เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วจ้าา Olympus OM-D E-M10 หน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้คุณพ่อ OM-D E-M5 เรียกได้ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลยทีเดียว แต่สิ่งที่หลายคนอยากรู้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของสเปคงั้นไม่รอช้าเราไปดูกันเลยครับผม…
Olympus OM-D E-M10 Specification
- เซนเซอร์ Four Third CMOS ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- ชิพประมวลผล TruePic VII
- ISO 200-25600
- ระบบกันสั่นที่เซนเซอร์แบบ 3 แกน
- ถ่ายภาพต่อเนื่อง 8 fps
- หน้าจอแสดงผล Touchscreen แบบพับได้(Tilting)ขนาด 3.0″ ความละเอียด 1,037,000 พิกเซล
- ช่องมองภาพ EVF ความละเอียด 1,440,000 พิกเซล
- ความเร็วชัตเตอร์ 60-1/4000 วินาที
- มีแฟลชในตัว
- ถ่ายภาพเคลื่อนไหว Full HD 1920 x 1080 (30p), 1280 x 720 (30p), 640 x 480 (30 fps)
- ไม่มี Accessory Port
- มี Wi-Fi ในตัว
- ไม่มี Weather Sealing
- ใช้แบตเตอรี่ BLS-5
เรื่องหน้าตาเราคงเห็นกันแล้วว่ามันดูคล้าย E-M5 มากๆต่างกันแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นวันนี้เราจะข้ามเรื่องของหน้าตาไปและมาดูสเปคที่แตกต่างของ E-M10 และ E-M5 กันครับ
- ชิพประมวลผลรุ่นใหม่ Olympus ได้ใส่หน่วยประมวลผลภาพรุ่นใหม่ TruePic VII มาให้กับ E-M10 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ใน E-M1 แต่ในส่วนของเซนเซอร์รับภาพนั้นยังคงใช้รุ่นเดียวกับ E-M5
- ระบบกันสั่นแบบ 3 แกน เป็นที่น่าเสียดายที่ E-M10 มีการลดสเปคและใส่ระบบกันสั่นมาให้เป็นแบบ 3 แกนเท่านั้น ไม่ใช่ 5 แกนแบบ E-M5 แต่ระบบกันสั่นแบบแกนนี้ก็ยังช่วยลดการสั่นไหวได้ถึง 3.5 stop
- E-M10 มีขอแสดงผลด้านหลังที่ดีขึ้น จากเดิมที่ E-M5 มีความละเอียด 614,000 พิกเซลมันถุกเพิ่มขึ้นใน E-M10 เป็น 1,037,000 พิกเซล
- ไม่มี Weather Sealing E-M10 ไม่มีซีลสำหรับกันละอองน้ำและฝุ่นแบบ E-M5 ตรงนี้ก็ถือเป็นจุดที่น่าเสียดายอีกจุดหนึ่ง
- ไม่มี Accessory Port E-M10 ไม่มี Accessory Port AP2 เป็นพอร์ตที่อยู่ด้านใต้ Hot Shoe ทำให้จะไม่สามารถใช้อุปกรณ์เสริมบางชิ้นได้
- Flash, Wi-Fi ถือเป็นข้อแตกต่างที่ดีเลยที่ E-M10 มีแฟลชในตัวและยังมี Wi-Fi ในตัวที่สามารถนำไปเชื่อมต่อกับ Smartphone และใช้เป็นรีโมทควบคุมกล้องได้
สำหรับราคานั้น Olympus OM-D E-M10 เปิดตัวมาพร้อมกับราคาบอดี้เปล่าที่ $699.99 และชุดพร้อมเลนส์ M.ZUIKO DIGITAL 14-42 mm f3.5-5.6 II R ที่ $799.99
นอกจากนั้น Olympus ยังได้ประกาศเปิดตัวเลนส์ใหม่ด้วยอีก 3 รุ่นคือ M.Zuiko Digital 25mm F1.8 และ M.Zuiko Digital 14-42mm F3.5-5.6 EZ เลนส์ Normal Zoom ขนาดเล็กมาในแนว Pancake แบนแต๊ดแต๋ทำให้สามารถพกพาได้สะดวกและเลนส์ตัวนี้จะเป็นซูมแบบไฟฟ้าครับผม และตัวสุดท้ายที่ไม่รู้จะเรียกเลนส์หรือฝาปิดบอดี้ดีคือ 9mm F8 Fish-Eye Body Cap Lens เป็นฝาปิดบอดี้ที่สามารถทำหน้าที่เป็นเลนส์แบบขำๆได้ด้วยโดยตัวนี้มาพร้อมกับช่วงเลนส์ 9mm แบบ Fish-eye ซะด้วย!!!
Olympus M.Zuiko Digital 25mm F1.8 ราคาเปิดตัวที่ $399
Olympus M.Zuiko Digital 14-42mm F3.5-5.6 EZ ราคาเปิดตัวที่ $349
ฝาปิดเลนส์รุ่นใหม่ LC-37C เป็นฝาแบบ Auto ที่สามารถจะเปิดเองได้
ขอขอบคุรภาพจาก Dpreview
โชคดีที่ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสลองเล่น Olympus OM-D E-M10 ในระยะเวลาสั้นๆจึงพอจะมีความรู้สึกในการพบกันครั้งแรกมาเล่าสู่กันฟังครับผม
อย่างแรกคือดีไซน์ภายนอกเค้าคล้ายกันมาก ถ้าปิดตาผมแล้วเอามาใส่มือแล้วให้ถือเฉยๆผมคงแยกไม่ออกว่าในมือผมคือ E-M10 หรือ E-M5 สัมผัสความรู้สึกนั้นคล้ายกันมาก คนจาก Olympus บอกผมว่าบอดี้ของรุ่นนี้ไม่ได้ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์แล้วแต่ทำจากอลูมิเนียมแทน สิ่งที่ผมชอบมากกว่า E-M5 อย่างนึงคือการกดปุ่มต่างๆทำได้ง่ายขึ้นเพราะตัวกล้องไม่มีซีลกันน้ำกันฝุ่นแล้ว ปุ่มต่างๆกดได้ง่ายขึ้นเยอะเลย ไม่ต้องจิ้มลงไปลึกๆอย่างใน E-M5 กล้องตัวที่ผมไดลองนั้นมีกริ๊ปมาด้วยซึ่งต้องบอกว่ามันทำให้จับกล้องได้ถนัดขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ ผมไม่รอช้าที่จะถามราคาของกริ๊ป และได้รับคำตอบที่ผมพอจะบอกได้คร่าวๆว่าราวๆ 2 พันต้นๆ
ในส่วนของชิพประมวลผลตัวใหม่ก็จะมีส่วนทำให้กล้องทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น(แต่อันนี้ผมยังจับสังเกตไม่ได้) กันสั่น 3 แกนที่หลายคนที่ผมพูดเรื่องนี้ให้ฟังก็ส่ายหัวพร้อมอารมณ์เซงๆ แต่พอได้ลองของจริงมันไม่ได้แย่เลยครับ แน่นอนมันไม่ได้ดีเหมือน 5 แกน แต่ผมลองเขย่าๆกล้องและให้กันสั่นทำงานไปด้วย เห็นภาพใน Live View แล้วค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว กันสั่น 3 แกนก็ทำงานได้ไม่เลวเลย เสียดายที่ผมยังไม่ได้ลองทดสอบถ่ายจริงดูแต่ก็พอสรุปให้ได้ว่ากันสั่น 3 แกนนั้นยังคงให้ประสบการณ์การใช้ Live View ที่ดีอยู่ครับผม
ในส่วนของแฟลชและ Wi-Fi เป็นเรื่องดีมากที่มีมาให้ แฟลชจะเป็นประโยชน์มากในตอนที่ทุกอย่างมืดจน ISO 25600 ก็ไม่มีประโยชน์ และ Wi-Fi ก็ทำให้เราสามารถควบคุมกล้องของเราได้ผ่าน Smartphone หรือ Tablet เสมือนเราอยุ่หลังกล้องเลยทีเดียว รวมถึงถ้าเราใช้เลนส์รุ่นใหม่ 14-42mm EZ ทีเป็นซูมแบบไฟฟ้าเราก็จะสามารถปรับซูมจากหน้าจอของ Smartphone หรือ Tablet ได้อีกด้วย ในส่วนของ Accessory Port AP2 ที่หายไปนั้นผมมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับผม ส่วนใหญ่อุปกรณ์ที่ใช้ช่องนี้ก็จะมีพวก Viewfinder, Microphone หรืออย่างพวกไฟมาโครของ Olympus ซึ่งไม่ใช่ของที่เราใช้บ่อยอะไรโดยเฉพาะ Viewfinder ที่คงไม่มีใครนำไปใส่กับ E-M10 ที่มี EVF ในตัวอยู่แล้ว
Olympus OM-D E-M10 ถูกตัดสเปคลงไปหลายส่วนแต่ก็มีสเปคที่เพิ่มเข้ามาเช่นกัน โดยความเห็นส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจในการพบกันครั้งแรกของกล้องตัวนี้ มันยังคงคุณภาพที่ไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง E-M5, E-M1 แต่มาในราคาที่สบายกระเป๋ากว่าก็เลยต้องตัดนู่นนี่นั่นออกไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นกล้องที่ดีและน่าเล่นอยู่ครับผม ปล.เพิ่มเติมให้นิดนึงเรื่องเลนส์ 25mm F1.8 เลนส์ตัวนี้จะมาพร้อมกับฮุดเลยในกล่องด้วยครับผมๆ
สำหรับราคาขายของ Olympus OM-D E-M10 ยังไม่สามารถยืนยันแน่นอนได้ทำให้ผมไม่สามารถแจ้งได้ บอกไปเดี๋ยวจะโดนเค้าว่าเอา จุ๊ๆ แต่ผมบอกได้ว่าบ้านเราจะมีขายหลายชุดเลยครับทั้ง…
- E-M10 Body
- E-M10+14-42mm II(14-42 ตัวเก่า)
- E-M10+14-42mm EZ
- E-M10+14-42mm EZ+40-150mm
-
Olympus OM-D E-M10 ISO Test
ถ่ายจาก OM-D E-M10 ใส่กับเลนส์ M.Zuiko 25mm F1.8 ทุกภาพ Crop 100% ครับผม