เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหาที่ฟิลเตอร์และเลนส์รักกันปานจะกลืนกินจนไม่สามารถจะแยกทั้งสองออกจากกันได้ ทำให้ช่างภาพอย่างเราๆปวดหัวกระจนกระวายใจไปมากมาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ปัญหาเหล่านี้มักจะเกิดจากการที่หน้าเลนส์(ที่สวมฟิลเตอร์อยู่)ตกหรือไปกระแทกกับอะไรบางอย่างเข้าจนฟิลเตอร์แตกหรือขอบบิดเบี้ยวผิดรูป หรือบางครั้งก็เกิดจากตอนที่ผู้ใช้เองหมุนฟิลเตอร์ปีนเกลียวทำให้ฟิลเตอร์ติดแน่นและไม่สามารถถอดออกมาได้ในที่สุด วันนี้เราพามาดูวิธีแยกคู่รักทั้งสองนี้ออกจากกันๆครับ โดยบทความนี้ถูกโพสโดยนาย Jaron Schneider ครับ โดยเจ้าตัวได้ทำการสอบถามไปยังทาง Canon Support และทางนั้นก็ได้ให้วิธีการถอดฟิลเตอร์ที่ติดเลนส์มาตามนี้เลยครับ ส่วนวิธีการอาจจะเสียวถึงสยองเล็กน้อย ใครจะลองทำตามไปพร้อมกันก็ไปเตรียมอุปกรณ์มาเลยจ้าา 1. ใช้เลื่อยตัดขอบของฟิลเตอร์ลงไปให้ถึงระดับกระจกฟิลเตอร์เลยครับ 2.ใช้ฆ้อน”ค่อยๆ”เคาะฟิลเตอร์ให้แตก(อย่าเคาะโป้ง!! เข้าไปล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเลนส์แตกแทน ฮ่า ฮ่า) 3.เอาเศษฟิลเตอร์ที่แตกออก 4.เป่าเศษแก้วและฝุ่นเหล็กทั้งหลายออกให้หมด แล้วใช้คีมบีบขอบฟิลเตอร์เข้า(ในทิศทางเข้าหาศูนย์กลางของตัวฟิลเตอร์) 5.เสร็จแล้วก็ใช้คีมคีบฟิลเตอร์ออกมาจากหน้าเลนส์เป็นอันเสร็จพิธี 6.เป่าเศษแก้วและฝุ่นผงเหล็กต่างๆออกให้หมดอีกครั้ง แล้วใส่ฟิลเตอร์ตัวใหม่เข้าไป source fstopper
แนะนำเว็บ Camerasim.com สำหรับฝึกถ่ายภาพ
วันนี้ผมมีเว็บไซต์ที่น่าสนใจเว็บหนึ่งมาแนะนำให้กับท่านผู้อ่านทุกท่านครับ ก็คือเว็บ camerasim.com นั่นเองงง ซึ่งประโยชน์ของเว็บนี้คือ มันมีโปรแกรม Simulator ที่จำลองการถ่ายภาพโดยใช้ DSLR ให้เราได้ฝึกถ่ายภาพโดยใช้กล้อง DSLR โดยที่เราไม่ต้องไปจับกล้องจริงๆเลย สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดใช้ DSLR แต่ไม่มีเวลาออกไปถ่ายภาพ หรือคนที่กำลังคิดจะถ่ายภาพโดยใช้โหมดแมนนวล เว็บนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว เพราะตัวโปรแกรม Simulator สามารถจำลองการใช้งานต่างๆและผลภาพที่ได้ ออกมาใกล้เคียงกับหลักความเป็นจริงค่อนข้างมาก ทำให้เราสามารถเริ่มต้นศึกษาหลักการถ่ายภาพต่างๆจากเว็บนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ยังไงการเรียนรู้ที่ดีที่สุดก็คือการออกไปลองถ่ายของจริงด้วยตัวเองนะจ๊ะ ^__^ หน้าตาของเว็บเมื่อเข้าไปก็จะเจอหน้าตาอย่างทีเห็นในภาพด้านบน 2 ภาพที่ผ่านมานั่นเอง เดี๋ยวเราจะมาค่อยๆดูกันไปทีละส่วนละกัน มาเริ่มกันเลย… CameraSim มี App สำหรับ
ไปถ่ายภาพสัตว์ป่ากันเถอะ
ไปถ่ายภาพสัตว์ป่ากันเถอะ เห็นจั่วหัวบทความ หลายๆ คนอาจจะส่ายหน้า ไม่มีเวลามากพอบ้างล่ะ สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยบ้างล่ะ ไม่มีซูเปอร์เทเลโฟโต้บ้างล่ะ แต่สำหรับทริปนี้ แค่ครึ่งวันกับเลนส์เทเลยาวสุดประมาณ 200-300 มม. ก็พอครับ หรือจะใช้คอมแพค Super Zoom ก็ได้นะครับ ว่าแล้วก็ไปกันเลยครับ เจอกันที่เขาดินนะครับ สำหรับมือสมัครเล่นอย่างเราๆ ท่านๆ ก็คงต้องไปซ้อมมือที่สวนสัตว์แบบนี้ล่ะครับ การถ่ายภาพสัตว์ป่าในสวนสัตว์ เป็นการฝึกหัดถ่ายภาพที่สะดวกและง่ายดายมาก เพราะสัตว์ป่าเหล่านั้นเชื่องและไม่ระแวง หรือไม่ตื่นตกใจง่ายๆ เหมือนกับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ รวมทั้งอุปกรณ์ที่เพียงพอจึงจะได้ภาพตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ถ่ายภาพสัตว์ที่หายาก หรือพบตัวได้ยากตามธรรมชาติจริงๆ อีกด้วย
แฟลชลบเงาสะท้อน แฟลชลบฉากหลังรกรุงรัง
แฟลชลบเงาสะท้อน แฟลชลบฉากหลังรกรุงรัง หลายๆ ครั้งที่ถ่ายภาพสิ่งของที่อยู่ในตู้โชว์ หรือถ่ายภาพผ่านกระจก มักจะเจอกับปัญหาเงาสะท้อนจากกระจก ซึ่งหลายๆ ครั้งก็สามารถใช้ CPL ตัดได้ แต่หลายๆ ครั้งก็ไม่สามารถตัดได้หมด ลองใช้วิธีนี้ดูครับ เวลาที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ปรับโหมดถ่ายภาพเป็นโหมดแมนนวล หรือ M ลองวัดแสงดูว่าปกติได้ความเร็วชัตเตอร์เท่าไหร่ รูรับแสงเท่าไหร่ จากนั้นก็ปรับค่าวัดแสงให้อันเดอร์ประมาณ 4-5 สตอป ปรับได้ทั้งความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสง จากนั้นก็เปิดแฟลช ซึ่งปกติก็ใช้เป็น TTL อยู่แล้ว ถ้าภาพมืดไปก็ชดเชยแสงแฟลชเพิ่ม หรือถ้าภาพสว่างเกินไปก็ชดเชยแสงแฟลชลดลง ภาพนี้วัดแสงปกติ ได้ชัตเตอร์ 1/125 วินาที f4 จะเห็นว่ามีเงาสะท้อนเต็มไปหมด เมื่อลองใช้ C-PL
ถ่ายภาพไฟกลางคืน
ถ่ายภาพไฟกลางคืน ใกล้ๆ ปีใหม่แล้ว หลายๆ ตามอาคารบ้านเรือน หลายๆ สถานที่ต่างก็ประดับประดาไฟแสงสีต่างๆ สวยงามมากทีเดียว แถมอากาศเป็นใจไม่มีฝนมารบกวน ให้หงุดหงิด ว่าแล้วก็ไปถ่ายภาพไฟกลางคืนกันดีกว่าครับ การถ่ายภาพไฟกลางคืน จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมที่สำคุญคือ ขาตั้งกล้อง และสายลั่นชัตเตอร์ หรือรีโมทสำหรับกดชัตเตอร์ ซึ่งทั้งสองจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ได้ภาพที่คมชัด เพราะการถ่ายภาพกลางคืนจำเป็นที่จะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ ดังนั้นโอกาสสั่นไหวมีแน่ๆ ครับ ส่วนเลนส์ช่วงมุมกว้างจะเหมาะมากกว่าครับ แล้วก็อย่าลืมชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มล่ะครับ ถ้ามีสำรองด้วยยิ่งดี เมื่ออุปกรณ์พร้อมแล้วก็ไปกันเลยครับ การปรับตั้งกล้องสำหรับถ่ายภาพกลางคืนนั้น ควรใช้รูรับแสงแคบๆ เช่น f/8-16 เพื่อควบคุมระยะชัดลึกให้เพียงพอกับบรรยากาศที่ต้องการ รวมทั้งยังทำให้ดวงไฟที่เป็นจุดๆ เกิดประกายแฉกสวยงามด้วย ความไวแสงตั้งไว้ที่ค่าต่ำสุดที่กล้องปรับได้ ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ ISO