Fujifilm X-T10

เป็นน้องใหม่คนล่าสุดในตระกูล X-Series โดยวางตัวอยู่ระหว่าง X-T1 และ X-E2 ออกแบบมาให้มีขนาดเล็กพกพาสะดวกแต่กลับใส่สเปคมาสูงพอๆกับรุ่นใหญ่อย่าง X-T1 ในราคาที่สบายกระเป๋ากว่ามากๆ ตอนนี้ X-T10 จึงเลยกลายเป็นอีกรุ่นที่มีคนรอคอยกันมากเลยทีเดียว ในบทความนี้เนื่องจากเป็น First Impressions เราจะยังไม่ลงลึกกันมากนักนะครับแต่ผมจะมาบอกเล่าประสบการณ์จากการจับครั้งแรกให้ฟังกัน

ราคาเปิดตัว Fujifilm X-T10

X-T10 Body ราคา 26,990 บาท
X-T10+16-50mm II ราคา 31,990 บาท
X-T10+18-55mm ราคา 38,990 บาท
X-T10+16-50mm II+Instax Share ราคา 35,990 บาท
X-T10+16-50mm II+50-230mm II ราคา 38,990 บาท

Fujifilm X-T10 Specification

เซนเซอร์ APS-C X-Trans CMOS II ความละเอียด 16.3 ล้านพิกเซล
ISO200-6400 ขยายเพิ่มได้เป็น 100-51200(สำหรับไฟล์ภาพ JPEG เท่านั้น)
ชิปประมวลผล EXR Processor II
ระบบ Autofocus แบบ Phase Detect และ Contrast Detect
จุดโฟกัส 49 จุดและเพิ่มเป็น 77 จุดเมื่อใช้โหมดแบบใหม่ Zone, Wide/Tracking
ถ่ายภาพต่อเนื่อง 8 ภาพต่อวินาทีพร้อมโฟกัสต่อเนื่องตลอด
ความเร็วชัตเตอร์แบบกลไกสูงสุด 1/4000 วินาที
ความเร็วชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สูงสุด 1/32000 วินาที
จอแสดงผลขนาด 3.0″ ความละเอียด 920,000 พิกเซล พับขึ้นได้ 90 องศา, พับลงได้ 45 องศา
ช่องมองภาพ EVF ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล ครอบคลุม 100% ของเฟรมภาพ
ช่องมองมีอัตราขยาย 0.62x ช่วงระยะห่างที่ยังมองภาพได้(Eye-point) 17.5mm
ถ่ายวิดีโอ Full HD 1080p 60fps บิตเรต 36Mbps(รุ่นนี้ปรับปรุงการโฟกัสให้ดีขึ้น)
มีฟีเจอร์ชัตเตอร์ T ปรับความเร็วชัตเตอร์ทีละ 1/3 สตอป
มี Focus Peaking และ Digital Split Image ช่วยในการ Manual Focus
มี Auto Macro Mode เข้าโหมดมาโครให้อัตโนมัติ
บอดี้แมกนีเซียมอัลลอยด์(บนกับล่าง) ช่วงกลางเป็นโพลีคาร์บอเนต
ไม่มี Weather Seal
มีแฟลชในตัว Flash Sync Speed 1/180 วินาที
มี Stereo Microphone และพอร์ต 2.5mm สำหรับต่อ External Microphone
มีปุ่ม Fn ให้เซ็ตเป็นฟังก์ชั่นที่ต้องการ 7 ปุ่ม
มี Wi-Fi ในตัวสามารถเชื่อมต่อเพื่อส่งรูปภาพหรือควบคุมจาก Smartphone ได้
ใช้หน่วความจำแบบ SD, SDHC, และ SDXC รองรับ UHS-I
ใช้แบตเตอรี่ NP-W126
น้ำหนัก 381 กรัม

ด้านการดีไซน์ X-T10 ตัวนี้ได้ใช้ต้นแบบจากกล้อง Fujica AX5 กล้องฟิล์ม 35mm จากยุค 1980s ออกแบบบอดี้ให้มีขนาดเล็กกว่า X-E2 เล็กน้อย แต่การจับถือผมถือว่าทำได้ดีเลยครับแม้จะทำให้บอดี้มีขนาดเล็กสำหรับการถือสองมือผมไม่มีปัญหาใดๆเลย แต่สำหรับการจับถือมือเดียวนั้น(เผื่อใครชอบถือมือเดียว)กริ๊ปจับที่ยื่นออกมามีขนาดเล็กไปหน่อยทำให้จะต้องมีการจิกปลายนิ้วเพื่อยึดกล้องให้ติดมือ พอถือนานๆเข้าทำให้เกิดอาการเจ็บๆข้อนิ้วขึ้นมาเลย แต่โดยรวมผมชอบขนาดของ X-T10 ครับขนาดกำลังดีเลย เล็กลงแต่ไม่ได้เล็กมากจนถือลำบาก

ช่องมองภาพ EVF ของ X-T10 มีความละเอียด 2,360,000 พิกเซล อัตราขยาย 0.62x แม้จะไม่ใหญ่โตมโหฬารแบบ X-T1 แต่ 0.62x ก็เพียงพอแล้วครับขนาดจะใหญ่พอๆกับ DSLR ในระดับ Entry-level ความละเอียดก็มากเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ยางรองตานี่แข็งไปหน่อยนะครับฟูจิ…จังหวะรีบๆกระแทกตาเข้าไปนี่เจ็บเบ้าตาเลย ฮ่าๆ ส่วนสีของภาพในช่องมองกับจอหลังยังไม่เหมือนกันอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้กันแทบทุกค่ายเลยครับ

สิ่งแรกที่ผมมองเลยคือ ชัตเตอร์มีเกลียว!!! ที่ X-T1 ล่ะไม่มีเกลียวให้ การที่ชัตเตอร์มีเกลียวทำให้เราสามารถใช้สายลั่นชัตเตอร์ที่เป็นเข็มจิ้ม(แบบทีเห็นบ่อยๆสมัยฟิล์ม)ได้ และยังหาซื้อปุ่ม Soft-Release มาเป็นของตกแต่งได้ง่ายกว่า มีให้เลือกหลากหลายกว่า สิ่งต่อมาที่อยากให้ดูคือก้านเล็กๆที่อยู่ติดกับ SS(Speed Shutter) Dial ใช้สำหรับสลับไปโหมด Auto ได้แบบทันที ก้านนี่แข็งพอสมควรเลยครับไม่ต้องห่วงว่าจะไปโดนแล้วเผลอเปลี่ยนโหมดง่ายๆ และถ้าสังเกตบน SS Dial จะเห็นว่า X-T10 มีฟังก์ชั่นชัตเตอร์ T ด้วยที่ในรุ่นนี้เป็นฟังก์ชั่นให้เราสามารถปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ทีละ 1/3 สตอปได้ตั้งแต่ 30 วินาทีถึง 1/32000 วินาทีเลย ไม่จำเป็นต้องหมุน SS Dial ปรับความเร็วทีละค่าๆแล้ว

ก้านเล็กๆนี้ใช้สำหรับเปิดแฟลช pop-up ครับติดอยู่กับ Dial ของ Drive Mode ถ้าเทียบกับ X-T1 ตรงนี้จะเป็น Dial ปรับ ISO

ปุ่ม Dial ที่ด้านหน้านี่นอกจากจะใช้ปรับค่า F หรือ SS ได้แล้วยังทำหน้าที่เป็นปุ่ม Fn ด้วยครับโดยการกด Dial ลงไป โดยเราสามารถตั้งให้เป็นฟังก์ชั่นอะไรก็ได้หลากหลายเช่น ISO, White Balance, ระบบวัดแสง, AF Mode จริงๆปุ่ม Dial ด้านหลังก็กดได้แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถไปเซ็ตเป็นฟังก์ชั่นที่เราต้องการได้น่าเสียดายมากๆ แต่แค่นี้ X-T10 ก็เป็นกล้องที่มีปุ่ม Fn มากถึง 7 ปุ่มแล้วครับที่มันเยอะแบบนี้เพราะแป้นควบคุม 4 ทิศทางสามารถตั้งค่าให้เป็นปุ่มเข้าถึงฟังก์ชั่นได้หลากหลายแต่ถ้าใครไม่ได้เปลี่ยนบ่อยๆจะตั้งให้ปุ่ม 4 ทิศเป็นการเลื่อนจุดโฟกัสก็ได้ครับ ในกล้องฟูจิหลายรุ่นเวลาเราจะเลื่อนจุดโฟกัสจะต้องกดปุ่ม AF ถึงจะเลื่อนจุดได้หลายคนบอกว่ามันไม่สะดวก แต่ในรุ่นนี้เราสามารถตั้งค่าให้เลื่อนจุดโฟกัสได้ทันทีที่กดปุ่ม 4 ทิศทางได้ครับเพียงแต่เราก็จะเสีย 4 ปุ่มนั้นไปเลยไม่สามารถนำมาเป็นปุ่ม Fn ได้

จอหลังสามารถพับขึ้นได้ 90 องศาและพับลงได้ 45 องศา ไม่เป็นแบบ Touchscreen

แฟลช pop-up นี่ผมว่าฟูจิเค้าซ่อนได้แนบเนียนดีเลยครับดูเผินๆไม่รู้เลยว่ามีแฟลช pop-up อยู่ น่าเสียดายที่แฟลชไม่สามารถจับเงยหน้าเพื่อใช้เทคนิค Bounce เพดานได้ และกำลังไฟเบามาก GN7 ที่ ISO200

เกลียวขาตั้งของ X-T10 ไม่ได้อยู่ตรงกลางกล้องครับมันเลื่อนไปอยู่ชิดฝาปิดแบตฯซะงั้น ลักษณะนี้ถ้าตั้งบนขาตั้งจะไม่สามารถเปิดช่องปิดแบตฯได้เลยทำให้หมดสิทธิเปลี่ยนแบตฯหรือเอาการ์ดออกเลย ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า X-T10 ตัวนี้ผลิตในบ้านเราด้วยนะคร้าบบ MADE IN THAILAND!

มาพูดถึงเรื่องระบบ Autofocus กันบ้างดีกว่า น่าจะเป็นจุดที่ X-T10 แตกต่างจากรุ่นอื่นมาที่สุดแล้วและ ณ ตอนนี้ก็ดีกว่า X-T1 ซะอีก(แต่เดี๋ยว X-T1 ก็ได้อัพเฟิร์มแวร์ตามนะครับๆ) X-T10 ได้เพิ่มโหมดโฟกัสแบบ Zone และ Wide/Tracking เมื่อเราใช้สองโหมดนี้จุดโฟกัสจะเพิ่มขึ้นเป็น 77 จุดจาก 49 จุดในโหมดปกติ โดยตัว Zone จะทำให้เราสามารถเลือกใช้จุดโฟกัสแบบเป็นกลุ่มๆได้ แทนที่จะใช้แค่จุดเดียว ส่วน Wide/Tracking ในโหมด AF-S ก็จะใช้จุดโฟกัสทั้ง 77 จุดในการหาโฟกัสให้เราครับแต่ถ้าปรับเป็น AF-C จะเป็นการ Tracking ติดตามวัตถุ X-T10 มีระบบ Eye Detect ที่จะโฟกัสตาให้อัตโนมัติเช่นเดียวกับ X-A2 โดยวิธีเปิดใช้งานเราจำเป็นจะต้องเปิด Face Detection ก่อนครับผม

จะสังเกตว่าจุดโฟกัสขนาด 3×5 ตรงกลางจะแตกต่างจากจุดรอบๆตรงนั้นจะเป็น Phase Detect ครับๆโดยหลักการแล้วมันจะทำงานได้เร็วกกว่า Contrast Detect ที่อยู่รอบๆ แต่บอกตามตรงว่าพยายามทดสอบแล้วผมยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่างเท่าไหร่ครับ ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าเพราะ Contrast Detect มันทำงานได้ดีมากจนเทียบเท่า Phase หรือว่า Phase Detect มันทำงานได้…อุ๊บบ!

ผมได้ทดสอบใช้โหมด Tracking ติดตามวัตถุดูขอบอกว่าจุดโฟกัสนั่นติดตามวัตถุได้ดีมากครับ วัตถุขยับไปไหนก็เลื่อนตามตลอดเลย แต่ว่า! ความเร็วในการปรับระยะโฟกัสของเลนส์เหมือนจะยังไม่มากพอ ทำให้ในการถ่ายต่อเนื่อง(8fps)พอตัวแบบมีการวิ่งเข้าหากล้องจะมีอาการหลุดโฟกัสให้เห็นบ่อยเหมือนกัน(แต่ยังอยู่ในระดับที่หลุดโฟกัสไปไม่เยอะ…แต่หลุดบ่อย) แต่ถ้าตัวแบบวิ่งอยู่ในระนาบโฟกัสที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมาเร็วมากกล้องก็สามารถปรับโฟกัสตามได้ทันครับๆ และจากการลองถ่ายต่อเนื่องนี้มีจุดหนึ่งที่ผมอยากบอกท่านผู้อ่านคือ X-T10 ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 8 ภาพต่อวินาทีแต่บัฟเฟอร์ของกล้องนั้นสามารถรับได้แค่ 8 ภาพเท่านั้นครับ(อันนี้ทางฟูจิเค้าบอกผมตอนที่ลองใช้)ถ้าการ์ดที่ใช้ไม่เร็วพอกดถ่ายไปแปปเดียวจะเกิดอาการบัฟเฟอร์เต็มเลยครับและกล้องจะเริ่มถ่ายภาพช้าลงมาก แต่ถ้าใครอยากถ่ายต่อเนื่องนานๆลองตั้งไปที่โหมด CL แทนที่จะใช้ CH ก็ได้ครับกล้องจะถ่ายต่อเนื่องช้ากว่าจะได้มีเวลาให้กล้องถ่ายโอนข้อมูลจากบัฟเฟอร์เข้าการ์ด และระบบโฟกัสจะได้มีเวลาในการปรับระยะตามวัตถุมากขึ้นด้วย

ในรุ่นนี้ยังมีการปรับปรุงเรื่องการโฟกัสในวิดีโอด้วยครับ เดิมทีฟูจิเป็นกล้องที่ไม่เก่งเรื่องวิดีโอเลยและมีปัญหาว่าเวลาถ่ายวิดีโอระบบโฟกัสจะวิ่งวืดวาดแม้จะแทบไม่มีอะไรขยับในภาพเลยก็ตามแต่ก็มีอาการวิ่งเข้าวิ่งออกอย่างกับมีวิญญาณมาวิ่งผ่านแต่ในรุ่นนี้ได้รับการแก้ไขในจุดนี้แล้วครับๆ

พอร์ตเชื่อมต่อของ X-T10 จะมี HDMI, USB, 2.5mm สำหรับเสียบสายลั่นชัตเตอร์และสามารถต่อไมโครโฟนภายนอกเพิ่มได้

เรื่องคุณภาพไฟล์เราคงไม่ต้องพูดถึงกันนะครับเพราะ X-T10 ใช้ X-Trans CMOS II ตัวเดียวกับ X-T1 จึงทำให้มีไฟล์ภาพที่ดีเลย ฟังก์ชั่นการทำงานก็มีระดับไล่ๆกับ X-T1 แต่มีบอดี้ที่พกพาได้สะดวกกว่า ราคาเปิดตัวมาเริ่มต้นที่ 31,990 บาทกับสเปคระดับนี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ โดยส่วนตัวผม X-T10 เป็นฟูจิตัวแรกที่ผมจับตัวจริงแล้วรู้สึกว่าชอบถึงขนาดอยากได้เป็นของตัวเอง ไม่ใช่เพราะมันดีที่สุดนะครับแต่หลายๆอย่างมันลงตัวทั้งดีไซน์กล้อง ไฟล์ภาพที่ดี ขนาดตัวที่พกพาสะดวก และราคาที่ไม่ได้สูงจนเกินไป อย่างที่ผมเขียนเอาไว้ที่หัวบทความครับสำหรับผม Fujifilm X-T10 ตัวนี้ “ชอบเลย”