เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV vs Olympus OM-D E-M5 III รุ่นไหนแจ่มสุด Leave a comment

กราบสวัสดีเพื่อนๆที่ติดตาม Content ของ Zoomcamera ทุกท่านนะ เพื่อนๆน่าจะทราบข่าวการ เปิดตัว Olympus OM-D E-M10 IV กล้อง Mirrorless รุ่นใหม่จากทาง Olympus ที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงด้านต่างๆ ให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน ซึ่ง Content นี้จะเป็นการ เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV vs Olympus OM-D E-M5 III เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเพื่อนๆ ว่า คุ้มหรือไม่ที่จะเปลี่ยน

Content ที่เกี่ยวข้องกับ Olympus OM-D E-M10 IV

• รีวิว OM-D E-M10 III
• รีวิว OM-D E-M5 III

มีอะไรใหม่ใน Olympus OM-D E-M10 IV

• 

• 

• 

• 

• 

• 

• 

ก่อนที่จะไปดู เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV เชื่อว่าเพื่อนๆหลายท่านน่าจะไม่ทราบถึง ฟีเจอร์ และ สเปค Olympus OM-D E-M10 IV ว่ามีจุดไหนที่ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นบ้าง รวมถึงมีอะไรใหม่ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาบ้าง ฉะนั้นแล้ว อย่ารอช้า มาดูกันเลยจ้า

Sensor ใหม่ ความละเอียด 20 Megapixels

ถ้าเพื่อนๆที่คลุกคลีอยู่กับ กล้อง Mirrorless ในระบบ Micro Fourthirds แล้ว น่าจะคุ้นเคยกับ Sensor ที่มีความละเอียด 16 Megapixels กันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่ง ต้องบอกว่ามีการใช้งานที่ลากยาวมาตั้งแต่ยุค Olympus OM-D E-M5 รุ่นแรกกันเลยทีเดียวครับ ซึ่ง ถ้าถามว่า ความละเอียด 16 Megapixels เพียงพอมั้ย ก็ตอบว่า เพียงพอต่อการใช้งานในระดับหนึ่งครับ

ด้วยเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมกล้อง ในระบบ Micro Fourthirds นอกเหนือจาก 16 Megapixels แล้ว ยังมี Sensor ที่มีความละเอียด 20 Megapixels ด้วยเช่นกันครับ แม้จำนวน Pixels อาจจะเพิ่มเข้ามาไม่มาก แต่มีความโดดเด่น ด้านการจัดการ Noise และ Dynamic Range ได้ดีขึ้นกว่า Sensor เดิม

ถ้านับเฉพาะ กล้อง Mirrorless ของ Olympus จะมีกล้องทั้งหมด 5 รุ่น ที่ได้ใช้ Sensor 20mp คือ Olympus Pen-F , Olympus OM-D E-M1 II , Olympus OM-D E-M5 III , Olympus OM-D E-M1 III และ Olympus OM-D E-M10 IV

จอ LCD ใหม่ แบบ Tilt + Flip Down

ในยุคสมัยที่สื่อ Social มีอิทธิพลต่อทุกๆวงการ ซึ่งรวมไปถึงวงการกล้องด้วยนั่นเอง ทำให้ทุกๆค่ายกล้อง ต่างต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับปัจจัยแวดล้อม เพื่อที่จะยังรักษาฐานลูกค้าไว้ให้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยยังคงคอนเซปเดิมไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย

Olympus OM-D E-M10 IV ถือเป็น กล้อง Mirrorless รุ่นแรกในตระกูล E-M10 Series ที่มาพร้อมจอ LCD รูปแบบใหม่ อย่าง Tilt + Flip Down ซึ่งเดิมที กล้องในตระกูล E-M10 Series จะใช้จอในลักษณะ Filp มาโดยตลอด ซึ่งตอบโจทย์การถ่ายภาพนิ่งในรูปแบบต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการถ่ายมุมต่ำ มุมงัด มุมเสย ถือว่าสะดวกสบายมากครับ

ทั้งนี้ จอ LCD ของ Olympus OM-D E-M10 IV ได้เพิ่มความสามารถในส่วนของการ Flip Down เข้ามาด้วยเช่นกัน ซึ่งข้อดีของ จอ LCD ในลักษณะนี้ จะช่วยเพิ่มการรังสรรค์ผลงานได้อย่างมากมายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเซลฟี่ , ถ่าย Video , ถ่าย VLOG หรือ ทำเป็น กล้อง Live ได้ด้วยเช่นกันครับ

ชาร์จไฟตรงผ่าน USB ได้แล้วนะ

ฟีเจอร์ชาร์จไฟผ่าน USB นั้น แทบจะเป็น ฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับกล้องในปี 2020 ไปซะแล้วครับ เพียงแค่คุณมีสาย USB ไม่ว่าจะเป็น microUSB หรือ USB Type-C ก็สามารถชาร์จไฟให้กับตัวกล้องได้ทันที รวมถึงการชาร์จผ่าน Powerbank ก็สามารถทำได้เช่นกัน

ทั้งนี้ การชาร์จไฟผ่าน USB ใน เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV จะมีเพียง Olympus OM-D E-M10 IV และ Olympus OM-D E-M5 III ที่รองรับฟีเจอร์ดังกล่าว ทั้งนี้เราต้องปิดกล้องเท่านั้นครับ ไม่สามารถชาร์จไฟ ไปพร้อมๆกับเปิดกล้องใช้งานควบคู่กันครับ

เอาใจสายฟิล์มด้วย Art Filter : Instant Film

ยุคนี้ ใครไม่มีภาพที่มีสีสันเหมือนโทนฟิล์ม ถือว่าพลาดมากครับ เนื่องด้วยโทนฟิล์มจะมีสีที่เป็นเอกลักษณ์ ถึงขนาดที่ กล้อง Digital ไม่ว่าจะเป็น DSLR หรือ Mirrorless ยังไม่อาจเทียบเคียงในสีสันแบบนั้นได้เลยครับ แต่ในปัจจุบันค่ายกล้องหลายๆค่าย เริ่มมีการใส่ Feature ที่เพิ่มลูกเล่นที่เพิ่มสีสันให้กับการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี

สำหรับ Olympus ก็มี Feature อย่าง Art Filter เสมือนเป็นลุกเล่นที่เพิ่มลงไปในภาพของเรานั่นเอง โดยใน Olympus OM-D E-M10 IV มีให้เลือกใช้งานมากถึง 16 แบบ 31 ชนิดด้วยกัน และได้เพิ่ม Art Filter : Instant Film เข้ามา เอาใจสายฟิล์มได้ทันที ทั้งนี้ Art Filter จะมีข้อจำกัดที่ว่า จะรองรับเฉพาะ JPG เท่านั้นครับ RAW จะไม่ได้รับผลของ Art Filter นะ

รวมฟีเจอร์เด่น Olympus OM-D E-M10 IV

• กล้อง Mirrorless ในระบบ Micro Fourthirds
• Sensor ขนาด Micro Fourthirds ความละเอียด 20mp
• ระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ( 5 Axis ) เคลมกันสั่นไหวสูงสุดที่ 4.5 Stops
• จอแสดงผลแบบ Tilt + Flip Down ความละเอียด 1,040,000 Dot
• ระบบ Focus แบบ CDAF พร้อมจุด Focus 121 จุด
• ปรับปรุง Eye AF ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
• อัตรกาการถ่ายต่อเนื่อง 8.7 fps
• ความไวชัตเตอร์ สูงสุด 1/4000 ( ชัตเตอร์กลไก ) และ 1/16000 ( E-Shutter )
• รองรับการถ่าย Video 4K สุงสุด 30p
• รองรับการถ่าย Video FHD สูงสุด 120p
• Port เชื่อมต่อ ทั้ง microUSB และ HDMI ( Clean HDMI )
• เชื่อมต่อผ่าน WIFI , Bluetooth ไปยัง App : OI Share
• ฟีเจอร์อื่นๆอย่าง Live Composition , Liveview Boost
• แบตเตอรี่ BLS-50 ประจุ 1,175 mAh ถ่ายได้สูงสุด 360 เฟรม
• น้ำหนักสุทธิ 483 กรัม ( เมื่อใส่ แบตเตอรี่ + Memory Card )

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV vs Olympus OM-D E-M5 III

กล้อง Mirrorless ที่วาง Position ในระดับ Semi -Pro ได้มีการปรับ Model ในภาพรวมให้มีขนาดที่เล็กลง เบาลง ซึ่งก็ตรง Concept ของกล้อง Mirrorless ทั้งยังใช้ Sensor ที่มีความละเอียด 16 Megapixels ได้ถูกปรับมาใช้ Sensor ที่มีความละเอียด 20 Megapixels ( Base on E-M1 II ) ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยน Sensor ย่อมการันตีเรื่องคุณภาพไฟล์ที่จะได้

หรือจะเป็นระบบกันสั่น 5 แกน ที่เป็น Killer Feature คู่บุญประจำค่าย ได้มีการพัฒนาขึ้น ว่ากันว่าเป็นกลไกกันสั่นชุดใหม่ที่สามารถรองรับการสั่นสะเทือนได้มากถึง 5.5 Stops พร้อมรองรับ IS Sync กับเลนส์ในระบบ M.Zuiko System จะเพิ่มขีดความสามารถถึง 6.5 Stops ซึ่งถือว่าเยอะเทียบเท่ากับ Olympus OM-D E-M1 II

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV vs Olympus OM-D E-M5 III ด้านการออกแบบ / น้ำหนัก

ในการ เปรียบเทียบ OM-D E-M10 IV และ OM-D E-M5 III ทั้งหมดต่างก็เป็น กล้อง Mirrorless ในระบบ Micro Fourthirds ด้วยกันทั้งสิ้นครับ

หน้าตาต่างได้รับกลิ่นอายของความเป็น กล้องฟิล์ม มาอย่างไม่ต้องสงสัย อาจจะแตกต่างกันในส่วนของขนาด ที่ Olympus OM-D E-M5 III ดูจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยครับ พร้อมกับจำนวนปุ่มต่างๆ ที่มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

ด้วยความเป็น กล้อง Mirrorless ทำให้หลายๆท่านนึกถึงน้ำหนักกันอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นจุดเด่นของ กล้องในระบบ Micro Fourthirds มาโดยตลอด เรามากันว่า น้ำหนักสุทธิของกล้องทั้ง 3 รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบกัน จะเป็นอย่างไรกันบ้าง

ถ้านับเฉพาะเรื่องน้ำหนักสุทธิของ OM-D E-M10 IV และ OM-D E-M5 III จะเห็นว่า OM-D E-M10 IV จะมีน้ำหนักมากที่สุดอยู่ที่ 335 กรัม ส่วน OM-D E-M5 III จะมีน้ำหนักที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งอยู่ที่ 410 กรัม

น้ำหนักมีความใกล้เคียงกัน ตามจุดเด่นของ Micro Fourthirds

ด้วยจุดเด่นของ กล้อง Mirrorless ในระบบ Micro Fourthirds ที่เน้นความกระทัดรัด พกพาสะดวก คล่องตัวสูงยามใช้งาน ด้วยน้ำหนักประมาณ 400 กรัม ทำให้สายท่องเที่ยวน่าจะถูกใจเป็นอย่างมาก

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV ด้าน Sensor รับภาพ

หัวใจของกล้องนั้น คงจะหนีไม่พ้น Sensor รับภาพ อันนี้ต้องบอกเพื่อนๆก่อนนะ ว่า กล้อง Mirrorless จากค่าย Olympus จะใช้ Sensor ขนาด Micro Fourthirds มาพร้อม Crop Factor 2x ด้วยกัน ทำให้เมื่อนำเลนส์มาใช้งาน จะมีระยะที่มากกว่าปกติ เพื่อเทียบช่วงให้เท่ากับ Fullframe นั่นเอง

ซึ่งทั้ง Olympus OM-D E-M10 IV และ Olympus OM-D E-M5 III ต่างก็ใช้ Sensor ความละเอียด 20mp ด้วยกันครับ ซึ่งคุณภาพที่ได้หายห่วงแน่นอน เพราะ คาดการว่าจะเป็น Sensor เดียวกันกับ กล้องระดับ Flagship อย่าง Olympus OM-D E-M1 III นั่นเอง

ส่วนในแง่ของ Performance ว่าใครดูโดดเด่นกว่านั้น ขอเก็บไว้เป็นการบ้านในภาค Field Test อีกครั้งนะครับ

Sensor 20mp ดูมีภาษีดีกว่าในแง่ Performance บน Micro Fourthirds

ถามว่า ความละเอียด 16 Megapixels เพียงพอมั้ย ก็ตอบว่า เพียงพอต่อการใช้งานในระดับหนึ่งครับ แต่ถ้าต้องการความสดใหม่และคุณภาพที่ดีที่สุดในกลุ่ม micro fourthirds ด้วยแล้ว เลือกรุ่นที่ใช้ 20mp ดีที่สุดครับ

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV ด้านจอ LCD แสดงผล

การออกแบบ จอ LCD ของ Olympus OM-D E-M10 IV , OM-D E-M5 III และ OM-D E-M10 III นั้น มีความแตกต่างกันด้วยนะ เพราะ ทั้ง 3 รุ่นแทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียวครับ

เริ่มกันที่ Olympus OM-D E-M10 IV มาพร้อมจอ LCD ความละเอียด 1,040,000 Dot พร้อมรองรับระบบ Touchscreen ดีไซน์แบบ Tilt + Flip Down เป็นครั้งแรกของ ซีรี่ OM-D ที่สามารถพับจอลงเพื่อประยุกต์ใช้งานในการถ่ายเซลฟี่ , ถ่าย VLOG เป็นต้น

ต่อกันที่ Olympus OM-D E-M5 III มาพร้อมจอ LCD ความละเอียด 1,040,000 Dot พร้อมรองรับระบบ Touchscreen ดีไซน์แบบ Vario Angle เฉกเช่นเดียวกันกับ OM-D E-M5 II ซึ่งเป็นจอในลักษณะจอพับ จอหมุน ที่ตอบโจทย์การถ่ายเซลฟี่ , ถ่าย VLOG รวมถึงการถ่าย Video เป็นอย่างมากครับ

จอแบบ Vario Angle ตอบโจทย์ดีที่สุด ทั้งภาพนิ่งและวิดิโอ

ท่ามกลางยุคที่ Social เจ้าถึงได้ง่าย การที่กล้อง Mirrorless สามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการ Live , VLOG หรือ Selfy แบบจบทันที ทำให้จอแบบ Vario Angle จึงมีภาษีดีที่สุด

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV ด้านระบบกันสั่น

เมื่อพูดถึง กล้อง Mirrorless จากค่าย Olympus แล้ว Killer Feature ที่ใครๆน่าจะนึกถึงก่อนเป็นอันดับต้นๆนั้น คงจะหนีไม่พ้นเรื่องระบบกันสั่นครับ หรือ ที่เราจะได้ยินในอีกชื่อ 5-Axis นั่นเอง ซึ่งเป็นระบบกันสั่นแบบกลไกที่ช่วยลดอาการสั่นไหวให้กับการถ่ายภาพนิ่งและการถ่าย Video ได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังสามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ทุกชนิด ทั้งที่มีระบบกันสั่นและไม่มีระบบกันสั่นด้วยเช่นกัน

โดย กล้อง Mirrorless ไม่ว่าจะเป็น OM-D E-M10 IV และ OM-D E-M5 III ต่างก็มีระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ติดตั้งมาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ทั้งนี้แม้จะมีระบบกันสั่น 5 แกนเหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพที่ได้นั้น มีความแตกต่างกันด้วยนะ

ถ้านับเฉพาะประสิทธิภาพของระบบกันสั่น เจ้า Olympus Olympus OM-D E-M5 III จะมีประสิทธิภาพดีที่สุดในกลุ่มนี้ โดยเคลมไว้สูงสุดที่ 5.5 Stops ด้วยกัน ( ยังไม่รวม Sync-IS ) ส่วน Olympus OM-D E-M10 IV ทำได้สูงสุดที่ 4 – 4.5 Stops ด้วยกันครับ

ระบบกันสั่น 5 แกน ยกความนิ่งให้กับ Olympus OM-D E-M5 III

อย่างที่บอกไปว่า กลไกระบบกันสั่น 5 แกน แม้จะเป็นชุดกลไกแบบเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าประสิทธิภาพจะได้เท่าเทียมกันเสมอไป และแน่นอนว่า รุ่นที่อยู่สูงกว่ามักจะทำเรื่องกันสั่นได้ดีกว่าเสมอ

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV ด้านระบบ Focus

กล้อง Mirrorless ในระบบ Micro Fourthirds นอกเหนือจะมีขนาดที่เล็ก กะทัดรัด พกพาสะดวกแล้ว ยังมีระบบ Focus ที่รวดเร็ว ว่องไว บางทีแค่เผลอแตะชัตเตอร์ ก็ลั่นเก็บภาพไปแล้วเรียบร้อยก็มีเช่นกันนะ

ทั้งนี้ กล้อง Micro Fourthirds ส่วนมากจะใช้ระบบ Focus แบบ Contrast Detection เพียงอย่างเดียว ซึ่งถ้าถามว่ารวดเร็วพอมั้ย ก็ตอบว่าเร็วในระดับนึงนะ เพราะ ในปัจจุบัน กล้อง Mirrorless หลายๆรุ่นได้พัฒนาระบบ Focus มาในรูปแบบ Hybrid AF ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง Phase Detection และ Contrast Detection เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ซึ่งใน เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV นั้น จะมีเพียง Olympus OM-D E-M5 III รุ่นเดียวที่ใช้ระบบ Focus แบบ Hybrid [ PDAF + CDAF ] พร้อมจำนวนจุด Focus 121 จุดด้วยกันในลักษณะ Cross – Type ในขณะที่ Olympus OM-D E-M10 IV ใช้ระบบ Focus แบบ Contrast Detect พร้อมจุด Focus 121 จุดเพียงเท่านั้น

ระบบ Focus แบบ Hybrid ของ OM-D E-M5 III มีความแม่นยำดีกว่า

จริงอยู่ที่เดิมๆ ระบบ Focus แบบ CDAF จะใช้งานได้ดีมาตั้งแต่ยุคกล้อง Mirrorless บนระบบ Micro Fourthirds ทำตลาดมา แต่ด้วยข้อจำกัดในบางเรื่อง ทำให้ต้องมีการพัฒนาระบบ Focus ใหม่ แบบ Hybrid เพื่อให้การทำงานระหว่าง PDAF และ CDAF ทำลายขีดจำกัดเติมไปได้นั่นเอง

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV ด้านฟีเจอร์งาน Video

ฟีเจอร์ Video ถือว่าขาดไปไม่ได้เลย สำหรับยุคที่การถ่าย Video หรือ VLOG เริ่มได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการนำ กล้อง Mirrorless ไปทำงานในลักษณะ Broadcast กันมากขึ้น ซึ่งเรามาดูกันว่าใน เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV vs Olympus OM-D E-M5 III แต่ละรุ่นมี ฟีเจอร์ Video ที่ตอบโจทย์มากน้อยเพียงใด

เริ่มกันที่ Video ความละเอียดสูงอย่าง 4K ที่ต้องบอกว่าเป็น ฟีเจอร์พื้นฐานไปซะแล้ว สำหรับ กล้อง Mirrorless ในปัจจุบัน ซึ่ง Olympus OM-D E-M10 IV และ Olympus OM-D E-M5 III ต่างก็รองรับฟีเจอร์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน แม้จะเป็น Video 4K 30p ก็ตามที

นอกเหนือจาก Video 4K แล้ว Format มาตรฐานอย่าง Video FHD ก็มีมาให้ใช้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น 30p , 50p , 60p หรือ 120p ก็มีให้ใช้งานเช่นกัน

เมื่อพูดถึงงาน Video นอกเหนือจากฟีเจอร์ทั่วๆไปแล้ว ช่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นช่อง HDMI , mic. ขนาด 3.5 mm. โดยเฉพาะกับ mic. ขนาด 3.5mm. ที่จะช่วยให้เราใช้งานกับไมค์เสริม เพื่อเพิ่มคุณภาพเสียงให้กับงาน Video ได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะมี mic. ในตัวกล้องแล้วก็ตามทีครับ

ส่วนถ้าหากใครต้องการนำ กล้อง Mirrorless ไปทำงานในลักษณะ Live สด หรือ ทำ Stream ด้วยแล้ว จำเป็นจะต้องอาศัยฟีเจอร์ Clean HDMI ซึ่งจะทำให้ไม่แสดง info ต่างๆบนหน้าจออื่นๆนั่นเอง ซึ่ง ทั้ง Olympus OM-D E-M10 IV และ Olympus OM-D E-M5 III ก็รองรับเช่นกัน

ถ้าซีเรียสงาน Video มองไปที่ Olympus OM-D E-M5 III ได้เลย

เหตุผล เพราะ เจ้า Olympus OM-D E-M5 III นั้น เพียบพร้อมไปด้วยฟีเจอร์ที่เอื้อต่องาน Video ไม่ว่าจะเป็น จอพับแบบ Vario Angle , ช่อง mic. ขนาด 3.5mm. หรือ งาน Video ระดับ DCI 4K พร้อมรองรับ Clean HDMI ทำให้ทุกอย่างดูลงตัวไปซะหมดนั่นเอง

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV ด้าน Weather Seal

Weather Seal หรือ ระบบซีลป้องกันละอองน้ำ ละอองฝุ่น ถือเป็นอีก Feature ที่ในปัจจุบัน กล้องในระดับ Semi-Pro ต่างเริ่มโปรโมทกันมากขึ้น เพราะ ฟีเจอร์นี้จะช่วยปกป้องกล้องของเรา ให้สามารถใช้งานในสภาวะอากาศที่ย่ำแย่ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอากาศชื้น มีฝุ่นละอองสูง หรือ มีความเย็นจัด เป็นต้น

ซึ่งใน เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV vs Olympus OM-D E-M5 III ครั้งนี้ จะมีเพียง Olympus OM-D E-M5 III เท่านั้น ที่มีฟีเจอร์ Weather Seal ที่ช่วยปกป้องตัว Body จากสภาวะอากาศที่ย่ำแย่นั่นเอง ทั้งนี้ Weather Seal นั้น จะปกป้องเฉพาะตัวกล้องเท่านั้น ตัวเลนส์ที่นำมาใช้จะต้องมี Weather Seal ด้วยเช่นกันครับ

อีกข้อแม้หนึ่งของ Weather Seal คือ ตัวซีลจะใช้ในการป้องกันละอองน้ำ ละอองฝุ่น หรือ ความเย็นเท่านั้น ไม่สามารถนำไปจุ่มน้ำ หรือ ดำน้ำ ได้นะ ถ้าจะใช้ดำน้ำจะต้องซื้ออุปกรณ์ที่เป็น Waterproof เฉพาะทาง

ถ้าเป็นสายลุย แนะนำ Olympus OM-D E-M5 III

สายลุยที่ว่า จะเป็นเหล่านักท่องเที่ยวแนว Adventure ที่มักจะไปลุยในสถานที่ที่มีสภาพอากาศแปรปรวน ไม่ว่าจะฝนตก , ฝุ่นเยอะ หรือ อากาศเย็นจัด จริงอยู่ที่ กล้องที่ไม่มี Weather Seal ก็ยังพอใช้งานได้ แต่ถ้าเจอเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา คงได้ไม่คุ้มเสียอย่างแน่นอนครับ

เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV ด้านประจุแบตเตอรี่

กล้อง Mirrorless ส่วนมากจะมีประจุไฟที่ปานกลางค่อนข้างไปทางน้อย เนื่องจากตัวกล้องถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กนั่นเอง แต่ทั้งนี้แบตเตอรี่ของกล้อง Mirrorless ในปัจจุบัน ก็เริ่มมีการปรับปรุง เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้นครับ

ใน เปรียบเทียบ Olympus OM-D E-M10 IV vs Olympus OM-D E-M5 III กล้อง Mirrorless ทั้ง 3 รุุ่น ต่างใช้แบตเตอรี่รุ่นเดียวกันหมด คือ BLS-50 มีประจุไฟขนาด 1,175 mAh โดยเมื่อชาร์จไฟเต็ม จะสามารถใช้ได้ต่อเนื่องที่ 300 – 360 ภาพ ต่อ การชาร์จไฟเต็ม

ฉะนั้น หากเพื่อนๆ ต้องการนำไปใช้งานแบบต่อเนื่อง หรือ ออกทริปแบบข้ามวัน แนะนำว่าควรมีแบตเตอรี่เสริมอีกอย่างน้อย 1 – 2 ก้อน นะครับ

Olympus OM-D E-M10 IV ทำเรื่องประจุแบตได้ดีกว่า

บางท่านอาจจะสงสัย ว่า ในเมื่อใช้แบตเตอรี่รุ่นเดียวกัน แต่ทำไม Olympus OM-D E-M10 IV ถึงได้คะแนนข้อนี้ไป ซึ่งผู้เขียนอ้างอิงข้อมูลจากผล CIPA โดย Olympus OM-D E-M10 IV สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 360 เฟรมด้วยกัน ในขณะที่ Olympus OM-D E-M5 III ถ่ายได้เพียง 310 เฟรมเท่านั้นครับ ทั้งนี้ยังปัจจัยแวดล้อมอื่นๆเพิ่มเติมด้วยนะ เช่น สภาพอากาศ , การ Setting รวมถึง ลักษณะการใช้งานของแต่ละท่าน

ราคาวางจำหน่าย

เป็นอีกเรื่องที่เพื่อนๆน่าจะอยากรู้พอๆกับสเปคและฟีเจอร์เลยก็ว่าได้ครับ ทั้งนี้ต้องบอกว่ากล้องทั้ง 3 รุ่น ต่างมีราคาที่แตกต่างกันอยู่พอสมควรนะ ด้วย Segment และ Bundle ที่วางจำหน่ายเป็นสำคัญนะ

ทั้งนี้ผู้เขียน ขออ้างอิงราคาเป็นหน่วย US ให้เพื่อนๆได้ชมกันนะครับ โดย Olympus OM-D E-M10 IV จะมีราคาอยู่ที่ 799us ที่เป็นชุด kit ในขณะที่ Olympus OM-D E-M5 III จะมีราคาอยู่ที่ 999us ซึ่งเฉพาะราคา Body เท่านั้นครับ

จะเห็นว่า ถ้าเน้นซื้อมาพร้อมใช้งาน Olympus OM-D E-M10 IV ดูจะลงตัวเป็นที่สุดครับ ในขณะที่ Olympus OM-D E-M5 III จำเป็นต้องซื้อเลนส์เพิ่ม ซึ่งต้องบวกส่วนต่างเพิ่มอีกประมาณนึงเลยครับ

สรุป เลือกซื้อรุ่นไหนดี ?

มาถึงตรงนี้ ผู้เขียนเชื่อว่า เพื่อนๆน่าจะมีคำตอบในใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วละนะ ไม่ว่าจะ Olympus OM-D E-M10 IV และ Olympus OM-D E-M5 III ต่างก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน อีกทั้งสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว แม้อาจจะแตกต่างกันในส่วนของบาง Feature ก็ตามที

• เลือก Olympus OM-D E-M5 III

ถ้าเพื่อนๆ มีการใช้งาน กล้อง Mirrorless จาก Olympus อยู่แล้ว ต้องการจะอัพเกรดขึ้นไป ทีมงานแนะนำเป็น Olympus OM-D E-M5 III ครับ

เนื่องจากมี Feature หลายๆอย่างที่โดดเด่นกว่า Olympus OM-D E-M10 IV ไม่ว่าจะเป็น Weather Seal , Hybrid AF หรือ Hi-Res Shot ที่ตอบสนองการทำงานได้เป็นที่น่าพอใจ รวมถึงใครที่เน้นการถ่าย Video หรือ VLOG ก็จะได้ จอ LCD แบบ Vario Angle หรือ จอพับ พร้อมช่องสำหรับต่อเข้ากับ mic. ขนาด 3.5mm. ช่วยในการทำงานให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นนั่นเอง

ซึ่ง ถ้าเรื่องงบไม่ใช่ปัญหา ผู้เขียนอยากแนะนำให้เป็น Olympus OM-D E-M5 III ครับ เนื่องจากถ้ามองในระยะยาว คาดว่าจะมีการอัพ Firmware เพื่อรองรับฟีเจอร์การทำงานหรือปรับสมดุลใหม่ ทำให้มีขีดความสามารถที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ประกอบกับการมี Promotion มากมาย ณ ขณะนี้ จึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ในฐานะกล้อง Mirrorless ที่มีความ Hybrid รุ่นหนึ่งในระบบ Micro Fourthirds ครับ

• เลือก Olympus OM-D E-M10 IV

ถ้าคิดว่างบทุนมีอยู่อย่างจำกัด งบไปไม่ถึง Olympus OM-D E-M5 III ละก็ ทีมงานแนะนำเป็น เลือก Olympus OM-D E-M10 IV ครับ แม้ว่าจะมีความแตกต่างจาก เลือก Olympus OM-D E-M5 III ในแง่ของประสิทธิภาพของระบบกันสั่น , Weather Seal และ ฟีเจอร์ Hi-Res Shot. แต่ทั้งนี้ก็ยังได้ความสดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Sensor หรือ ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบเครื่องในราคาสบายกระเป๋าเช่นกันครับ

ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์

แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
083-067-7677 / 02-098-9555 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)