กราบสวัสดีเพื่อนๆที่ติดตาม Content ของ Zoomcamera ผ่านทางช่องทาง Facebook และ Youtube ด้วยนะครับ ช่วงนี้ต้องบอกว่ากระแสกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Sony A6400 นั้นได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นจากสาวกอารยธรรมก็ดี หรือ แม้แต่เหล่า Content Creator , Blogger เองก็เช่นกัน เพราะ Sony A6400 นั้น ถูกวาง Position ที่ออกมาตอบโจทย์งาน Video Content นั่นเองครับ แต่แน่นอนว่าเพื่อนๆน่าจะมีคำถามในใจว่า แล้ว Sony A6400 มีความแตกต่างจาก Sony A6300 และ Sony A6500 มากน้อยเพียงใด คุ้มค่าที่จะเลือกมาใช้งานแค่ไหน วันนี้ทีมงาน Zoomcamera มาสรุปแบบกระชับให้เพื่อนๆได้รับทราบกันครับใน ” เปรียบเทียบ : Sony A6400 vs A6300 vs A6500 ศึก 3 พี่น้อง “
*** เปรียบเทียบ : Sony A6400 vs A6300 vs A6500 ศึก 3 พี่น้อง ***
ขนาด & ดีไซน์
สำหรับ Sony A6400 ก็ยังคงคอนเซปกล้อง Mirrorless APS-C E-Mount ไว้ได้เป็นอย่างดี อันจะเห็นได้จากดีไซน์ซึ่งถ้าดูเพียงผิวเผิน และ/หรือ นำกล้องใน Series A6xxx มาวางเรียงกันอาจจะคิดว่าเป็นกล้องรุ่นเดียวกันก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งปุ่มต่างๆ , Hotshoe , Port เชื่อมต่อ และ/หรือ แบตเตอรี่ ที่เรียกได้ว่าเหมือนแทบทุกกระเบียดนิ้ว เลยครับ
ภาพหน้าตรง กรณีที่เพื่อนๆไม่เคยสัมผัสกล้อง Mirrorless จากค่าย Sony มาก่อน อาจจะมึนๆงงๆ กันก็เป็นได้ เพราะ ด้านหน้านั้น เหมือนกันแทบจะโคลนกันมาเลย
ภาพด้านบน อันนี้แหละที่เริ่มแตกต่าง จะเห็นว่าจำนวนปุ่ม FN ที่มีจำนวนไม่เท่ากัน , ตัวเลขกำกับรุ่นว่าเป็นรุ่นอะไร ซึ่ง ตัวอักษรสีขาว ไม่แน่ใจว่าใช้งานไปนานๆจะเลือนหายหรือเปล่านะครับ
ภาพด้านหลัง ปุ่มควบคุมต่างๆ ทั้ง Joy Wheel , ปุ่ม FN แทบจะอยู่ตำแหน่งเดิมกันหมดเลยครับ ซึ่งถ้าใครเคยผ่านการใช้งาน Sony A6xxx ก็แทบจะไม่ต้องปรับตัวเลยครับ
จอ LCD & ระบบ Touchscreen
แม้รอบๆตัว Body ของ Sony A6300 , Sony A6400 และ Sony A6500 จะมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมากก็ตามที แต่ในส่วนของจอ LCD นั้นมีความแตกต่างอยู่บ้างครับ โดยที่ว่าเจ้า Sony A6300 , Sony A6400 และ Sony A6500 มาพร้อมกับจอ LCD ที่สามารถ Tilt ได้ แต่พิเศษสำหรับ Sony A6400 นอกเหนือจาก Tilt ได้แลว้ ยังสามารถที่จะ Flip ขึ้นด้านบนได้ โดยการ Flip นั้น สามารถพลิกแพลงการใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ Selfie , Video VLOG เป็นต้น ถือว่ารอบนี้ Sony ทำการบ้านออกมาได้เป็นอย่างดีครับ
นอกเหนือจาก LCD ที่มีความแตกต่างกันแล้ว ตัวจอ LCD นั้นก็รองรับระบบ Touchscreen เช่นกันครับ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามสมัยนิยม ประกอบกับตอบสนองผู้ใช้งานกล้อง Mirrorless เป็นครั้งแรกที่อาจจะชินกับการใช้งานแบบ Smartphone นั่นเองครับ แต่ทั้งนี้ระบบ Touchscreen นั้น รองรับเฉพาะกับการเลือกจุด Focus และ ทัช Focus นะครับ ยังไม่สามารถ Touch เพื่อเลือกเมนูต่างๆได้ นอกจากนี้ระบบ Touchscreen รองรับเพียง Sony A6400 และ Sony A6500 เท่านั้นครับ โดยเจ้า Sony A6400 จะมีความ Smooth กว่าเล็กน้อยครับ
ระบบ Focus
ถ้าหากพูดถึงนวัตกรรมระบบ Focus แล้ว เชื่อว่าค่าย Sony เป็นอีกค่ายที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อบรรจุลงในกล้องได้เป็นอันดับต้นๆของวงการครับ แน่นอนว่าเทคโนโลยีเรื่องระบบ Focus ก็เป็นอีก 1 เรื่องที่ผู้ใช้งานต่างกล่าวขวัญถึง โดยเฉพาะระบบ Focus แบบ Hybrid ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Phase Detection และ Contrast Detection ที่เพิ่มอัตราความแม่นยำ ความไวในการค้นหา Focus ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังมี Killer Feature อย่าง Eye AF หรือ การ Focus ดวงตา ที่ดูผิวเผินอาจจะคลา้ยคลึงกับ Face Detection แต่กับค่าย Sony นั้น Eye AF ทำงานได้ทั้ง AF-S , AF-C ทั้งในภาพนิ่ง และ Video ที่มีความไว เกาะติดแบบแน่นหนึบมาก ชนิดที่ต้องยกฉายาให้เป็น Eye AF ฉิกยิ่งกว่าเมียครับ
แน่นอนว่าการมาของ Sony A6400 นั้น หากเทียบกับ Sony A6300 และ Sony A6500 ดูจะโดดเด่นอีกไปอีกระดับ แม้จะเป็น Hybrid AF แต่ได้มีการปรับปรุงอัลกอริทึ่ม ทำให้มีความไวสูงสุดที่ 0.02 Sec. กันเลยครับ และ ยังพ่วงความสามารถใหม่อย่าง Always Eye AF และ Always Tracking หรือ แม้แต่การ Focus ดวงตาของสัตว์ ที่พร้อมจะเปิดประสบการณ์การถ่ายภาพอีกระดับ ที่จะไม่ให้คุณพลาดแม้เสี้ยววินาทีครับ
ระบบกันสั่นไหว
ระบบกันสั่นไหว หรือ Image Stabilization นั้น จัดว่าเป็นอีก Feature ที่กล้อง Mirrorless ในปัจจุบันต่างบรรจุลงมาในกล้องตั้งแต่ระดับกลางจนไปถึงระดับโปร ทั้งนี้ระบบกันสั่นจะช่วยอำนวยความสะดวกในการถ่ายภาพนิ่ง / Video ได้เป็นอย่างดี ยิ่งเวลาที่เราถือถ่ายด้วยแล้ว Image Stabilization ยิ่งส่งผลเป็นอย่างยิ่งครับ ทั้งนี้เจ้าระบบกันสั่นนั้น ส่วนมากเราจะรู้จักมันผ่านตัวเลนส์เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกับเลนส์ Zoom ที่มักจะมีความสามารถของ Image Stabilization เป็นส่วนใหญ่ นอกเหนือระบบกันสั่นที่ตัวเลนส์แล้ว ยังมีระบบกันสั่นภายใน Body ด้วยเช่นกันครับ ซึ่งเราจะคุ้นเคยกับคำว่า 5 Axis หรือ กันสั่น 5 แกน นั่นเองครับ
ความสามารถของกันสั่น 5 แกนนั้น จะช่วยลดอาการสั่นไหวของตัวกล้องได้สูงสุดที่ 5 Stops ด้วยกัน ( ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมอื่นๆด้วย ) และ ส่งผลเมื่อนำเลนส์ที่ไม่มีระบบกันสั่นไหวมาใช้งานร่วมกัน ก็จะได้รับอาณิสงค์นี้ไปโดยปริยายครับ พร้อมทั้งยังทำงานทั้งระบบภาพนิ่ง / Video ด้วยเช่นกันนั่นเอง แต่ทั้งนี้ ระบบกันสั่นไหวภายในตัวกล้องจะถูกบรรจุอยู่ใน Sony A6500 เท่านั้นครับ ( นับเฉพาะ APS-C E-Mount ) โดยที่เจ้า Sony A6300 และ น้องใหม่ Sony A6400 ต่างก็ไม่ได้ติดตั้งระบบกันสั่นเข้ามาภายในแต่อย่างใดครับ
งาน Video
กระแส Content Video หรือ VLOG เริ่มได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงไม่แปลกใจว่าในปัจจุบันจะมีบรรดาเหล่า Content Creator , Blogger เกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งกล้อง Mirrorless มีจุดเด่นที่มีขนาดเล็ก พกพาสะดวกด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สามารถถ่ายทำงาน Video ในลักษณะดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เจ้า Sony A6300 , Sony A6400 และ Sony A6500 ต่างก็พร้อมตอบโจทย์งาน Video อย่างแน่นอน รองรับทั้งการถ่าย Video ความละเอียดสูงอย่าง 4K และ Video FHD โดยรายละเอียดของ A6300 , Sony A6400 และ Sony A6500 จะแตกต่างกันเล็กน้อยครับ
Sony A6300 : รองรับการถ่าย Video 4K และ Video FHD ทั้งนี้การถ่าย Video 4K เป็นระยะเวลานาน อาจะส่งผลให้ตัวกล้องเกิดอาการ Heat หรือ ความร้อนขึ้นสูงได้ครับ ซึ่งเกิดเฉพาะกับเวลาที่ถ่าย Video 4K เท่านั้นครับ
Sony A6400 : แม้จะเป็นน้องเล็ก แต่ต้องบอกจัดเต็มเหมือนรุ่นพี่ เพราะ นอกเหนือจาก รองรับการถ่าย Video 4K และ Video FHD แล้ว การถ่าย Video FHD นั้นจะเป็นแบบ Unlimit หรือ ไม่จำกัดเวลานั่นเอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของกล้อง Sony APS-C E-Mount เลยครับ พร้อมทั้งตัวจอก็สามารถ Flip เพื่อตอบสนองงาน VLOG ได้เป็นอย่างดีครับ
Sony A6500 : รุ่นพี่ใหญ่สุดในตระกูล Sony A6xxx ครับ แน่นอนว่ารองรับทั้งการถ่าย Video 4K และ Video FHD แม้ว่าจะไม่ได้ Unlimit เหมือนน้องเล็ก Sony A6400 ก็ตามที แต่มาพร้อมกับระบบกันสั่นไหวอย่าง 5 Axis ที่จะช่วยลดการสั่นไหวภายในตัวกล้องทั้งงานภาพนิ่งและ Video ได้เป็นอย่างดีครับ
การเชื่อมต่อต่างๆ
ในยุค Social ครองเมืองแบบนี้ แน่นอนว่าทางค่ายกล้องต่างๆ ก็ต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มสาวที่ต้องการถ่ายภาพตนเองพร้อมทั้งสามารถอัพเดทลงในสื่อ Social ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งใน Sony A6300 , Sony A6400 และ Sony A6500 ก็มี Feature อย่าง WIFI ที่พร้อมอำนวยความสะดวกในการโอนข้อมูลรูปภาพไปยัง Smartphone ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ผู้ใช้งานจะต้อง Download Application อย่าง Remote app Play Memories Mobile ติดตั้งที่ Smartphone ก่อนด้วยนะครับ ที่สำคัญ Application ดังกล่าวฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ
Feature เฉพาะทาง
สำหรับหัวข้อนี้ต้องบอกว่า ทั้ง Sony A6300 , Sony A6400 หรือ Sony A6500 ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่ดูเหมือนว่าเจ้า Sony A6300 และ Sony A6500 ยังดูมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย คงจะเป็นในส่วนของ Application ที่เราสามารถเข้าไป Download เพิ่มเติมได้ใน Playmemory ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวม Application เสริมสำหรับติดตั้งในกล้อง Mirrorless ของค่าย Sony นั่นเอง ทั้งนี้ตัว Application เหล่านั้น มีทั้งแบบฟรี และ เสียเงินเพิ่ม โดยแต่ละ Application ก็มี Feature ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น Timelapse , Smooth Reflex , Star Trail เป็นต้น ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอีก Killer Feature ที่ทาง Sony ได้ทำการติดตั้งมาในกล้อง Mirrorless ค่าย Sony มาอย่างยาวนานครับ แน่นอนว่า Application เหล่านี้ พร้มอจะมอบประสบการณ์การถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆได้เป็นอย่างดี
แต่ทว่าการมาของ Sony A6400 นั้น ได้ถูกตัดในส่วน Application บน Playmemory ออกไปครับ ทำให้เราไม่สามารถหา Application มาเสริมความสามารถให้กับ Sony A6400 ได้เหมือนกับ Sony A6300 และ Sony A6500 ครับ แม้จะโดนตัดทอนออกไป แต่ทาง Sony ได้เพิ่มในส่วนของ Timelapse กลับเข้ามาในกล้องอีกครั้งครับ ซึ่งเดิมที Timelapse นั้นจะต้องทำการโหลดผ่าน Playmemory มาใช้งานในกล้องนั่นเอง โดย Timelapse ที่เพิ่มเข้ามาในกล้อง Sony A6400 นั้น เมื่อถ่ายเสร็จ ตัวกล้องจะไม่ได้รวมเป็น Clip ให้แต่อย่างใด จะต้องนำไฟล์เหล่านั้นไปทำการ Process ต่อเพิ่มเติมอีกครั้งครับ
แบตเตอรี่
แม้ว่าชาวอารยธรรม จะถูกอกถูกใจกับแบตเตอรี่ NP-FZ100 ที่มาพร้อมกับ Sony A7III / Sony A7RIII และ Sony A9 ซึ่งถือเป็นอีกก้าวที่ทาง Sony ได้ออกแบบแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และลบภาพลักษณ์เดิมๆของกล้อง Mirrorless ว่าแบตน้อย ไม่อึด ไม่ทน แต่กลับกันกล้อง Mirrorless ของ Sony ในซีรี่ของ A6xxx นั้น ยังคงใช้แบตเตอรี่รุ่นเดิม อย่าง NP-FW50 ที่เป็นแบตรุ่นบุกเบิกที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าประจุแบตนั้นยังน้อยกว่า NP-FZ100 อย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็น Sony A6300 , Sony A6400 หรือ Sony A6500 ต่างก็ใช้แบตเตอรี่รุ่นเดียวกัน จำนวนภาพที่ได้อาจจะ +/- แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ หรือ ปัจจัยแวดล้อม ด้วยนะครับ หากต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง แนะนำว่าควรพกแบตเตอรี่อย่างน้อย 1 – 3 ก้อน เพิ่มเติมไว้ด้วยนะครับ
ราคาวางจำหน่าย
แทบจะเป็นตัวเลือกลำดับแรกที่ผู้บริโภคอย่างเราๆมักจะพิจารณาก่อน Spec + Feature ด้วยซ้ำครับ ซึ่งหากพิจารณาราคาที่วางจำหน่าย ณ ปัจจุบันนี้ จะเห็น Sony A6300 จะถูกลดบทบาทลงเล็กน้อย โดยที่น้องใหม่ Sony A6400 จะเข้ามาแทรกกลางพอดี แต่ยังเว้นระยะห่างให้กับพี่ใหญ่อย่าง Sony A6500 อยู่นั่นเอง แน่นอนว่าหากเทียบเฉพาะราคาแล้ว ไล่ลำดับจากราคาถูกไปแพง ก็คงจะเป็น Sony A6300 >> Sony A6400 >> Sony A6500 ครับ
แต่ทว่า หากเราพิจารณาการเลือกกล้อง Mirrorless ให้เหมาะสมกับลักษณะงานแล้วนั้น ต้องบอกทั้ง Sony A6300 , Sony A6400 และ Sony A6500 ต่างก็ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป หากเพื่อนๆเน้นการใช้งานแบบมือใหม่เริ่มต้นใช้กล้อง Mirrorless ละก็ Sony A6300 ก็เพียงพอต่อการใช้งานละครับ กลับกันหากต้องการความสดใหม่ของ Feature ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Focus , จอ Flip หรือ เน้นใช้งานด้าน Content Creator ละก็ เจ้า Sony A6400 ก็พร้อมตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเพื่อนๆต้องการ Spec + Feature ที่เป็นที่สุดของ Sony A6xxx Series โดยไม่ได้สนใจเรื่องเทคโนโลยีใหม่ และ/หรือ จอ Flip แต่ให้ความสำคัญในเรื่องระบบกันสั่นภายในตัวกล้องละก็ เจ้า Sony A6500 ก็เป็นคำตอบที่น่าสนใจครับ
*** สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทาง Online ***
Sony A6300 ( Body Set ) >> Click
Sony A6300 ( Kit Set ) >> Click
Sony A6400 ( Kit Set ) >> Click
Sony A6500 ( Body Set ) >> Click
เตรียมพบกับมหกรรมงานกล้องถ่ายภาพและอุปกรณ์ถ่ายภาพ
ที่มีให้คุณเลือกมากที่สุด ต้อนรับต้นปี 2019
ZoomCamera Fair ครั้งที่ 9 ประจำปี 2019
วันที่ 13-19 มีนาคม 2562
เวลา 10.00 – 21.00 น.
ณ บริเวณลานกิจกรรมชั้น M ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย (ติดกับสถานี BTS เอกมัย)
>> อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ZoomCamera Fair 9 <<
*** สอบถามเพิ่มเติม ***
inbox : http://www.facebook.com/messages/zoomcamera
02-635-2330 ต่อ 0 / 083-067-7677 (หยุดวันอาทิตย์)
สาขาสีลม 02-635-2330-1 / 080-271-2772
สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 02-951-8597 / 085-937-0123
สาขาเมกาบางนา 02-105-1926 / 086-554-1919
สาขาเดอะมอลล์บางแค 02-454-9598 / 084-033-0498
สาขาฟอร์จูนทาวน์ 02-642-1291 / 083-068-2775
สาขา Central Festival เชียงใหม่ 052-068-787 / 096-878-4896
สาขา Central Westgate 02-060-4362 / 097-063-4328
สาขา Central Festival หาดใหญ่ 095-702-7585
บทความนี้เขียนเมื่อ วันที่ 06/03/2019