7 เหตุผลทำไม Sony a7R Mark III ถึงน่าโดนที่สุดในเวลานี้
ในบรรดากล้องในตลาดตอนนี้ถ้าถามว่าตัวไหนร้องแรงสุด ๆ คงต้องยกให้ Sony a7R Mark III ที่กำลังได้รับความสนใจจากช่างภาพมือใหม่มือเก๋ามากมาย คุยกันทุกกรุ๊ป ขึ้นกระทู้ทุกบอร์ด รีวิวผุดเป็นดอกเห็ดแถมล่าสุดยังได้รางวัล Product of the Year 2017 จากทาง DPREVIEW อีกด้วย
บอกตามตรงว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่อยากได้กล้อง Sony A7R Mark III ตัวนี้ไว้ในครอบครองเช่นกัน(หวังว่า Sony คงจะส่งมาให้รีวิวบ้างเนาะ 5555) เสพรีวิวมาพักใหญ่จนอยากจะแชร์ความเห็นกับทุกคนว่าอะไรคือ 7 เหตุผลที่ทำให้ Sony a7R Mark III เป็นหนึ่งในกล้องที่น่าโดนที่สุดในปีนี้
Sony a7R Mark III ราคาเปิดตัว 114,990 บาท
สเปก Sony a7R Mark III
- เซนเซอร์ BSI-CMOS Full Frame ความละเอียด 42.4 ล้านพิกเซล
- ISO 100-32,000(ขยายได้ 50-102,400)
- ชิป Bionz X และ Front-end LSI รุ่นล่าสุด
- ระบบป้องกันสั่นไหวในบอดี้แบบ 5 แกน(กันสั่นไหวได้ 5.5 สตอป)
- Shutter Unit ใหม่ลดแรงสั่นสะเทือน
- ถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพต่อวินาที(Mechanical Shutter) AF/AE Tracking
- ระบบ Hybrid AF จุดโฟกัส Phase Detection 399 จุด / Contrast Detection 425 จุด
- 14 Bit RAW File ทั้งถ่ายภาพต่อเนื่องและ Electronic Shutter(a7R Mark II จะลดเหลือ 12bit)
- จอแสดงผล Touchscreen ขนาด 3 นิ้วความละเอียด 1.44 ล้านพิกเซล
- ช่องมองภาพ EVF ความละเเอียด 3.69 ล้านพิกเซล ตั้งค่าได้ทั้ง 60fps และ 120fps
- วิดีโอ 4K/30p, 1080/120p
- วิดีโอ 4K HDR โดยการใช้ Hybrid Log Gamma
- ฟีเจอร์ Pixel Shift Multi Shooting
- ระบบเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth, NFC
- Joystick สำหรับเลื่อนจุดโฟกัส
- ช่องใส่ SD Card 2 ช่อง(UHS-I x1, UHS-II x1)
- พอร์ทเชื่อมต่อ USB 3.1 Type-C, USB 2.0 micro-B
- พอร์ทไมโครโฟนและหูฟัง
- กลไกชัตเตอร์ทำงานได้ 500,000 ครั้ง
- บอดี้ Weather Seal กันฝุ่นกันละอองน้ำ
- แบตเตอรี่รุ่นใหม่ NP-FZ100 ถ่ายได้ 650 ภาพ
- น้ำหนัก 657 กรัม
- เซนเซอร์42.4MPกับ Dynamic Range 15 stops
ขึ้นชื่อว่า a7 แน่นอนว่าใช้เซนเซอร์ขนาด Full Frame โดย Sony a7R Mark III ใช้เซนเซอร์ BSI-CMOS (ไม่ใช่ Stacked CMOS แบบ A9) ความละเอียด 42.4 ล้านพิกเซลตัวเดียวกับตอน a7R Mark II แต่ Sony กล่าวไว้ตอนเปิดตัวว่าการปรับปรุงในรุ่นนี้ทำให้มันมี Dynamic Range กว้างขึ้นเป็น 15 สตอป(A7R II 14 สตอป)ซึ่งส่วนตัวผม ว้าวมากกก เพราะถ้าใครเคยใช้ A7R II จะรู้ว่ามันทำไฟล์ได้ดีมากทั้งพิกเซลที่สูงจนเหลือเฟือสุด ๆ (และเปลืองเมมสุด ๆ) และเรื่อง Dynamic Range ที่ดีมากแล้วจริง ๆ แม้เซนเซอร์เป็นสเปกเดิมก็ยังเจ๋งแต่ใน A7R III กลับทำได้ดีขึ้นไปอีก
ซึ่ง Dynamic Range ยิ่งสูงนี้จะให้รายละเอียดในจุดมืดและจุดสว่างได้ดีเมื่อถ่ายภาพมาแล้วเราสามารถนำมาขุดส่วนมืดให้สว่างขึ้นหรือดึงส่วนสว่างที่เกือบจะหลุด Highlight ให้กลับมาได้ดี
ตัวอย่างค่า Dynamic Range ของกล้องแต่ละรุ่นจากรีวิวทดสอบของ DxOMark
- Sony A7R III – 14.7 Evs
- Sony A7R II – 13.9 Evs
- Sony A9 – 13.3 Evs
- Canon EOS 5D Mark IV – 13.6 Evs
- Panasonic DMC-GH5 – 13 Evs
- Olympus OM-D E-M1 Mark II – 12.8 Evs
- Canon 6D Mark II – 11.9 Evs
- 10fpsต่อเนื่องพร้อมRAW 14bit
จุดนี้ Sony A7R Mark III ดีขึ้นกว่าเดิมมากครับสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 10 ภาพต่อวินาที*(จากรุ่น A7R II ทำได้ 5fps เท่านั้น) และทุกภาพสามารถถ่ายเป็นไฟล์ RAW 14bit ได้จากที่รุ่นเดิมนั้นหากเราเข้าโหมดถ่ายต่อเนื่องหรือใช้ Electronic Shutter จะถูกลดขนาดลงมาเป็น RAW 12bit ทั้งหมดคงต้องยกความดีให้กับชิป Bionz X และ Front-end LSI รุ่นล่าสุดเทคโนโลยีจากรุ่นพี่อย่าง A9 ที่ทำให้กล้องสามารถคิดได้เร็ว และกลไกชัตเตอร์ใหม่ที่ Sony กล่าวว่าลดแรงสั่นสะเทือนลงและยังสามารถใช้งานได้ถึง 5 แสนครั้ง
ตรงนี้ถือว่าแก้จุดอ่อนของ A7 Series เดิมได้ดีเลยเพราะ 5fps นั้นช้าไปนิ๊ดดด รุ่นอื่นเค้าเร็วแซงหน้าไปเยอะแล้วพอมา 10fps นี่ก็ไล่เบียด DSLR ระดับ High-end มาเลย
*Sony A7R III จะถ่ายภาพ 10fps โดยใช้ Mechanical Shutter หรือ Electronic Shutter ต่างจาก A9 ที่จะถ่ายภาพเร็ว 20fps ผ่าน Electronic Shutter เท่านั้น
- ระบบโฟกัสที่ดีและเร็วขึ้นชัดเจน
Sony a7R Mark III ได้ระบบโฟกัสที่เร็วใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง Sony A9 เลยซึ่งเร็วมากเป็นระบบโฟกัสที่ผมชอบมากที่สุดในกล้อง Mirrorless เลย(เราเคยเอา Sony A9 ไปรีวิวภาคสนามมาแล้วสามารถไปว้าวกับระบบโฟกัสกันได้ที่ รีวิวภาคสนาม Sony A9 ถ่าย motorsport ที่งาน Thailand Super Series 2017 ) แต่ที่ผมบอกว่าใกล้เคียงนั้นเพราะจริง ๆ แล้ว Sony a7R Mark III ไม่ได้ยกระบบโฟกัสของรุ่นพี่มาทั้งหมด(แต่นี่ก็โหดมากแล้ว)โดยใช้ Hybrid AF รวมการทำงานระหว่าง Phase Detection 399 จุดและ Contrast Detection 425 จุด(จากรุ่นที่แล้ว 25 จุด)ซึ่งเฉพาะส่วนของ Phase Detection จะครอบคลุมพื้นที่ 68% ของเฟรมภาพต่างจาก A9 ที่จะครอบคลุมมากถึง 93%
นอกจากนี้การโฟกัสในที่มืดของ Sony a7R Mark III ก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นสามารถโฟกัสได้แม้แสงจะน้อยที่ -3EV จากรุ่นที่แล้วทำได้ที่ -2EV เท่านั้น Sony ยังกล่าวว่าประสิทธิภาพในการโฟกัสนั้นจะดีขึ้น 2 เท่ารวมถึงฟีเจอร์จุดเด่นของ Sony อย่าง Eye AF ก็เร็วขึ้น 2 เท่าเช่นกัน
และยังมีการเพิ่ม Joystick ที่สามารถจะใช้เลื่อนจุดโฟกัสได้ทันทีซึ่งช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก
ส่วนตัวผมได้มีโอกาสทดสอบความเร็วโฟกัสของ Sony a7R Mark III มานิดหน่อยเล่าตามตรงเลยว่า…เร็วครับ เร็วขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วค่อนข้างชัดเจนเลย
- ฟีเจอร์ใหม่Pixel Shift Multi Shooting
ลูกเล่นนี้คือการถ่ายภาพหลาย ๆ ภาพมารวมกันโดยแต่ละภาพที่ถ่ายจะมีการขยับเซนเซอร์(ใช้ระบบกันสั่น)ไปทีละ 1 พิกเซลซึ่งจะทำให้ตำแหน่งเดิมมีพิกเซลวนมารับแสงครบทุกสีทั้งเขียว แดง น้ำเงินทำให้ไฟล์ที่ได้มีข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้น รายละเอียดของวัตถุและสีดีขึ้น
ข้อสังเกตของฟังก์ชันนี้คือเวลาใช้งานกล้องจะต้องนิ่งที่สุดและควรถ่ายภาพวัตถุที่อยู่นิ่งเท่านั้น ไฟล์ที่ได้เกิดจากการรวมภาพ 4 ภาพเข้าด้วยกันซึ่งไม่สามารถรวมจากในกล้องได้จำเป็นต้องนำไฟล์ไปรวมในคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
- ระบบกันสั่น5แกนที่ดีที่สุดใน Full Frame
ระบบกันสั่น 5 แกนที่ Sony เคลมว่าสามารถลดการสั่นไหวได้ 5.5 สตอปจากรุ่นที่แล้ว 4.5 สตอปซึ่งจะช่วยเราได้มากเลยครับในการถือถ่ายกลางคืนรวมถึงการถือถ่ายวิดีโอด้วยมือที่จะทำให้วิดีโอดูนิ่งขึ้นมากหากได้ระบบกันสั่นไหวที่ดี
- 4Kและ4K HDR
Sony a7R Mark III สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียด 4K 30/25/24p และ Full HD 120/100/60/50/30/25/24p
ในการถ่ายวิดีโอของ Sony a7R Mark III นั้นมีการปรับปรุงในส่วนของคุณภาพโดยให้ตัวเลือกว่าเราจะถ่ายโดยใช้ความกว้างเต็มขนาดเซนเซอร์ Full Frame เลยซึ่งข้อดีคือเราจะได้ระยะความกว้างของเลนส์ที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเวลาถ่ายวิดีโอหรือจะ Crop เซนเซอร์ลงมาเป็น Super 35 ซึ่งเราจะได้วิดีโอ 4K ที่ผ่านการทำ Oversampled มาจากวิดีโอ 5.2K ซึ่งจะให้ไฟล์ที่มีคุณภาพดีกว่าเดิมแถมยังเป็น Full Pixel Readout ไม่ทำ Pixel Binning
วิดีโอ 4K ที่บันทึกในตัวกล้อง Sony A7R III จะเป็นแบบ 8bit 4:2:0 โดยสามารถบันทึกแบบ 8bit 4:2:2 ได้หากต่อ HDMI ออกไปที่เครื่องบันทึกภายนอก
ภายใน Picture Profile คุณจะเจอโหมด Hybrid Log Gamma(HLG) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิดีโอ HDR
- A7R IIIใช้แบตเตอรี่ใหม่NP-FZ100
กล้อง Sony ขึ้นชื่อเรื่องบริโภคแบตเตอรี่ค่อนข้างไวแต่ในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่รุ่นใหม่ NP-FZ100 ซึ่งจากการทดสอบตามมาตราฐาน CIPA ชาร์ตเต็มหนึ่งครั้งสามารถถ่ายได้ 650 ภาพเยอะกว่ารุ่นเดิมเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว
และนี่คือ 7 เหตุผลที่ทำให้ Sony a7R Mark III เป็นกล้องที่น่าจับจองเป็นเจ้าของมากที่สุดในตอนนี้ แน่นอนทุกคนอาจจะมีเหตุผลอื่นที่แตกต่างจากผมบ้างอย่างไรก็สามารถแชร์ความเห็นกันได้ใน Fanpage ZoomCamera นะครับ สุดท้ายหากใครเล็งจะเป็นเจ้าของ A7R III ตัวนี้อยู่สามารถติดตามโปรโมชั่นกันได้ทางหน้าเว็บและ Facebook ของ ZoomCamera เช่นกันจ้า