ถ้าใครถามผมว่าคิดว่ากล้อง Mirrorless ตัวไหนยอดนิยมที่สุดผมคงตอบว่า OM-D E-M5 แน่นอนจำได้ว่าตอนออกมาใหม่ๆนี่ฮือฮามากเพราะสเปคกล้องมันจัดเต็มสุดๆ ลงปกนิตยสารกล้องแทบทุกฉบับเลย แถมแปะโฆษณาเต็มขบวน BTS ไปหมด ฮ่าๆ สำนักรีวิวต่างๆก็ชื่นชมกันพรึบ! ออกทริปไปไหนก็เห็นคนถือกันเพียบเป็นกล้องที่สะเทือนวงการไร้กระจกอย่างแท้จริงเลยและตอนนี้ Olympus ก็ได้เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่สู่ OM Series แล้วครับนั่นคือ…Olympus OM-D E-M5 Mark II ที่จะมาแทนที E-M5 เดิมที่ทำหน้าที่มาแล้วกว่า 3 ปี เชื้่อว่าสิ่งที่ทุกคนสงสัยใคร่รู้กันคงเป็นเรื่องสเปคอย่างแน่นอนเพราะงั้นตอนนี้ผมจะหยุดบ่นผ่านตัวหนังสือและเราไปดูกันเลยครับ
Olympus OM-D E-M5 Mark II Specification
- เซนเซอร์ Live MOS ขนาด Four Third ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- ชิพประมวลผล TruePic VII
- ระบบกันสั่น 5 แกน 5-Axis VCM ลดการสั่นไหวได้ถึง 5 สตอป
- ระบบ Autofocus แบบ Contrast Detect 81 จุด
- ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/8000 วินาที
- ความเร็วชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ 1/16000 วินาที
- ถ่ายภาพต่อเนื่องเร็วขึ้นเป็น 10 ภาพต่อวินาที AF-S และ 5 ภาพต่อวินาที AF-C
- จอแสดงผล Touchscreen แบบ Vari-angle ความละเอียด 1,040,000 พิกเซล
- ช่องมองภาพความละเอียด 2,360,000 พิกเซล อัตราขยาย 1.48x
- ถ่ายวิดีโอ Full HD 1080/60p บิตเรตสูง 52Mbps(IPB) และ 77Mbps(ALL-I)
- วิดีโอสามารถตั้งค่า Time Code ได้
- บอดี้ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์
- บอดี้มี Weather Seal ป้องกันละอองน้ำ, ฝุ่น, ทนอุณหภูมิได้ -10 องศาเซลเซียส
- ฟีเจอร์ถ่ายภาพความละเอียด 40 ล้านพิกเซลจากการรวมภาพ 8 ภาพเข้าด้วยกัน(JPEG)
- ถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซลสำหรับไฟล์ RAW
- ฟีเจอร์ใหม่ Live View Boost II สว่างกว่าของเดิมใน E-M5 ถึง 5EV
- มีฟีเจอร์ Keystone, Live Composite และ Olympus Capture แบบเดียวกับ E-M1
- มี Focus Peaking(เลือกได้ 4 สี ดำ, ขาว, แดง, เหลือง)
- ฟังก์ชั่น Clip ให้ผู้ใช้อัดคลิปสั้นๆหลายๆคลิปได้(1, 2, 4, 8 วินาที)
- มาพร้อมแฟลช FL-LM3(GN 9) หัวแฟลชหมุนและก้มเงยได้
- มี Wi-Fi ในตัว
สำหรับราคานั้น Olympus OM-D E-M5 Mark II เปิดตัวมาที่ราคาตามด้านล่างนี้เลยครับเริ่มวางขายช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม
- E-M5 II Body Only ราคา 37,990 บาท
- E-M5 II+12-50mm EZ ราคา 44,990 บาท
- E-M5 II+14-150mm II ราคา 54,990 บาท
- E-M5 II+12-40mm F2.8 ราคา 64,990 บาท
ดูๆไปแล้วก็คล้ายกับการเอา E-M1 รวมร่างกับ E-M5 แล้วออกมาเป็น E-M5 II เลยทั้งภายในและภายนอกนั้นเปลี่ยนไปหลายจุดพอสมควรเลยครับ แต่ผมสรุปเฉพาะอันสำคัญๆมาให้ตามนี้เลย
ฟีเจอร์ถ่ายภาพความละเอียดสูง
ฟีเจอร์นี้มีข่าวลือฮือฮากันตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวเลยทีเดียว เซนเซอร์ของ E-M5 II ยังคงเป็นเจ้า 16 ล้านพิกเซลตัวเดิมที่เราคุ้นเคยกันนั่นแหละครับเพราะใช้กันหลายรุ่นมากแต่ที่มันสามารถทำไฟล์ความละเอียดส๔งได้ขนาดนี้เพราะ Olympus ใช้เทคนิคในการรวมภาพ 8 ภาพเข้าด้วยกันโดยที่แต่ละภาพมีการขยับเซนเซอร์ไปที่ละ 0.5 พิกเซลทำให้จาก 16 ล้านพิกเซลสามารถสร้างไฟล์ภาพได้ใหญ่ถึง 40 ล้านพิกเซลเลยทีเดียวสำหรับไฟล์ภาพ JPEG และจะเพิ่มเป็น 64 ล้านพิกเซลเลยสำหรับไฟล์ RAW และแต่ข้อจำกัดที่น่าเสียดายของฟีเจอร์นี้คือเพื่อจะให้มันทำงานได้อย่างเหมาะสมจะต้องถ่ายบนขาตั้งกล้องเท่านั้นครับและใช้ได้เฉพาะกับวัตถุที่อยู่นิ่งๆ
ความสามารถด้านวิดีโอดีขึ้นมาก
เดิมทีแล้ว Olympus เป็นกล้องที่ไม่เด่นด้านวิดีโอเลยครับเพียงแต่มีดีตรงกันสั่น 5 แกนที่ช่วยทำให้ถือถ่ายวิดีโอได้นิ่งขึ้นเทียบกับฝั่งคู่แข่งอย่าง Panasonic นั้นด้านวิดีโอของ GH4 ถือว่านำหน้าทุกแบรนด์เลย การมาของ Olympus OM-D E-M5 Mark II ครั้งนี้จึงมีการพัฒนาด้านวิดีโอให้ดีขึ้นกว่าเดิมมากเริ่มจากวิดีโอ Full HD 1920×1080 เฟรมเรตสูง 60fps และมีบิตเรตที่สูงถึง 50Mbps(IPB) และบีบอัดแบบ ALL-I* ที่ 77Mbpsเทียบกับ E-M5 หรือแม้แต่รุ่น Flagship อย่าง E-M1 ก็สามารถถ่ายได้สูงสุดแค่ Full HD ที่ 24Mbps เท่านั้น
*อธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับ ALL-I หรือเรียกเต็มๆว่า All-Intra เป็นรูปแบบการบีบอัดไฟล์วิดีโอครับผม ปกติแล้วเรามักจะได้ยิน 2 คำคือ IPB กับ All-Intra ฝั่ง IPB จะมีการบีบอัดไฟล์ระหว่างแต่ละเฟรมภาพอย่างสมมติว่าเราถ่าย 1080/30p ก็จะมีไฟล์ภาพ 30 ภาพต่อวินาทีแต่การเก็บภาพจริงๆนั้นจะมีการเก็บ 1 ภาพแล้วทำมาทำการแปลงเป็น 15 ภาพและอีก 1 ภาพทำเป็น 15 ภาพรวมกันเป็น 30 ภาพต่อวินาทีซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยบีบอัดข้อมูลได้มากเลยครับ จุดเด่นของ IPB คือช่วยลดขนาดไฟล์วิดีโอทำให้เราถ่ายได้นานขึ้น ที่เหลือท่านผู้อ่านคงพอนึกออกว่า All-Intra คือการเก็บภาพจริงทุกภาพทั้ง 30 ภาพข้อดีคือเมื่อมีการนำไปตัดต่อในภายหลังมันจะทำได้สะดวกกว่าเพระาเรามีภาพจริงทั้ง 30 ภาพแต่แน่นอนว่าขนาดไฟล์จะใหญ่กว่ามากอย่างเช่น ไฟล์วิดีโอ IPB ขนาด 4GB อาจะถ่ายได้ประมาณ 14-15 นาที แต่ไฟล์ All-Intra อาจถ่ายได้แค่ 4-5 นาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ Olympus OM-D E-M5 Mark II ยังสามารถตั้งค่า Time Code ได้เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการนำไปตัดต่อภายหลังและมี Focus Peaking ให้สำหรับช่วยในการ Manual Focus ต่างจาก E-M5 เดิมที่ไม่มีทั้ง 2 อย่าง อีกฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาคือ Clip ที่ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอเป็นคลิปสั้นๆได้(ตั้งได้ตั้งแต่ 1, 2, 4, 8 วินาที)และเราสามารถนำคลิปสั้นๆเหล่านี้มาตัดรวมกันเป็นไฟล์เดียวได้เลยในกล้องและสามารถใส่เสียงหรือเอฟเฟคต่างๆได้
ระบบกันสั่น 5 แกนตัวใหม่
ระบบกันสั่น 5 แกนถือว่าเป็นจุดเด่นของตระกูล OM-D มาตั้งแต่ต้นเลยซึ่งรุ่นเดิมนี่ก็นับว่ายอดแล้วครับ ผมพูดได้เลยว่าเป็นกันสั่นที่ดีที่สุดที่เคยจับมาแต่ครั้งนี้ Olympus ได้ให้กันสั่น 5 แกนตัวใหม่มาใน Olympus OM-D E-M5 Mark II ซึ่งผมจะเรียกว่า 5-Axis VCM(VCM เป็นชื่อเรียกมอเตอร์ชนิดหนึ่งลองค้นหาดูในกูเกิ้ลได้ครับผม)ที่จะดีกว่ากันสั่น 5 แกนเดิมใน E-M1 ด้วยโดยครั้งนี้เค้าเคลมว่าสามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 5 สตอปเลยทีเดียว
ช่องมองภาพใหม่จาก E-M1
เป็นช่องมองภาพใหม่ได้มรดกมาจาก E-M1 เลยครับความละเอียด 2,360,000 พิกเซล ความละเอียดอาจไม่ได้เยอะจนน่าตกใจอะไรแต่อัตราขยายนั้นน่ากลัวมาก 1.48x ทำให้ช่องมองภาพของ Olympus OM-D E-M5 Mark II นั้นใหญ่ยิ่งกว่าช่องมองของกล้อง Full Frame อย่าง Canon 1D X ซะอีกครับเพราะงั้นมองเห็นชัดเจนเต็มตาแน่นอน
จอหลังแบบ Vari-angle
Olympus OM-D E-M5 Mark II เปลี่ยนมาใช้จอหลังแบบ Vari-angle(พับออกข้าง)แทนจอแบบ Tilt เดิมซึ่งข้อดีของจอแบบนี้คือเหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอมากกว่าสอดคล้องกับการที่ Olympus ใส่ความสามารถวิดีโอมาให้แบบจัดเต็มในรุ่นนี้(แต่เสียดายไม่มี 4K) และอีกข้อดีคือมันพับ Selfie ได้นะเข้ากับเทรนด์ยุคนี้ ฮ่าๆ
ฟีเจอร์ Keystone, Live Composite, Olympus Capture และ Live View Boost II
อันนี้เป็นฟีเจอร์เจ๋งๆที่อยู่ใน E-M1 Firmware 2.0 ครับผม และคราวนี้มันได้มาอยู่ใน E-M5 II แล้ว
- Keystone เป็นฟีเจอร์ที่ใช้แก้ความผิดเพี้ยนของสิ่งก่อสร้างเวลาเราใช้เลนส์ไวด์ครับอย่างเช่นแก้ตึกที่เบี้ยวให้ตรงโดยไม่จไเป็นต้องไปซื้อเลนส์ Tilt-Shift มาใช้
- Live Composite อันนี้เป็นฟีเจอร์ที่ผมชอบมากลองไปดูกันได้ในบทความนี้เลยครับ Live Composite สุดยอดไอเท็มลับของ E-M1
- Live View Boost II ฟีเจอร์ Live View Boost เป็นตัวที่ช่วยเร่งแสงใน Live View ช่วยให้เรามองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้นครับอย่างถ้าเราจะถ่ายดาวถ้ามองใน Live View ปกติเราอาจไม่เห็นดาวซักดวงแล้วแต่ถ้าใช้ Live View Boost ช่วยอาจทำให้เรามองเห็นดาวได้ โดยในเวอร์ชั่นใหม่ Live View Boost II นี่จะใช้ความสว่างมากกว่า E-M5 เดิมถึง 5EV เลยทีเดียว
- Olympus Capture ฟีเจอร์นี้มีใน E-M1 มาก่อนเช่นกันและถูกใส่มาให้ด้วยใน E-M5 II คือเราสามารถควบคุมกล้องผ่านทางคอมพิวเตอร์ได้ชนิดที่เห็น Live View ผ่านจอคอมฯและปรับตั้งค่ากล้องได้แทบทุกอย่างเลยสามารถสั่งถ่ายภาพผ่านทางคอมฯและดูรูปได้เลยผ่านโปรแกรมของ Olympus
บอดี้ทนต่ออุณหภูมิ -10 องศาเซีลเซียส
เดิมที E-M5 รุ่นแรกนั้นกันน้ำกันฝุ่นอยู่แล้วแต่ไมได้กันอุณหภูมิครับ มีเพียง E-M1 เท่านั้นที่มีการป้องกันอุณหภูมิมาด้วยแต่คราวนี้ Olympus ไม่พลาดที่จะใส่ความสามารถนี้ให้ Olympus OM-D E-M5 Mark II ด้วยทำให้มันสามารถทนอุณหภูมิได้ถึง -10 องศาเซลเซียส
มี W-Fi ในตัว
Olympus OM-D E-M5 Mark II มี Wi-Fi มาให้ในตัวทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับ Smartphone เพื่อส่งภาพหรือควบคุมกล้องได้
อุปกรณ์เสริมสำหรับ Olympus OM-D E-M5 Mark II
- แฟลช Olympus FL-LM3
เป็นแฟลชที่จะให้มาในชุดขายของ E-M5 II เลยครับสามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้เช่นเดียวกับตัวบอดี้กล้อง มี Guide Number 9.1(ISO100) สิ่งที่พิเศษสำหรับแฟลชแถมตัวนี้คือมันสามารถหันซ้ายขวาได้ 180 องศาและสามารถเงยหน้า 90 องศาเพื่อ Bounce สะท้อนเพดานได้ช่วยให้เราสามารถใช้เทคนิคต่างๆได้มากกว่าแฟลชติดกล้องทั่วๆไปมากเลยทีเดียว และสามารถรองรับ Wireless Flash Control ได้ - กริป HLD-8
สำหรับใช้กับ Olympus OM-D E-M5 Mark II โดยเฉพาะสามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้ โดยจะแยกเป็น 2 ชิ้นคือ HLD-8G เป็นส่วนกริปสำหรับช่วยในการจับถือและจะมีช่องสำหรับเสียบหูฟังสำหรับฟังเสียงที่บันทึกระหว่างถ่ายวิดีโอด้วย ส่วน HLD-6P เอาไว้สำหรับใส่แบตเตอรี่โดยจะเหมือนกับ HLD-6 ที่ใช้กับ E-M5 ตัวแรกเลยครับ - Dot Sight EE-1
เป็นอุปกรณ์เสริมศูนย์เล็ง Dot Sight ครับ มันจะเป็นประโยชน์เวลาเราต้องการจะถ่ายอะไรไกลๆเพราะในจังหวะที่เราซูมไปมากๆแล้วองศาการรับภาพจะน้อยมากทำให้เราตามหาวัตถุที่เราจะถ่ายได้ยากยิ่งวัตถุที่เล็กและเคลื่อนไหวได้เร็วอย่างนก
ยิ่งเป็นการยากยิ่งขึ้นไปอีกดังนั้นให้เราเปลี่ยนมามองที่ศูนย์เล็งนี้แทนจะช่วยให้เราติดตามวัตถุได้ง่ายขึ้นครับ ตัว EE-1 นี้สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้เช่นกัน ใช้แบตเตอรี่แบบถ่านกระดุม 1 ก้อน - กริป ECG-2
เป็นกริปเหล็กสำหรับใส่เพื่อช่วยเสริมการจับถือให้ดีขึ้น สามารถเปิดฝาแบตเตอรี่ด้านล่างได้เลยโดยไม่ต้องถอด ECG-2 ออก - ยางรองช่องมองภาพ EP-16
- Cover หนังสำหรับฝาปิดเลนส์และเคสหนัง CS-46 FBC
- เคสกันน้ำ PT-EP13
เป็นเคสกันน้ำที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Olympus OM-D E-M5 Mark II สามารถลงน้ำได้ลึก 45 เมตรและสามารถใช้งานแฟลช FL-LM3 ได้ในขณะใส่เคส
บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 06/02/2015