Canon EOS 650D (EOS Kiss X6i) ใหม่จากแคนนอน
เปิดตัวมาด้วยความร้อนแรงพอสมควร สำหรับกล้อง D-SLR รุ่นกลาง ตัวล่าสุดจากแคนนอน ใช้ชื่อว่า Canon EOS 650D สำหรับบ้านเรา Canon EOS Kiss X6i สำหรับสเปคญี่ปุ่น และ Rebel T4i สำหรับฝั่งอเมริกา ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการทำงานที่ก้าวหน้ามากขึ้น อาทิ จอมอนิเตอร์ระบบสัมผัส แบบปรับหมุนได้รอบ ระบบควบคุมแฟลชไร้สายรองรับกับระบบแฟลชไร้สายใหม่แบบ Radio ที่สามารถควบคุมได้จากแฟลชป๊อบอัพบนตัวกล้อง
ฟังก์ชั่นการทำงานที่โดดเด่นของ Canon EOS 650D
- เซ็นเซอร์ Hybrid CMOS ขนาด APS-C
- ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล
- ระบบโฟกัสเมื่อใช้ Live View และ Video เป็นแบบ Phase detection AF
- หน่วยประมวลผล DIGIC 5 14-bit
- ความไวแสง ISO 100-12800 ปรับเพิ่มได้ถึง ISO 25600
- ถ่ายภาพต่อเนื่อง 5 ภาพต่อวินาที
- จุดโฟกัส 9 AF point ทั้งหมดเป็น cross type
- ระบบวัดแสง iFCL แบ่งออกเป็น 63 โซน
- บันทึกวิดีโอ 1080p 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมบันทึกเสียง stereo sound
- จอมอนิเตอร์ ClearView II LCD ขนาด 3 นิ้ว 1.04 ล้านพิกเซล แบบ touch-sensitive vari-angle
Canon EOS 650D ใช้เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล effective ซึ่งแคนนอนเรียกเซ็นเซอร์ใหม่นี้ว่าเป็นแบบ Hybrid CMOS ซึ่งช่วยให้ได้ไฟล์ภาพที่ละเอียด และคุณภาพสูงมากขึ้นกว่าเดิม มีการถ่ายทอดรายละเอียดและสีสันได้ครบถ้วน และถูกต้องแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย โดยไม่ใช้แฟลช เพื่อเก็บบรรยากาศภายใต้แสงธรรมชาติ และใช้หน่วยประมวลผลใหม่ DIGIC 5 เช่นเดียวกับ Canon PowerShot G1X หรือ PowerShot S100 และเป็น D-SLR ตัวแรกที่ใช้หน่วยประมวลผลใหม่นี้ ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง และพัฒนาการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้กล้องตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว และให้ไฟล์ภาพคุณภาพสูง เก็บรายละเอียดในส่วนต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
Canon EOS 650D ยังคงใช้จอมอนิเตอร์แบบปรับหมุนได้หลายทิศทางเช่นเดียวกับ Canon EOS 600D แต่พิเศษกว่าตรงที่เพิ่มระบบการควบคุมการทำงานแบบสัมผัสหน้าจอมอนิเตอร์เข้ามา ซึ่งเป็นกล้อง D-SLR ตัวแรกของแคนนอนที่ใช้ระบบควบคุมการทำงานแบบสัมผัสหน้าจอมอนิเตอร์ เช่น การแตะเพิ่มซูมภาพ หรือการลากนิ้ว เพื่อเปิดชมภาพถัดไป เป็นต้น และคงจะถูกใจคอสมาร์ทโฟน ที่ชอบการแตะๆ จิ้มๆ หน้าจอกันพอสมควรเลยทีเดียว โดยจอมอนิเตอร์มีขนาด 3 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1.04 ล้านพิกเซล
สำหรับการควบคุมระบบสัมผัสของ Canon EOS 650D สามารถปรับควบคุมได้คล้ายๆ กับรูปแบบเดิม โดยเรียกเมนูการทำงานให้โชว์ที่จอมอนิเตอร์ด้วยปุ่ม Q ที่ด้านหลังตัวกล้อง จากนั้น แตะที่เมนูหรือค่าที่ต้องการเลือก และใช้แป้นปรับควบคุมแบบ 4 ทิศทาง หรือแป้นควบคุมด้านหน้า เพื่อเลือกค่าที่ต้องการ หรือแตะที่เมนูนั้นๆ ที่โชว์ที่ริมด้านล่างของจอมอนิเตอร์ เพื่อเข้าสู่เมนูการปรับตั้งก็ได้ และสำหรับการถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอผ่านการแสดงผลแบบ Live View ก็สามารถแตะที่ไอคอนเมนูที่ต้องการปรับแก้ได้โดยตรงเช่นเดียวกัน ซึ่งช่วยให้การปรับควบคุมการทำงานต่างๆ สะดวกมากขึ้น ลดการสั่นไหวของตัวกล้อง เมื่อต้องหมุนแป้นหรับปรับปุ่มต่างๆ ไปได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้ที่ใช้โหมด M หรือ AV ที่จะต้องปรับควบคุมขนาดของรูรับแสงด้วยตนเองก็สามารถแตะที่จอมอนิเตอร์ตรงตำแหน่งของสเกลรูรับแสง โดยกล้องจะโชว์ขนาดรูรับแสงของเลนส์ที่ใช่งานอยู่ในขณะนั้น แล้วก็ลากนิ้วไปด้านซ้ายหรือขวา เพื่อเลือกปรับรูรับแสงกว้างหรือแคบได้ตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นการออกแบบให้ใช้งานได้สะดวกมากทีเดียว และถ้าหากว่าต้องการปรับควบคุมแบบเดิม ก็สามารถปิดการทำงานของระบบสัมผัสจากเมนูการทำงานได้เช่นเดียวกัน
Canon EOS 650D มีโหมดบันทึกภาพให้ใช้งานได้ครบครันเช่นเดิมทั้งโหมดถ่ายภาพนิ่ง และโหมดวิดีโอ ซึ่งสามารถตัดต่อวิดีโอได้ในตัวกล้อง เช่นเดียวกับกล้อง EOS รุ่นอื่นๆ ที่สามารถบันทึกวิดีโอได้ โดยโหมดหลักๆ ยังคงเป็นโหมด P, AV, TV และ M เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับควบคุมการทำงานของกล้องด้วยตนเองทั้งหมด ส่วนมือใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งานสามารถเลือกใช้โหมดออโต้และโปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ อาทิ โหมด CA ที่สามารถปรับเปลี่ยนค่าการทำงานบางอย่างจากค่า Default ของกล้องได้ หรือ A+ ซึ่งกล้องจะประเมินรูปแบบภาพให้อัตโนมัติ และปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ให้อย่างเหมาะสม โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องพะวงว่าจะปรับตั้งค่ากล้องได้ถูกต้องหรือไม่ ช่วยให้ได้ภาพที่สวยงามอย่างง่ายดาย และ Scene Mode แบบต่างๆ ตามรูปแบบภาพที่ต้องการ สำหรับโหมดบันทึกวิดีโอที่เคยอยู่ที่ตำแหน่งบนแป้นหรับโหมดถ่ายภาพถูกย้ายมาอยู่ที่ก้านสวิทช์เปิด-ปิดการทำงานแทน โดยแบ่งออกเป็น 3 จังหวะ คือปิดการทำงาน ดันสวิทช์ไปข้างหน้าคือเปิดการทำงาน และดันสวิทช์ไปข้างหน้าจนสุด จะเป็นการเลือกโหมดบันทึกวิดีโอ ซึ่งแสดงเป็นสัญลักษณ์ให้เข้าใจได้ง่าย
Canon EOS 650D ได้รับการปรับปรุงระบบออโต้โฟกัสใหม่ ให้มีความรวดเร็วมากขึ้น ตอบสนองการทำงานได้ฉับไว โดยใช้จุดโฟกัส 9 จุด และทั้งหมดเป็นแบบ Cross-type ดังนั้นจึงตอบสนองการโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ ยังสามารถแตะเพื่อโฟกัสได้จากจอมอนิเตอร์ ซึ่งให้ความสะดวกและรวดเร็วในการใช้งานมากขึ้น หรือจะเลือกใช้ Touch Shutter เพื่อให้กล้องปรับโฟกัสพร้อมๆ กับการคำนวณค่าแสงในตำแหน่งที่ต้องการและลั่นชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพได้เลยทันที
นอกจากนี้ Canon EOS 650D ยังมีระบบโฟกัสแบบ Movie Servo AF สำหรับการบันทึกวิดีโอ ซึ่งกล้องจะปรับโฟกัสให้อัตโนมัติตลอดเวลาที่บันทึก เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ภาพที่คมชัดตามที่ต้องการได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังโฟกัสติดตามซับเจคต์อัตโนมัติ เมื่อมีการเคลื่อนที่
สำหรับฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ ของ Canon EOS 650D อาทิ ไวท์บาลานซ์ปรับเลือกการใช้งานได้แบบออโต้ ซึ่งกล้องจะคำนวณให้อย่างเหมาะสม และผู้ใช้ปรับตั้งเองตามไสภาพแสงในขณะนั้น ส่วน Picture Style ยังคงมีให้ใช้งานได้ครบครันเช่นเดียวกับกล้อง EOS รุ่นอื่นๆ และผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้ด้วยตนเองจากซอฟท์แวร์ Picture Style Editor และบันทึกไว้เป็นค่าเฉพาะของคุณเอง
นอกจากฟังก์ชั่นการทำงานที่โดดเด่นต่างๆ แล้ว Canon EOS 650D ยังมาพร้อมกับเลนส์ใหม่อีก 2 รุ่นคือ EF-S 18-135mm F3.5-5.6 IS STM ซึ่งเป็นเลนส์ซูมอเนกประสงค์สำหรับกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ APS-C ที่มีระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวด้วย และเลนส์ EF 40mm f/2.8 STM เลนส์มาตรฐานที่มีความบางเป็นพิเศษ หรือที่เรียกกันติดปากว่าเลนส์ Pancake นั่นเอง สำหรับกล้อง Fullframe และกล้อง EOS ที่ใช้ฟิล์ม เลนส์ทั้งสองรุ่นใช้มอเตอร์โฟกัสใหม่แบบ STM หรือ Stepping Motor ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการออกแบบระบบโฟกัสใหม่ ให้ตอบสนองการทำงานที่รวดเร็วแม่นยำ เงียบและโฟกัสได้อย่างนุ่มนวล โดยเฉพาะเมื่อบันทึกวิดีโอด้วยฟังก์ชั่น Movie Servo AF
Canon EOS 650D ยังรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมอย่าง GP-E2 ซึ่งเป็น GPS Receiver ทำให้สามารถบันทึกพิกัดของภาพถ่ายลงใน EXIF ของภาพ ซึ่งช่วยให้ตรวจเช็กในภายหลังได้ว่าภาพนั้นๆ ถูกบันทึกมาจากส่วนใดของโลก ข้อมูลภาพถ่ายและวิดีโอจัดเก็บด้วยเมมโมรี่การ์ดแบบ SD, SDHC และ SDXC card แหล่งพลังงานได้จากแบตเตอรี่ Lithium-Ion LP-E8 บันทึกภาพได้ประมาณ 440 ภาพต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐาน CIPA) ตัวกล้องมีขนาด 133 x 100 x 79 มม. น้ำหนัก 575 กรัม (รวมแบตเตอรี่)