มาตามกำหนดเป๊ะเลยสำหรับ Fujifilm X-T1 คราวนี้มาในสไตล์บอดี้แบบ SLR แต่ยังคงความหล่อไว้ไม่แพ้รุ่นพี่ๆที่ออกมาก่อนเลย ต้องชม Fujifilm ที่ออกแบบกล้องแนว Retro ได้เก่งจริงๆ สำหรับสเปคนั้นขอบอกว่า”จัดเต็ม”อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น X-Trans CMOS II 16 ล้านพิกเซล, Weather Sealing, ช่องมองภาพขนาดยักษ์ 0.77x Magnification ความละเอียด 2.36 ล้านพิกเซล และยังมีอื่นๆอีกยืดยาวมากมาย เรามาดูกันเลยครับ
Fujifilm X-T1 Specification
- เซนเซอร์ APS-C X-Trans CMOS II ความละเอียด 16.3 ล้านพิกเซล
- หน่วยประมวลผล EXR Processor II
- ISO 200-6400 ขยายได้ถึง 100-51200
- ระบบ Autofocus แบบ Phase Detect และ Contrast Detect โฟกัสเร็วที่สุดในโลก 0.08 วินาที
- ถ่ายภาพต่อเนื่อง 8 fps พร้อม AF Tracking
- ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/4000
- จอแสดงผลแบบพับได้(Tilting)ขนาด 3.0″ ความละเอียด 1,040,000 พิกเซล อัตราส่วน 3:2
- ช่องมองภาพ EVF OLED ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล ขนาดใหญ่ 0.77x Magnification
- ช่องมองภาพ EVF การแสดงผลมี Lag-time ต่ำ 0.005 วินาที
- ถ่ายภาพเคลื่อนไหว Full HD 1920 x 1080 (30, 60p), 1280 x 720 (30p, 60p)
- บอดี้ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ พร้อมซีลกันน้ำกันฝุ่นมากกว่า 75 จุด
- ป้องกันละอองน้ำ ฝุ่น และกันความเย็นได้ถึง -10 องศาเซลเซียส)
- มี Digital Split Image และ Focus Peaking
- มี Wi-Fi ในตัว สามารถสั่งควบคุมกล้องผ่าน Smartphone หรือ Tablet ได้
- ใช้หน่วยความจำแบบ SD / SDHC / SDXC
- รองรับการใช้งาน SD Card UHS-II
- มาพร้อม External Flash ขนาดเล็ก GN8 @ISO100
- น้ำหนัก 440 กรัม
- ใช้แบตเตอรี่ Li-ion NP-W126
Fuji X-T1 มาพร้อมเซนเซอร์ X-Trans CMOS II 16.3 ล้านพิกเซล ซึ่งเราก็คงคุ้นเคยกับชื่อเสียงของ X-Trans กันอยู่แล้วว่าคุณภาพด้าน ISO สูงนั้นแจ่มมาก เซนเซอร์ตัวนี้ยังมาพร้อมกับเซนเซอร์ Phase Detect บนเซนเซอร์ ทำงานร่วมกับ Contrast Detect เป็นระบบ Hybrid Autofocus ซึ่ง Fuji กล่าวว่า X-T1 เป็นกล้องที่โฟกัสเร็วที่สุดในโลก ใช้เวลาเพียง 0.08 วินาที และยังมาพร้อมกับความสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็ว 8 fps พร้อม AF Tracking(โฟกัสติดตามวัตถุ)อีกด้วย ซึ่งถือว่าดีที่สุดในบรรดา X-Series เลย
บอดี้ของ Fuji X-T1 ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ แม้กระทั่งปุ่มหมุนต่างๆด้านบนก็ยังทำจากอะลูมิเนียม และยังเป็น X-Series ตัวแรกที่มี Weather Sealing เพื่อรองรับการใช้งานในสภาวะต่างๆ โดย X-T1 มีการซีลตามจุดต่างๆมากกว่า 75 จุด ทำให้สามารถกันฝั่นและละอองน้ำได้รวมถึงกันอุณหภูมิได้ถึง -10 องศาเซลเซียส
อีกส่วนที่เราคงจะไม่พูดถึงไม่ได้คือช่องมองภาพ EVF ของ X-T1 ที่มีขนาดใหญ่เบิ้มมากถึง 0.77x Magnification ใหญ่กว่าของ Olympus OM-D E-M1 และยังใหญ่กว่าของ Canon EOS-1D X อีกด้วย ฟังแล้วทำเอาผมรู้สึกอยากจะมองผ่านช่องนี้ด้วยตาตัวเองจริงๆเลย *-* ช่องมองภาพนี้มีความละเอียด 2,360,000 พิกเซลซึ่งก็ถือว่าสูงมากเลยทีเดียว และการแสดงผลที่ Fuji บอกว่ามี Lag-time ต่ำเพียงแค่ 0.005 วินาที และยังมีฟังชั่นพิเศษมาให้อย่าง Dual Mode ที่ให้เราดูภาพปกติและจะมีภาพเล็กๆที่แสดงผลแบบ Digital Split Image(หรือ Focus Peaking)ให้เราดูสองภาพเพื่อช่วยในการใช้ Manual Focus
และยังมี Full Mode ที่ช่วยให้เราได้มองภาพแบบเต็มๆ โดยลดพื้นที่ของการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆให้น้อยลง ให้เราเห็นภาพแบบเต็มๆเลย และยังรอบรับการแสดงผลแบบแนวตั้ง โดยเมื่อเราใช้งานกล้องถ่ายในแนวตั้ง การแสดงผลข้อมูลการตั้งค่าต่างๆก็จะกลับด้านในเราอ่านค่าได้สะดวกด้วย
เนื่องจาก X-T1 ไม่มีแฟลชในตัว Fuji จึงได้ให้แฟลชนอกตัวเล็กๆหนึ่งตัวมาในชุดขายด้วย โดยแฟลชรุ่นนี้คือ EF-X8 มี GN8 ที่ ISO100 มีโหมดพื้นฐานต่างๆมาให้ใช้งานครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น Slow Sync, Second Curtain รวมถึง Commander Mode ที่ให้เราใช้สั่งการแฟลชไร้สายได้
สเปคอื่นๆที่น่าสนใจของ X-T1 ก็ยังจะมีเรื่องของการมี Wi-Fi ในตัว ที่เราสามารถใช้ Smartphone หรือ Tablet สั่งงานควบคุมกล้องแบบไร้สายผ่าน Wi-Fi ได้อีกด้วย และการที่ตัวกล้องรองรับการใช้งาน SD Card ความเร็วสูง UHS-II
สำหรับราคานั้น Fujifilm X-T1 บอดี้อย่าเดียวเปิดราคามาที่ $1,299.95 และราคาชุดคิทพร้อมเลนส์ 18-55mm ที่ $1699.95 และสำหรับคนที่ลุ้นว่าอยากจะให้ X-T1 มีสีเงินด้วยคงต้องเศร้าใจเพราะกล้องรุ่นนี้มีเฉพาะสีดำเท่านั้นครับผม และ X-T1 ยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Grip ออกมาด้วยสองรุ่นคือ VG-XT1 และ MHG-XT
ที่มา Dpreview