สิ่งที่ชาว Olympus รอคอยก็มาถึง เมื่อ Olympus ได้ทำการเปิดตัวกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่อย่าง OM-D E-M1 III กล้องระดับ Flagship รุ่นใหม่ที่ออกมาต่อยอดจาก OM-D E-M1 II พร้อมอัพเกรดฟีเจอร์ต่างๆให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
Gallery
Key Feature
- Sensor ขนาด Micro Fourthirds ความละเอียด 20 Megapixels
- ระบบกันสั่นภายใน Body แบบ 5 แกน พร้อมสดการสั่นไหวได้มากถึง 7 Stops และ 7.5 Stops เมื่อใช้งานร่วมกับ M.Zuiko 12-100 F4 Pro IS
- เพิ่ม Joystick เพื่อใช้ในการควบคุม
- ระบบ Focus แบบ Hybrid ( PDAF + CDAF ) พร้อมจุด Focus 121 จุด
- ปรับปรุงระบบ Face / Eye AF ให้มีประสิทธิภาพในการ Tracking มากขึ้น
- เพิ่ม Starry Sky AF เพื่อช่วยในการถ่ายภาพดวงดาวได้มีประสิทธิภาพนิ่งขึ้น
- อัตราการถ่ายภาพต่อเนื่อง 18fps
- ฟีเจอร์ Pro Capture เพื่อการเก็บภาพทุกเสี้ยววินาทีได้อย่างแม่นยำ
- ฟังก์ชั่น Handheld High-Res สามารถถ่ายภาพที่ความละเอียด 50 MP โดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ( RAW และ JPG )
- Handheld High-Res แบบใช้ขาตั้งสามารถถ่ายภาพที่ความละเอียด 80 MP
- Live ND เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการถ่าย Landscape
- Live Composition เพิ่มระยะเวลาจาก 3 ชม. เป็น 6 ชม.
- รองรับการถ่าย Video 4K 30p และ Video FHD 120p
- เพิ่ม OM-LOG เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับงาน Video
- Timelapse เพิ่มจำนวนภาพจาก 999 ภาพ เป็น 9999 ภาพ
- ตัว Body มี Weather Seal เพื่อป้องกันในสภาพการใช้งานต่างๆ ทั้ง Splash / Dust และ Freeze Proof
- รองรับการเชื่อมต่อผ่าน WIFI , Bluetooth ผ่าน App : OI Share
- พอร์ตการเชื่อมต่อ : HDMI , mic 3.5mm , usb type-c
- ใช้งานแบตเตอรี่ BLH-1 ถ่ายต่อเนื่อง 840 ช๊อต
OM-D E-M1 III กล้องระดับ Flagship ในระบบ Micro Fourthirds
แม้จะทิ้งห่วงช่วงเวลาจาก OM-D E-M1 II เป็นระยะเวลาร่วม 3 ปีด้วยกัน ในที่สุดกล้อง Flagship รุ่นใหม่ก็ออกมาสานต่อเป็นทีเรียบร้อย พร้อมกับสเปคและฟีเจอร์ต่างๆที่ได้รับการสืบทอดจาก OM-D E-M1X โดยยังคงความเป็น OM-D ไว้ได้อย่างโดดเด่นเช่นเดิม
Sensor ความละเอียด 20 Megapixels แม้ว่าจะเป็น Sensor เดิมที่คาดการณ์ว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับ Sensor บน OM-D E-M1X ถึงกระนั้นก็มาพร้อมชิพประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Truepic IX แน่นอนว่า Performance ที่ได้นั้น มีคุณภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน
แกร่งสุดในทุกสภาพด้วย Weather Seal
กล้อง Mirrorless จากค่าย Olympus แทบจะเป็นต้นตำรับที่มี Weather Seal ติดตัวมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ถ้าหากจำกันได้ OM-D E-M5 เป็นกล้องตัวแรกที่มี Weather Seal ที่ป้องกันละอองน้ำ ละอองฝุ่น ที่สามารถใช้งานได้จริง และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้สมฐานะของ OM-D E-M1 III กล้องระดับ Flagship ด้วยแล้ว Weather ที่ถูกติดตั้งนั้น ครอบคลุมแทบทุกด้านไม่ว่าจะเป็น Splash Proof , Dust Proof , Freeze Proof เรียกได้ว่าเก่งกาจ พร้อมลุยในทุกสถานการณ์
สุดจัดในรุ่นด้วย กันสั่น 7.5 Stops
Killer Feature ประจำค่ายของ Olympus นั้น คงจะหนีไม่พ้นเรื่องระบบกันสั่นไหวใน Body หรือ กันสั่น 5 แกนนั่นเอง ที่ใน OM-D E-M1 III นั้นได้ถูกยกเครื่องใหม่ เพิ่มขีดความสามารถให้โหดยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เดิมที OM-D E-M1 II ถูกเคลมเรื่องอัตราการลดสั่นไหวไว้ที่ 6.5 Stops ด้วยกัน แต่ใน OM-D E-M1 III สามารถทำได้ถึง 7 Stops ด้วยกันและจะเพิ่มขีดจำกัดเป็น 7.5 Stops เมื่อใช้งานบนเลนส์ที่มี Sync IS อย่าง M.Zuiko 12-100 F4 Pro IS
ถ้าถามว่า 7.5 Stops สามารถลดการสั่นไหวได้ประมาณนั้น ทาง Olympus เคลมว่าผู้ใช้งานสามารถถือเจ้า OM-D E-M1 III ที่ Shutter Speed 4 Sec. แบบ Handheld โดยไม่ต้องใช้ตั้งขากล้อง ก็ยังสามารถได้ภาพที่ไม่สั่นเบลอได้เลยทีเดียวนั่นเองครับ
Starry Sky AF หาดาวง่ายๆไม่ง้อ MF
OM-D E-M1 III ถือว่าเป็นกล้องลำดับแรกในระบบ Micro Fourthird ที่ได้รับ Feature ดังกล่าว ซึ่งปกติการถ่ายดวงดาวบนท้องฟ้านั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากท้องฟ้ามืดสนิท เป็นการยากที่ตัวกล้องจะหา Focus ได้อย่างง่ายๆเฉกเช่นแสงปกตินั่นเอง
โดย Feature นี้ตัวกล้องจะมีการประมวลจากเฟรมภาพที่เล็งไว้ หลังจากนั้นจะทำการค้นหาดวงดาวที่สามารถทำการโฟกัสได้นั่นเอง ซึ่งในแง่ของหลักการทำงานนั้น อาจจะต้องรอชมในรีวิวเต็มของ OM-D E-M1 III อีกครั้งครับ
Handheld High-Res Shot นวัตกรรมเพื่อความละเอียดของภาพ
เดิมที Handheld High-Res Shot ถูกบรรจุครั้งแรกใน OM-D E-M1X ซึ่งถือเป็นกล้อง Mirrorless รุ่นแรกของโลกที่มีฟีเจอร์ดังกล่าว โดยอาศัยหลักการการถ่ายภาพ 16 ภาพแล้วทำการรวมเป็นภาพใหม่ที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้นจาก 20mp เป็น 50mp นั่นเอง
นอกเหนือจาก Handheld High-Res Shot ก็ยังมี High-Res Shot แบบที่ยังใช้ขาตั้งให้เลือกใช้งานอยู่เช่นเดิม โดยฟีเจอร์นี้สามารถทำให้ขยายความละเอียดจาก 20mp เพิ่มขึ้นเป็น 80mp เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเยอะพอสำหรับการนำไปอัดภาพได้อย่างสบาย
Live ND เสริมพลังให้กับงาน Landscape
หากพูดถึง ND เพื่อนๆน่าจะถึง ND แบบแผ่น หรือ ฟิลเตอร์กลมอย่างแน่นอน แต่ปัจจุบันค่ายกล้องหลายๆค่าย ต่างเริ่มพัฒนา Software ที่เสมือนเป็นการจำลอง ND ให้สามารถใช้งานได้ทันทีจากในกล้อง ซึ่ง OM-D E-M1 III ก็มีให้เลือกใช้งานเช่นกัน
ประโยชน์ของ ND หลักๆคงจะหนีไม่พ้นการนำไปประยุกต์งานด้าน Landscape , Seascape กันเป็นหลัก เพื่อสร้าง Effect เกลียวคลื่นที่นุ่มละมุน , เมฆที่เคลื่อนตัวอย่างพริ้วไหว เพิ่มอารมณ์ให้กับภาพได้เป็นอย่างดี
OM-LOG เพื่องาน Video ระดับ Cinema
เดิมทีกล้อง Mirrorless จากค่าย Olympus จะเน้นศักยภาพในงานภาพนิ่งเป็นหลัก อันจะเห็นได้จากระบบกันสั่นไหว , ระบบ Weather Seal , Pro Capture หรือ High-Res Shot ที่ตอบโจทย์งานภาพนิ่งได้เป็นอย่างดี
แต่ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกระแสงาน Video ที่เริ่มได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ Feature ในส่วน Video ของ Olympus ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น Video Cinema 4K , Video 4K หรือ Video FHD Hi-Speed
รวมถึงการเสริมเขี้ยวเล็บให้กับงาน Video ด้วย OM-LOG เพื่อให้ไฟล์ Video ที่ถ่ายทอดผ่าน OM-D E-M1 III สามารถนำไป Process ในลักษณะ Grading ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งตอบโจทย์สาย Video ได้เป็นอย่างดี
ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์
แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
083-067-7677 / 02-098-9555 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)