ช่วงนี้ผู้เขียนโดนถามบ่อยมากเลยว่า Olympus OM-D E-M10 Mark II รุ่นใหม่มันต่างจากรุ่นเดิมอย่างไรบ้าง จะตอบทีละคนก็ลำบากเอาเป็นว่าอ่านบทความกันเลยก็แล้วกันนะครับ ฮ่าๆ
Camera | OM-D E-M10 Mark II | OM-D E-M10 | OM-D E-M5 Mark II |
Sensor | 16.1 MP | 16.1 MP | 16.1 MP |
Processor | TruePic VII | TruePic VII | TruePic VII |
ISO (ขยายได้ถึง 100) | 200-25600 | 200-25600 | 200-25600 |
Burst rate | 8.5fps | 8fps | 10fps |
Image stabilization | 5 แกน (4 สตอป) | 3 แกน (3 สตอป) | 5 แกน (5 สตอป) |
Mechanical shutter | 1/4000 | 1/4000 | 1/8000 |
Electronic shutter | 1/16000 | ไม่มี | 1/16000 |
Screen type | Tilting | Tilting | Variable-angle |
Screen size | 3 นิ้ว | 3 นิ้ว | 3 นิ้ว |
Screen resolution | 1,040,000 | 1,037,000 | 1,037,000 |
EVF resolution | 2,360,000 | 1,440,000 | 2,360,000 |
EVF size | 1.23× | 1.15× | 1.48× |
AF Targeting Pad | มี | ไม่มี | ไม่มี |
Built-in flash | มี | มี | ไม่มี |
Video resolution | 1080/60p/30p/24p | 1080/30p | 1080/60p/30p/24p |
4K time-lapse | มี | ไม่มี | ไม่มี |
Weather-sealing | ไม่มี | ไม่มี | มี |
Live composite | มี | มี | มี |
Microphone Jack | ไม่มี | ไม่มี | มี |
Wi-Fi | มี | มี | มี |
Battery | BLS-50 | BLS-5(BLS-50) | BLN-1 |
Battery life | 320 ภาพ | 320 ภาพ | 310 ภาพ |
Weight | 390 กรัม | 396 กรัม | 469 กรัม |
เซนเซอร์ของ Olympus OM-D E-M10 Mark II ขอเรียกว่าเป็นเซนเซอร์ในตำนานเพราะเป็น 16 ล้านพิกเซลตัวเดิมที่ใช้กันมาเนิ่นนานเหลือเกิน ถึงแม้ว่าคุณภาพของมันจะไม่ได้แย่อะไรแต่นานๆทีก็อยากจะเห็นอะไรใหม่ๆบ้างนะคร้าบบ Olympus รวมถึงชิปประมวลผลก็ยังคงเป็น TruePic VIII ตัวเดิม จากสองอย่างนี้ทำให้เราพอจะเดาได้ว่าไฟล์ภาพน่าจะเหมือนกับ E-M5 Mark II และ E-M10 เดิม แต่ก็ไม่แน่ครับเพระา Olympus ไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเหมือนกัน 100% หรือไม่ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านซอฟต์แวร์ภายในก็ได้
ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องย้ายไปอยู่ด้านบนซ้ายซึ่งโดยส่วนตัวผมไม่ชอบเท่าไหร่นักเพราะการเปิดต้องใช้มือซ้ายขยับไปเลื่อนเปิดไม่รวดเร็วเหมือนตอนอยู่ด้านขวาซึ่งใกล้มือ แต่มองในแง่ดีมันก็ช่วยลดโอกาสที่มือจะไปโดนโดยไม่ตั้งใจได้ สวิตช์เปิด-ปิดนี้มีคำพูดกันขำๆว่า”ถ้าคุณเกิดทันคุณจะต้องรู้สึกคุ้นเคยกับมันบ้างแน่นอน”น่าเสียดายที่ผู้เขียนเกิดไม่ทันจึงรู้สึกแค่มันเหมือนสวิตช์เปิดพัดลมสมัยก่อนเท่านั้น ฮ่าๆ แต่จริงๆแล้ว Olympus น่าจะจงใจออกแบบให้ดูคล้ายกับสวิตช์เปิด-ปิดของ Olympus OM-1 ตำนานของ OM Series จากปี 1972
และเมื่อเราเลื่อนสวิตช์ต่อไป(หลังจากเปิดเครื่องแล้ว)ก็จะเป็นการเปิดแฟลช pop-up ที่ซ่อนตัวได้แนบเนียนอยู่ใต้กระโหลกกล้อง มี Guide Number 5.8 ที่ ISO 100 และสามารถใช้สั่งงานแฟลชไร้สายผ่าน Olympus RC system
ช่องมองภาพ EVF รุ่นนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นและความละเอียดเพิ่มขึ้นมากจาก 1,440,000 เป็น 2,360,000 พิกเซล เท่ากับรุ่น E-M5 II และ E-M1 เลยครับเพียงแต่ขนาดยังเล็กกว่า และมีการเปลี่ยนจากจอแบบ LCD ใน E-M10 เป็น LED ซึ่งตามปกติแล้วก็จะให้สีสันที่ดีกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า LCD นอกจากนี้ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อ Simulated OVF ที่จะช่วยเพิ่ม Dynamic Rage ของภาพที่เรามองใน EVF เพื่อให้ดูคล้ายกับการมองจาก OVF(Optical Viewfinder) มากขึ้น
ระบบกันสั่น 5 แกน!
Olympus ได้ใส่ระบบกันสั่น 5 แกนให้กับ OM-D E-M10 Mark II ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนนั้นจะเป็นระบบกันสั่นแค่ 3 แกน แต่ถึงจะใหม่แต่ระบบกันสั่น 5 แกนนี้ไม่ใช่ตัวเดียวกับที่อยู่ใน E-M5 Mark II นะครับ ของ E-M5 Mark II จะดีกว่า โดยใน E-M10 II สามารถลดการสั่นไหวได้ 4 สตอปในขณะที่ E-M5 II ทำได้ 5 สตอป(ทดสอบมาตราฐาน CIPA)
Electronic shutter
E-M10 Mark II ได้เพิ่มระบบอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์แบบเต็มรูปแบบมาให้(ใน E-M10 ไม่มี)ทำให้สามารถทำความเร็วชัตเตอร์ได้สูงสุดถึง 1/16000 วินาที และที่เป็นของแถมมาให้คือชัตเตอร์ที่”ไร้เสียง”เงียบสนิทเหมาะแก่การถ่ายภาพในสถานที่ๆเสียงอาจก่อการรบกวนหรือในเวลาที่เราอยากแอบถ่ายโดยไม่ให้แบบรู้ตัว ณ ตอนนี้รุ่นที่มีชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์มีแค่ E-M10 II และ E-M5 II เท่านั้นครับ แม้แต่รุ่นใหญ่สุดอย่าง E-M1 เองก็ไม่มี
Video ทัดเทียม E-M5 Mark II
E-M10 Mark II ถูกเพิ่มความสามารถด้านวิดีโอให้เท่ากับ E-M5 Mark II ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด Full HD 1080p ได้ที่เฟรมเรต 60fps พร้อมตัวเลือกการบันทึกแบบ All-Intra ที่ไม่มีการบีบอัดข้อมูลระหว่างเฟรมภาพ แต่น่าเสียดายที่ E-M10 Mark II ไม่มีช่องสำหรับต่อไมโครโฟนภายนอก เป็นจุดที่ทำให้ E-M5 Mark II ยังคงเหนือกว่า
ฟีเจอร์ต่างๆ
- 4K Time-Lapse – เป็นโหมดให้เราตั้งหน่วงเวลาถ่ายภาพและกล้องจะนำภาพไปรวมเป็นวิดีโอความละเอียด 4K ให้เราเลย แต่! 4K มีเฟรมเรตแค่ 5fps เท่านั้นครับ ส่วนตัวผู้เขียนลองหาวิดีโอดูแล้วรู้สึกมันดูละขัดใจมากๆเพราะภาพไม่ไหลลื่น แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถนำภาพที่ถ่ายมาทำต่อเองในคอมฯในภายหลังได้ครับเพราะงั้นคิดซะว่าฟังก์ชันที่กล้องรวมเป็นวิดีโอให้เป็นของแถมก็แล้วกันครับ ในกล้องสามารถตั้งลดความละเอียดเป็น Full HD ได้ครับโดยจะได้ไฟล์วิดีโอ Time-Lapse 15fps
- Live Composite – ชอบถ่ายดาว ถ่ายไฟ ถ่ายพลุ และโดยเฉพาะถ่ายฟ้าผ่าห้ามพลาดเด็ดขาด! ลองไปอ่านบทความได้ที่ :
- Focus Bracketing – ฟีเจอร์นี้ทำเพื่อเอาใจคนชอบมาโครเลยครับ ถ้าใช้ฟีเจอร์นี้เมื่อเรากดชัตเตอร์กล้องจะถ่ายภาพต่อเนื่องพร้อมๆกับปรับระยะโฟกัสไปเรื่อยๆเพื่อให้เราได้ภาพหลายภาพที่มีระยะชัดต่างตำแหน่งกัน หลังจากนี้เราสามารถนำภาพไปทำต่อในโปรแกรมเพื่อรวมเป็นภาพเดียวที่มีระยะชัดกว้างมากๆได้
- Keystone Compensation – ใช้สำหรับแก้ Perspective distortion สามารถแก้ได้แบบสดๆก่อนจะถ่ายเลย
บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 28/09/2015