดเพียง 1 ช่อง รองรับเฉพาะ XQD เท่านั้น ซึ่งในจุดนี้มีการเปลี่ยนแปลงเฉกเช่นเดียวกันกับ Nikon Z6 II

ทางด้าน Sony A7R IV ก็รองรับช่องใส่การ์ดมาเป็นแบบ Dual Slot เช่นกัน โดยจะรองรับ SD Card ทั้ง 2 ช่อง โดย 1 ช่อง จะรับ SD card แบบ UHS-II ด้วยนั่นเอง

ส่วน Lumix S1R ก็รองรับช่องใส่การ์ดมาเป็นแบบ Dual Slot โดยจะมีความคล้ายคลึงกับทาง Nikon Z7 II ครับ ซึ่งจะรองรับทั้ง XQD และ SD Card นั่นเองครับ

ในแง่ของความยืดหยุ่น Sony A7R IV จะได้เปรียบ เพราะ ใช้ SD Card ทั้ง 2 Slots

10. แบตเตอรี่จุใจ รองรับการทำงานระยะยาวได้อย่างสบาย

แบตเตอรี่ ถือเป็นอีก 1 เรื่อง ที่ผู้ใช้งานกล้อง Mirrorless ต้องถามถึงแทบจะทุกรุ่นเลยครับ เนื่องจากตัวกล้อง Mirrorless นั้น มีขนาดที่เล็กกว่า DSLR อยู่พอสมสควร อีกทั้งตัว Senosr มีการทำงานอยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่เปิดเครื่องอยู่ ทำให้จะมีการใช้ปริมาณแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างสูงกว่า DSLR นั่นเอง

สำหรับ Nikon Z7 II นั้น มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รุ่นใหม่ มาเป็นรุ่น EN-EL15c ที่มีประจุอยู่ที่ 2,280 mAh พร้อมรองรับการชาร์จไฟตรงผ่าน USB ได้ด้วยเช่นกัน เมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุด 470 ช๊อต +/- ด้วยกันครับ

Sony A7R IV ได้มีการปรับเปลี่ยนแบตเตอรี่มาใช้แบตเตอรี่รุ่นใหม่อย่าง Battery NP-FZ100 หรือ ที่เรารู้จักันในชื่อ แบต Z นั่นเอง โดยมีผลเทสว่าเจ้า Sony A7III สามารถถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุดที่ 710 ช๊อต +/- ด้วยกันครับ ต่อประจุแบตที่ชาร์จเต็มครับ  ซึ่งถือว่าลบจุดอ่อนของกล้อง Mirrorless ได้เป็นอย่างดีเลยครับ

ทางด้าน Lumix S1R ดูจะมีภาษีดีที่สุดในเรื่องประจุแบตเตอรี่ เพราะ ใช้แบตเตอรี่รุ่น DMW-BLJ31 มีประจุอยู่ที่ 3,100 mAh ทั้งนี้แม้จะมีประจุแบตที่เยอะที่สุดในกลุ่ม แต่ผล CIPA Test กลับสามารถถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุดเพียง 360 ช๊อต +/- เท่านั้นครับ

ประสิทธิภาพด้านแบตเตอรี่ Sony A7R IV มีการบริหารจัดการได้ดีที่สุด

ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์

แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
083-067-7677 / 02-098-9555 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)

วิธีการสั่งซื้อ

Leave a Reply

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save