Olympus OM-D E-M1X กล้องระดับ Pro สาย Sports สุดแกร่ง Leave a comment

Olympus OM-D E-M1X กล้องระดับโปร สาย sport

วันที่ 24/1/2019 ทาง Olympus ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Olympus OM-D E-M1X ซึ่ง Codename ดังกล่าวก็เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้นั่นเอง ไม่ว่าจาก 43rumors หรือ Thenewcamera ก็ดี โดยเจ้า Olympus OM-D E-M1X นั้นจะแยกซีรี่ออกจาก Olympus OM-D E-M1II หรือจะบอกว่าเป็นกล้องที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าก็คงจะไม่ผิดเท่าไรนัก เนื่องจากทั้ง Spec และ Feature ต่างๆของ Olympus OM-D E-M1X นั้น ได้รับการออกแบบสำหรับกลุ่มช่างภาพระดับ Professional ที่ต้องการ Performance สูงที่สุด แม้จะยังเป็นกล้อง Mirrorless ที่ยังคงใช้ระบบ Micro Fourthirds ก็ตามที


สเปค Olympus OM-D E-M1X

ด้านหน้าดูดีและดุดัน

Olympus OM-D E-M1X ยังคงเป็นกล้อง Mirrorless ในระบบ Micro Fourthirdssensor ความละเอียด 20 Megapixels พร้อมระบบกันสั่นไหว 5 Axis เคลมว่าสามารถลดการสั่นไหวได้สูงสุด 7.5 Stop

ระบบกันสั่นไหว ออกแบบในลักษณะของ Gyro Sensor

Body ออกแบบใหม่ โดยเป็นกล้อง Mirrorless รุ่นแรกของ Olympus ที่ตัวกล้อง Built – In Grip มาในตัวทันที โดยสามารถใส่แบตเตอรี่พร้อมกันได้ 2 ก้อน

จอ LCD ขนาด 3.0 แบบ Vario Angel สามารถพับออกด้านข้างได้

เพิ่ม Joystick เข้ามา 2 ตำแหน่ง เพื่อความรวดเร็วในการควบคุม

รองรับช่องใส่การ์ดแบบ Dual Slot

ระบบ Focus แบบ Contrast Detect และ Phase Detect พร้อมจุด Focus

อัตราการถ่ายภาพต่อเนื่อง

รองรับการถ่าย Video 4K สูงสุด 30p , FullHD สูงสุด 120p พร้อม Feature OM Log เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงาน Video

รองรับการถ่าย Hi-Res Shot แบบ Hand Held ได้เป็นครั้งแรก โดยจะมีอยู่ด้วยการทั้งหมด 3 Mode

ระบบ Hi-Res Shot รองรับไฟล์สูงสุด 80mp (RAW) และ 50mp (JPG)

มีระบบ Weather Seal / Splash Proof / Freeze Proof ปกป้องตัวกล้องจากสถานการณ์ต่างๆ

รองรับการเชื่อมต่อผ่าน WIFI / Bluetooth

แบตเตอรี่รุ่น BLH-1 รุ่นเดียวกันกับ Olympus OM-D E-M1 II

ขนาด : 144.4 * 146.8 * 75.4 mm.

น้ำหนัก : Body 849 g. / Body with 2 BLH-1 + 2 Memory Card 997 g.

ราคา : Body Set 120,000.-


ภาพรวมและสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Olympus OM-D E-M1X

https://youtu.be/Lf6nx1VmnQs

Olympus OM-D E-M1X กล้อง Mirrorless ที่ถูกวางตำแหน่ง Professional สูงสุดใน Line Product ที่มีอยู่ทั้งหมดของ Olympus ก็ว่าได้ครับ ซึ่งเรามาดูกันครับมีอะไรที่น่าสนใจและอะไรที่ส่งเสริมให้เจ้า Olympus OM-D E-M1X มีความเป็น Professional มากยิ่งขึ้นกันบ้าง

1. ดีไซน์และการออกแบบที่เจาะกลุ่มเป้าหมายโดยตรง

เปรียบเทียบระหว่างรุ่นเก่าและรุ่นใหม่

อย่างที่บอกไปว่าเจ้า Olympus OM-D E-M1X นั้น แยกเป็นอีก Class ที่อยู่สูงกว่า Olympus OM-D E-M1 II ที่ทำตลาดอยู่ ณ ตอนนี้ เมื่อจะเจาะกลุ่มช่างภาพระดับ Professional แล้วการดีไซน์จึงต้องมีความละเมียดละไมยิ่งขึ้น โครงสร้างหลักของเจ้า Olympus OM-D E-M1X มาพร้อมแมกนิเซียมอัลลอย ที่คงทน แข็งแรง โดยเป็นการขึ้นโครงแบบชิ้นเดียวกัน ไม่ได้มีการแยกส่วนระหว่าง Body และ Grip ออกจากกันแต่อย่างใด หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่า ในอดีต Olympus เป็นผู้บุกเบิกกล้องในระบบ Mirrorless ที่เน้นคอนเซป ” เล็ก เบา พกพา ” แต่จากการมาของ Olympus OM-D E-M1X จะเห็นว่ามีขนาดที่เทียบเท่า และ/หรือ ใหญ่กว่า Olympus OM-D E-M1 II ในสภาพที่ติด Grip อยู่เช่นกัน

เปรียบเทียบด้านหลัง

ที่เป็นเช่นนี้ หากเราสังเกตตลาดกล้องระดับ Professional ส่วนมากตัวกล้องจะมีขนาดที่ใหญ่แทบจะทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ครับ รวมถึงกล้องในระดับ Professional นั้นส่วนมากจะอัดแน่นไปด้วย Feature ต่างๆให้ครบครันที่สุดเท่าที่จะสามารถตอบสนองช่างภาพ Professional ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบระบายความร้อน , Buffer หรือ Joystick ที่ถูกบรรจุลงมาใน Olympus OM-D E-M1X ด้วยเช่นกันครับ กล้องในระดับ Professional ยิ่งตัวกล้องสามารถตอบสนองในการใช้งานได้มากเท่าไร ยิ่งเพิ่มโอกาสการได้ภาพมากขึ้นเท่านั้น อย่าลืมว่าทุกๆเสี้ยววินาที คุณก็อาจจะได้ภาพที่แตกต่างจากคนอื่นๆด้วยเช่นกัน

วัสดุภายใน

2. High-Speed Auto Focus

https://youtu.be/qnVk1nokxNs

1 ระบบ Focus แบบ Cross – Type 121 จุด

หากเพื่อนๆจำกันได้ ใน Series ของ Olympus OM-D E-M1 นั้น เป็น Series เดียวที่ภายในตัวกล้องมีระบบ Focus ในลักษณะ Hybrid คือ จะมีการระบบ Focus ทั้ง Contrast Detection ที่ใช้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก ประสานงานกับ Phase Detection ทำให้การ Focus มีความโดดเด่นและว่องไวกว่ากล้อง Mirrorless รุ่นอื่นๆของ Olympus จนกระทั่ง Olympus OM-D E-M1 II ได้มีการพัฒนาขีดความสามารถเพิ่มขึ้น โดยได้เพิ่มความสามารถในด้าน Cross-Type Focus เข้ามา เฉกเช่นเดียวกับ Olympus OM-D E-M1X ที่ได้รับการสานต่อมาจาก Olympus OM-D E-M1 II เช่นกัน ทั้งนี้เจ้า Olympus OM-D E-M1X มาพร้อมจุด Focus จำนวน 121 จุด กระจายอยู่รอบๆ Sensor ซึ่งทาง Olympus เคลมว่ามีความรวดเร็วกว่า Olympus OM-D E-M1 II ถ้าเพื่อนๆเคยสัมผัสเจ้า Olympus OM-D E-M1 II มาก่อนจะรู้ว่าความไวนั้น ไวมากในระดับนึงเลยครับ

2 ระบบ Focus แบบ Intelligent Subject Detection AF

ระบบ Focus ใหม่แกะกล่องที่ถูกบรรจุลงในกล้องระดับ Professional อย่าง Olympus OM-D E-M1X เป็นรุ่นแรกของกล้อง Mirrorless ค่าย Olympus ครับ ซึ่งความน่าสนใจของ Intelligent Subject Detection AF นั้น จะมีการทำงานที่คล้ายคลึงกับระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ถูกใช้งานบน Smartphone กล่าวคือ ตัวกล้องจะมีการใช้ Sensor ตรวจ Scene ที่อยู่ภายในเฟรมตรงหน้า และ ทำการระบุว่าสิ่งที่เราทำการเล็งอยู่นั้นคืออะไร เพื่อที่ตัวกล้องจะได้คาดเดาสถานการณ์และพร้อมประมวลในการถ่ายได้ทันทีท่วงที ซึ่งถือเป็นที่น่าจับตามองว่าเจ้าระบบ Intelligent Subject Detection AF ของ Olympus OM-D E-M1X จะมีหลักการทำงานเชิงลึกแบบใด และถ่ายทอดผลลัพธ์ออกมาได้เป็นที่น่าพอใจมากแค่ไหน

3 อัตราการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดที่ 60fps

หากเราสังเกตกล้องในระดับ Professional ในตลาด ส่วนมากจะมีอัตราการถ่ายต่อเนื่องที่รวดเร็ว ว่องไว และมีบัฟเฟอร์ที่ค่อนข้างสูง เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพราะ การพลาดเพียงเสี้ยววินาที ก็อาจจะทำให้พลาดช๊อตเด็ดไปเลยก็ได้ และแน่นอนว่าการมาของ Olympus OM-D E-M1X พร้อมจะมอบประสบการณ์ใหม่ในการถ่ายภาพ โดยเฉพาะการถ่ายภาพต่อเนื่อง ซึ่งมีข้อมูลอ้างอิงที่เจ้า Olympus OM-D E-M1X สามารถทำอัตราได้สูงสุดที่ 60fps ( Burst Shooting แบบ High ) กันเลยทีเดียว หรือ จะเป็น Tracking AF ก็สามารถถ่ายต่อเนื่องสูงสุดที่ 18fps ( Burst Shooting แบบ Low ) โดยเฉพาะ Tracking AF นั้น ตอบโจทย์สำหรับการถ่ายภาพแนว Sport , Wildlife ที่เน้นความต่อเนื่องแบบไม่ให้พลาดแม้เสี้ยววินาทีได้เป็นอย่างดีเลยครับ

4 Shutter Speed มากสุดที่ 1/32000 พร้อมอายุการใช้งานมากถึง 400,000 Shutter

เมื่อ Olympus OM-D E-M1X ถูกวางตำแหน่งกล้อง Professional และ ถูกจับตามองในส่วนของ Sport เป็นอย่างมาก ฉะนั้น การที่มีอัตราการถ่ายภาพต่อเนื่องที่รวดเร็ว ว่องไว พร้อมบัฟเฟอร์ที่ใหญ่ด้วยแล้วนั้น ยังคงต้องอาศัย Shutter Speed ที่ไวประกอบด้วยเช่นกัน ซึ่งเจ้า Olympus OM-D E-M1X สามารถทำ Shutter Speed ได้ตามข้อมูลนี้เลยครับ

Olympus OM-D E-M1X สามารถทำ Shutter Speed 1/8000 – 60 sec. เมื่อใช้งานบน Mechanic Shutter

Olympus OM-D E-M1X สามารถทำ Shutter Speed 1/32000 – 60 sec. เมื่อใช้งานบน Electronic Shutter

Olympus OM-D E-M1X สามารถทำ Shutter Speed 1/320 – 60 sec. เมื่อใช้งานบน Electronic First Curtain Shutter

นอกจากนี้ เมื่อ Olympus OM-D E-M1X มีอัตราการถ่ายต่อเนื่องที่รวดเร็วจจนบางครั้งเราอาจจะถ่ายช๊อตเดิมๆซ้ำมาเกินความต้องการ ซึ่งทำให้ Shutter Count ถูกนับเพิ่มเติมไปโดยปริยาย แต่อายุการใช้งานของม่านชัตเตอร์ Olympus OM-D E-M1X ได้ถูกเคลมไว้สูงสุดที่ 400,000 Shutter ซึ่งแทบจะเทียบเท่ากับอายุม่านชัตเตอร์ของกล้อง DSLR ทำให้ผู้ใช้งานค่อนข้างจะมั่นใจในการใช้ได้อย่างหายห่วงครับ

5 หน่วยประมวลผลภาพTruePic VIII จำนวน 2 ชิ้น

อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่าเจ้า Olympus OM-D E-M1X นั้น จับกลุ่มเป้าหมายในส่วนของ Professional การออกแบบที่ทำให้ใช้งานเมื่อเปิดเครื่องและโหมด Sleep ได้รวดเร็วขึ้น ยิ่งเพิ่มโอกาสการได้ภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยรองรับช่องสำหรับใส่การ์ด SD high-speed UHS-II จำนวน 2 ชิ้นซึ่งตอบสนองการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของกล้องรวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังรองรับฟังก์ชั่นใหม่ๆ เช่น การถ่ายภาพความละเอียดสูงโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง(Handheld High Res Shot) , Live ND, และ AF ตรวจจับวัตถุอัจฉริยะ

3. ระบบกันสั่น 5 แกน พร้อมระบบ Gyro Sensor

ระบบกันสั่น

หากจะพูดถึงกล้อง Mirrorless จากค่าย Olympus เชื่อว่าเพื่อนๆน่าจะนึกถึงระบบกันสั่นไหวภายในตัวกล้องกันอย่างแน่นอน โดยจุดเด่นเรื่องระบบกันสั่นไหว 5 ทิศทางนั้น เริ่มเด่นชัดตั้งแต่การมาของ Olympus OM-D E-M5 ที่บุกเบิกตลาดกล้อง Mirrorless ที่มีระบบกันสั่น 5 แกนเป็นรุ่นแรก ณ ขณะนั้น และได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงจุดพีคสุดที่ Olympus OM-D E-M1 II ที่นอกเหนือจากระบบกันสั่น 5 ทิศทางแล้ว ยังมี Feature อย่าง IS Sync หรือ หากจะอธิบายอย่างเข้าใจง่ายนั้น คือ การทำงานร่วมกันระหว่างระบบกันสั่นที่ตัวกล้องและระบบกันสั่นที่ตัวเลนส์ไปพร้อมๆ โดย IS Sync จะทำกับเลนส์ที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งสถิติที่เจ้า Olympus OM-D E-M1 II ทำไว้นั้นอยู่ที่ ลดการสั่นไหว 6.5 Stop โดยจำเป็นจะต้องใช้ Olympus OM-D E-M1 II ประกบเข้ากับ Olympus M.Zuiko 12-100 F4 Pro IS นั่นเองครับ

หากเพื่อนๆคิดว่าระบบกันสั่นของ Olympus OM-D E-M1 II นั้นดีที่สุด ป้องกันการสั่นไหวได้ดีทีสุดแล้วละก็ การมาของ Olympus OM-D E-M1X อาจจะทำให้เพื่อนๆเปลี่ยนความคิดจากเดิมครับ แม้เจ้า Olympus OM-D E-M1X จะมาพร้อมระบบกันสั่นไหวแบบ 5 ทิศทาง และ IS Sync เฉกเช่นเดียวกับ Olympus OM-D E-M1 II แต่สิ่งที่ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนนั้น คือ ระบบกันสั่น 5 แกน ได้มีการปรับปรุงให้มีขีดความสามารถที่ดียิ่งขึ้น 1 ในนั้นคือการใช้ระบบ Gyro Sensor มาใช้ในระบบกันสั่นเป็นครั้งแรกของ Olympus เพื่อเพิ่มความเสถียรและนิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหลักการคือ ตัวระบบ Gyro Sensor จะช่วยคำนวณและตรวจจับการสั่นไหวควบคู่ไปกับระบบกันสั่นในกล้อง ซึ่ง 5 แกนที่ว่านั้น คือ แกน Yaw / Pitch / Roll / Vertical / Horizontal ครับ

สำหรับประสิทธิภาพของระบบกันสั่น 5 แกนใน Olympus OM-D E-M1X นั้น หากว่า Olympus OM-D E-M1 II สามารถลดการสั่นไหวได้สูงสุดที่ 6.5 EV แล้วนั้น เจ้า Olympus OM-D E-M1X มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าครับ โดยมีผลทดสอบจาก CIPA ตามนี้ครับ

Olympus OM-D E-M1X + M.Zuiko 12-40 F2.8 Pro สามารถลดการสั่นไหวได้สูงสุด 7 EV

Olympus OM-D E-M1X + M.Zuiko 12-100 F4 Pro IS สามารถลดการสั่นไหวได้สูงสุด 7.5 EV

3. ระบบกันสั่น 5 แกน พร้อมระบบ Gyro Sensor

https://youtu.be/NnT9qOy42yc

Live ND เมื่อคุณมี ND ติดตัวไปทุกที่

วิธีตั้งค่า ND

สำหรับช่างภาพที่ซีเรียสกับภาพถ่าย โดยเฉพาะกับการถ่าย Landscape นั้น มักจะมีความพิถีพิถันในการเลือกใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆที่โปรแกรมเฉพาะทางไม่สามารถทดแทนให้ได้ 1 ในนั้น คงจะหนีไม่พ้นเจ้า ND Filter ครับ ด้วยคุณสมบัติที่จะลดปริมาณที่จะผ่านเข้ามา เพื่อให้ช่างภาพสามารถใช้ค่า Setting ในส่วนของ Shutter Speed ได้ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อหวัง Effect ภายในภาพ เช่น ริ้วเมฆ , สายน้ำที่อ่อนนุ่ม หรือ ร่างบุคคลที่มีการเคลื่อนไหว เป็นต้น ซึ่งราคาของ ND Filter ก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับเกรด , วัสดุที่ผลิต แน่นอนว่ายิ่งต้องการ ND Filter ที่มีคุณภาพสูง ไม่ลดทอนคุณภาพของไฟล์ภาพ ก็จะมีราคาที่สูงมากเช่นกัน

ใช้ได้กับ ND ในหลายระดับ

แม้ราคา ND Filter จะมีราคาที่ค่อนสูง แต่กลับ Olympus OM-D E-M1X นั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดครับ เพราะ ภายในตัวมาพร้อมกับ Feature Live ND ที่เป็นการใช้ Electronic จำลอง ND ขึ้นมาเพื่อใช้ในการถ่ายภาพแม้ว่า ณ ขณะนั้นตัวเลนส์จะไม่ได้ใส่ ND Filter อยู่ก็ตามที โดยเจ้า Live ND นี้สามารถปรับระดับได้ 5 ระดับ และ สามารถเปิดคำสั่ง Liveview เพื่อดูผลลัพธ์ของภาพที่ได้ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้เจ้า Live ND ก็ยังข้อจำกัดอยู่บ้าง คือ จะสามารถเปิดใช้ Feature นี้ได้ เมื่อใช้งานกล้อง Olympus OM-D E-M1X ใน Mode S และ Mode M , ไม่สามารถใช่ร่วมกับ Flash , ค่า ISO มากสุดที่ 800 และ Shutter Speed มากสุดได้ที่ 1/30 ( ND2 ) โดย Shutter Speed จะลดลง เมื่อมีการ Set ค่า ND สูงขึ้น ซึ่งถือว่าเป็น Feature ที่น่าสน สำหรับเทคนิคเชิงลึกของ Live ND อาจจะต้องรอภาครีวิวเต็มๆอีกครั้งครับ

ระบบ LV

 Handheld High Res Shot มิติใหม่ในวงการกล้อง Mirrorless

สำหรับ Feature อย่าง High Res Shot นั้น ต้องย้อนกลับไปสมัย Olympus OM-D E-M5 II ซึ่งเป็นกล้อง Mirrorless รุ่นแรกที่มาพร้อม Feature ดังกล่าว โดยมีหลักการที่ตัวกล้องจะทำการขยับ Sensor เพื่อทำการถ่ายภาพ 8 ช๊อต จากนั้นจะนำภาพเหล่านั้นมาทำการ Merge เป็นไฟล์ใหม่ โดยจะได้เนื้อไฟล์ที่มีจำนวน Pixel เพิ่มขึ้น พร้อมทั้ง Dynamic Range ที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน แรกเริ่มของ Hi-Res Shot นั้น ไฟล์ JPG จะอยู่ที่ 40mp ส่วน RAW จะได้ 64mp ซึ่งถือว่าเยอะมาก ณ ยุคสมัยนั้น แม้ว่า High Res Shot จะไม่ใช่ Feature หลัก และมีข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะต้องใช้ขาตั้งกล้อง , ค่า F แคบสุดที่ F8 , กันสั่นไม่ทำงาน ก็ตามที แต่ทาง Olympus ก็ได้มีการพัฒนา Feature ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยใน Olympus OM-D E-M1 II และ Olympus PEN F ก็มี High Res Shot ที่พัฒนาประสิทธิภาพขึ้น โดยไฟล์ JPG จะอยู่ที่ 50mp ส่วน RAW จะได้ 80mp ครับ

การมาของ Olympus OM-D E-M1X นั้น ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะได้มีการฉีกกฏเกณฑ์เดิมๆของ High Res Shot ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะ Olympus OM-D E-M1X สามารถถ่าย High Res Shot ได้แบบถือถ่ายทันที โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องแต่อย่างใด ( Handheld High Res Shot ) นอกจากนี้เจ้า Olympus OM-D E-M1X ยังสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ High Res Shot ทั้ง 2 Mode ทั้ง Mode แบบมีขาตั้ง และ Mode Handheld โดยคุณภาพของไฟล์ที่ได้นั้น สามารถตั้งได้ว่าจะเอาเป็น 50mp  หรือ 25mp ในรูปแบบของ JPG ในส่วนของไฟล์ RAW นั้น จะได้ขนาด 80mp โดยจำเป็นจะต้องนำไฟล์ RAW ไปเปิดในโปรแกรม Olympus Viewer 3 ครับ

Pro Capture รองรับการถ่ายภาพ RAW

โหมดถ่ายภาพ Pro Capture สามารถบันทึกภาพล่วงหน้าได้ 35 ภาพเมื่อกดชัตเตอร์ ซึ่งเมื่อเครื่องดับภาพจะไม่หายระหว่างที่ถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังบันทึกภาพด้วยความละเอียด 20 ล้านพิกเซลซึ่งรองรับโหมด RAW โดยฟีเจอร์นี้ได้รับคำชื่นชมจากช่างภาพมืออาชีพตั้งแต่เมื่อเปิดตัวกล้อง OM-D E-M1 Mark II ซึ่งมีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพศิลปะและวัตถุที่ไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้อย่างดีเยี่ยม แน่นอนว่าประสิทธิภาพของ Pro Capture บน OM-D E-M1X โดดเด่นกว่าอย่างแน่นอนครับ

5. Video 4K พร้อม OM-Log และ Flicker Scan ครั้งแรก

video 4k

แม้ว่าจุดเด่นของ Olympus นั้น จะเป็นกล้อง Mirrorless ที่เน้น Feature สำหรับการถ่ายภาพนิ่งซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสั่นไหว 5 ทิศทาง , High Res Shot หรือ Weather Resistant ที่พร้อมจะให้เพื่อนๆพากล้องออกไปถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี ในส่วนงาน Video นั้นปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าเริ่มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นทั้งแบบ Video แบบจริงจัง หรือ Video แบบ V-Log เป็นต้น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะใน Olympus OM-D E-M1X นั้นก็มี Feature ที่ช่วยส่งเสริมการถ่าย Video ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรองรับการถ่าย Video ความละเอียดสูงอย่าง Video 4K 30p , Video ความละเอียด FullHD ที่รับรองสูงสุดที่ 120p พร้อมกับความสามารถในการทำเป็น Video Slowmotion ได้ด้วยเช่นกัน หรือ เพื่อนๆต้องการนำไฟล์ Video ไปตัดต่อเพิ่มต่อเพิ่มเติม ภายใน Olympus OM-D E-M1X ก็มี Feature ใหม่แกะกล่องอย่าง OM-Log ที่ทำให้เราได้ไฟล์ Video ไปทำการ Grading ต่อนั่นเอง

จอที่กางออกได้

ส่วน Flicker Scan นั้น จัดว่าเป็นอีก Feature ที่ตอบโจทย์การถ่าย Video ได้เป็นอย่างดี เพราะเวลาถ่าย Video ใน Location ที่มีสภาพแสงจากหลอดไฟ จะมีอาการเป็นริ้วเส้นกะพริบภายในภาพนั่นเองครับ โดยเจ้า Flicker Scan นี้ จะสามารถใช้งานได้เมื่ออยู่ใน Mode S และ Mode M ครับ

นอกเหนือจาก Video 4K , Slowmotion แล้ว เจ้า Olympus OM-D E-M1X ยังรองรับการถ่าย Timelapse ด้วยเช่นกันครับ ทั้งนี้สามารถถ่าย Timelaspe ได้ทั้งแบบ 4K , FullHD และ HD พร้อมรวมเป็น Clip ให้เสร็จสรรพภายในกล้องทันทีครับ สำหรับรายละเอียดของ Timelapse นั้นมีตามนี้ครับ

Timelapse ความละเอียด 4K  :  5fps

Timelapse ความละเอียด FHD  :  5fps / 10fps / 15fps

Timelapse ความละเอียด HD  :  5fps / 10fps / 15fps / 30fps

6. Weather Resistant อึด ถึก ทน พร้อมลุยทุกสภาพอากาศ

ออกแบบให้ทนทาน

จริงอยู่ที่ว่ากล้อง Mirrorless มีคอนเซ็ปในการออกแบบให้มีขนาดเล็ก เบา กะทัดรัด ซึ่งด้วยความเล็กนี้ทำให้หลายฝ่ายค่อนข้างเป็นกังวลในเรื่องความคงทน แข็งแรงที่อาจจะถูกลดทอนลงไปเมื่อเทียบกับกล้อง DSLR ในระดับเดียวกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของ Olympus แต่อย่างใด เพราะ การมาของ Olympus OM-D E-M5 เป็นผู้พลิกวงการกล้องครั้งใหญ่ก็ว่าได้ครับ เพราะ เป็นกล้อง Mirrorless รุ่นแรกที่มาพร้อมความสามารถ Weather Resistant หรือ พูดแบบง่ายๆ คือ ป้องกันละอองน้ำ ละอองฝุ่นในสถานการณ์ต่างๆเป็นอย่างดีนั่นเองครับ เมื่อมีจุดเริ่มต้นก็ย่อมมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก Weather Resistant ก็ส่งไม้ต่อมาที่ Freeze Proof , Dust Proof และ Splash Proof ที่ปรากฏใน Olympus OM-D E-M5 II / Olympus OM-D E-M1 II และ Olympus OM-D E-M1X โดยเฉพาะกับ Olympus OM-D E-M1X นั้น ความสามารถของ Weather Resistant แทบจะปกป้องได้เกือบ 100% ( ภายใต้เงื่อนไข IPX1 ) เนื่องจากว่าโครงของ Olympus OM-D E-M1X ขึ้นโครงแบบชิ้นเดียวทั้งส่วนที่เป็น Body และ Grip ทำให้ไม่มีรอยเชื่อมต่อมาให้กังวลใจเวลาใช้งาน ประกอบกับซีลยางที่วางกระจายอยู่รอบตัว Olympus OM-D E-M1X ก็ยิ่งส่งเสริมให้สมกับเป็นกล้องในระดับ Professional ด้วยเช่นกันครับ

นอกจากนี้ภายในตัว Olympus OM-D E-M1X ยังมาพร้อมระบบลดฝุ่นละอองแบบใหม่ที่ใช้คลื่น SSWF (Super Sonic Wave Filter) โดยฟิลเตอร์จะทำงานจำนวน 30,000 ครั้งต่อวินาทีเพื่อกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกซึ่งระบบนี้ช่วยลดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกลงถึง 10%

กันน้ำ

นอกเหนือจาก Weather Resistant ที่ทำให้เจ้า Olympus OM-D E-M1X แทบจะขึ้นแท่นเป็นกล้อง Mirrorless ระดับ Professional ที่มีความ อึด ถึก ทนทุกสภาพอากาศแล้วนั้น ภายในตัว Olympus OM-D E-M1X ก็ยังมีติดตั้ง Sensor ตรวจจับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น GPS ที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกโดยเฉพาะเวลาที่เราถ่ายภาพแล้วระบุพิกัดฝังลงไปใน Exif ของรูปนั้นๆได้ทันที , Compass , Manometer และ Temperature Sensor ซึ่งหากแบบผิวเผิน เจ้า Sensor ตรวจจับเหล่านี้เคยปรากฏครั้งแรกใน Olympus TG-Tough 5 มาแล้วนั่นเอง และ เจ้า Olympus OM-D E-M1X ก็ถือเป็นกล้อง Mirrorless ตัวแรกที่มีบรรจุ Sensor เหล่านี้ลงมาด้วยเช่นกันครับ

7. Battery ประจุใหญ่ขึ้น ถ่ายได้นานยิ่งขึ้น

ใส่แบตเพิ่มทำให้ใช้งานได้นานขึ้น

แบตเตอรี่กับกล้อง Mirrorless ถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแทบจะทุก Generation เลยครับ อันเนื่องมาจากกล้อง Mirrorless ทีดีไซน์ที่มีขนาดเล็กลงกว่ากล้อง DSLR รวมถึงเน้นการใช้งานผ่านจอ LCD , ช่องมองภาพแบบ EVF ทำให้มีการบริโภคแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง ทำให้บางครั้งการใช้งานแบตเตอรี่อาจจะไม่เพียงพอในแต่ละวันครับ บางท่านอาจจะต้องหาแบตเตอรี่สำรองเพิ่มเติมอีก 1 – 2 ก้อน แต่สำหรับ Olympus นับตั้งแต่การมาของ Olympus OM-D E-M1 II อดีต Flagship ที่เปิดตัวมาพร้อมกับแบตเตอรี่รุ่นใหม่อย่าง BLH-1 ที่มีประจุแบตเตอรี่สูงที่สุดในบรรดากล้อง Mirrorless จากค่าย Olympus และ แน่นอนว่าเจ้า BLH-1 ก็สามารถใช้งานร่วมกับ Olympus OM-D E-M1X ได้ด้วยเช่นกัน โดยความพิเศษอยู่ที่เจ้า Olympus OM-D E-M1X นั้นเป็นแบบ Built-In Grip ทำให้สามารถใช้งานแบตเตอรี่ BLH-1 ได้พร้อมกันถึง 2 ก้อนเลยทีเดียวครับ โดยทาง Olympus เคลมว่า BLH-1 2 ก้อน สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 870 ภาพ และ สามารถถ่ายได้มากสุดที่ 2,580 ภาพ เมื่อใช้งานใน Quick Sleep Mode ครับ

ปล. จำนวนภาพที่ถ่ายได้ อาจจะมี +/- ตามแต่ปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม

นี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของเจ้า Olympus OM-D E-M1X ว่าที่กล้องระดับ Flagship ที่หมายมั่นปั้นมือเจาะตลาดกลุ่มช่างภาพ Professional ทั้งนี้สำหรับเพื่อนๆสามารถลองสัมผัสสินค้าจริงได้ก่อนใครที่ร้าน Zoomcamera ตาม Period ด้านล่างนี้เลยครับ

Olympus OM-D E-M1X จะจัดแสดงที่ Zoomcamera สาขาเมกาบางนา วันที่ 24/1/2019 – 5/2/2019

Olympus OM-D E-M1X จะจัดแสดงที่ Zoomcamera สาขาเชียงใหม่ วันที่ 31/1/2019 – 5/2/2019

นอกจากนี้หากเพื่อนๆสนใจเจ้า Olympus OM-D E-M1X  สามารถ Pre-Order ผ่านทาง Link ด้านล่างนี้ หรือ ผ่านทางหน้าสาขาของ Zoomcamera ใกล้บ้านเพื่อนๆได้เช่นกันครับ สำหรับเพื่อนๆที่ตั้งตารอคอยรีวิว Olympus OM-D E-M1X สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ผ่านทาง Facebook ของ Zoomcamera หรือ Zoomcamera Channel ทาง Youtube ได้เช่นกันครับ

Leave a Reply

โค้ดลดสูงสุด

3,000

Happy Code Day 26-28 MAR

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save