Pentaprism กับ Pentamirror ความแตกต่างที่หลายคนมักมองข้ามไป Leave a comment

        ช่องมองภาพนั้นสำหรับผู้ใช้ DSLR มันเป็นส่วนที่อยู่ใกล้ตาเรามากที่สุดแต่หลายๆมักมองข้ามรายละเอียดในส่วนนี้ไป ส่วนใหญ่เราอาจมองกันแค่ว่าเป็น EVF หรือ OVF หรืออาจเป็นแบบ Hybrid จากนั้นก็ดูว่าครอบคลุมการมองเห็นได้ 100% หรือไม่ ทำให้ไม่ค่อยมีคนพูดถึงรายละเอียดสเปคต่างๆของช่องมองภาพเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะมันไม่ใช่ส่วนที่มีผลกับภาพของเรา ช่องมองภาพไม่ได้บันทึกภาพจะมีผลเฉพาะการใช้ตามองของเราเท่านั้น เราจึงไม่ค่อยซีเรียสกับส่วนนี้ แต่จริงๆแล้วช่องมองภาพเองก็มีส่วนที่ไม่ควรมองข้าม  และวันนี้เราจะมาพูดถึงหนึ่งในชิ้นส่วนเหล่านั้นกันในหัวข้อ Pentaprism และ Pentamirror สองอย่างนี้คืออะไร เกี่ยวอะไรกับช่องมองภาพ แตกต่างกันอย่างไร เรามาเริ่มกันเลยครับ…

ในกล้อง DSLR นั้นส่วนใหญ่จะมีช่องมองภาพแบบ Optical Viewfinder หรือ OVF แตกต่างจากของกล้อง Mirrorless ที่มักเป็น Electronic Viewfinder หรือ EVF โดย OVF จะได้เปรียบกว้างตรงช่องมองภาพนั้นใสสบายตา การแสดงผลภาพไม่มีอาการหน่วงแต่ EVF เองก็มีข้อดีตรงที่เราเห็นสิ่งเดียวกับที่กล้องเห็น สภาพแสงที่เห็นในช่องมองคือภาพที่เราจะถ่ายได้จริงๆ ตรงนี้จึงเป็นประโยชน์มากๆและ OVF ให้ไม่ได้

ภาพจาก actasdermo

หลักการทำงานของ OVF ก็คือแสงจะวิ่งผ่านเลนส์ —> ชนกับกระจกสะท้อนภาพ —> สะท้อนภาพขึ้นสู่ด้านบน —> เข้าสู่ Focus Screen —> เข้าสู่ปริซึม 5 เหลี่ยม —> สะท้อนไปมาภายในปริซึม —> วิ่งเข้าตาของเรา ลองดูจากภาพจะเข้าใจหลักการทำงานมากขึ้นครับผมๆ ส่วนสำคัญของเราในวันนี้คือเจ้าปรึซึม 5 เหลี่ยมส่วนสุดท้ายก่อนแสงจะวิ่งเข้าสู่ตาของเรา โดยเจ้าปริซึมนี้จะอยู่ในกระโหลกกล้องของเราพอดี มีลักษณะเป็นก้อนเหลี่ยมๆแบบนี้

ปริซึมจะมีสองแบบที่เราเห็นกันในตลาดกล้อง DSLRคือ Petaprism และ Pentamirror

          Pentaprism จะมีลักษณะแก้วใสๆก้อนใหญ่ถูกตัดให้เป็นรูปทรงอย่างในภาพโดยจะมีการเคลือบสารสะท้อนแสงเอาไว้ในแต่ละด้าน โดยจะเว้นสองด้านที่ไม่ได้เคลือบคือฝั่งที่แสงเข้ามาและฝั่งที่แสงออกจากปริซึมมาเข้าตาเราเนื่องจากเป็นก้อนแก้วตันข้อดีคือแข็งแรง ฝุ่นไม่สามารถเข้าไปได้ แสงเดินทางผ่านได้ดีช่องมองภาพจะมีความสว่างใสกว่า Pentamirror การมีช่องมองภาพสว่างๆจะช่วยได้มากเวลาใช้งาน Manual Focus หรือใครที่ชอบถ่ายภาพดาวและอวกาศที่แสงน้อยมากๆ ข้อเสียคือก้อนแก้วตันแบบนี้ย่อมมีน้ำหนักมาก และต้นทุนก็สูงกว่า Pentaprism จึงมักใช้ในกล้องรุ่นกลาง-สูง

          Pentamirror รูปทรงจะเหมือนกับ Pentaprism และทำหน้าที่เหมือนกันด้วยคือการสะท้อนภาพเข้าสู่ตาของเรา แตกต่างกันตรงที่ Pentamirror เกิดจากกระจกหลายๆแผ่นมาประกอบกันเป็นรูปทรงแบบเดียวกับ Pentaprism แต่เนื่องจากเป็นการนำกระจกแผ่นเล็กๆมาประกอบติดกันความแข็งแรงจึงน้อยกว่า และฝุ่นสามารถเข้าไปได้บางครั้งจึงอาจมีฝุ่นหรือราเข้าไปอยู่ในนี้ได้ด้วย และภาพที่เห็นในช่องมองจะไม่สว่างเท่ากับแบบ Pentaprism ข้อดีของ Pentamirror คือมันมีน้ำหนักเบาและต้นทุนถูกกว่าจึงมักใช้กันในกล้องรุ่นเล็กๆเพื่อเป็นการลดต้นทุนและลดน้ำหนักให้เบาลง

ภาพจาก Dpreview 

          สรุป ถ้าเรากำลังเลือกซื้อกล้องโดยมีความตั้งใจจะใช้ Manual Focus การเลือกกล้องที่มีปรึซึมแบบ Pentaprism จะให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่า การมีช่องมองภาพสว่างๆมันช่วยเวลาเราต้องเพ่งมองว่าชัดหรือยังได้มากทีเดียว แต่ถ้าไม่ได้กะจะใช้ Manual Focus อยู่แล้วการเลือกไปทาง Pentamirror ก็ได้เพราะเราจะได้ทั้งกล้องที่มาราคาถูกลงและน้ำหนักก็เบากว่า เพราะจริงๆแล้วทั้งสองอย่างไม่ได้มีคุณภาพในการมองแตกต่างกันมากมายขนาดนั้น Pentamirror เองก็ใช้มองได้ดีเช่นกัน ลองนึกถึงตอนที่เราเริ่มเล่นกล้องใหม่ๆใช้กล้องรุ่นเล็กอยู่ช่องมองเป็น Pentamirror ในตอนนั้นเราอาจไม่รู้ เชื่อว่าหลายคนก็คงไม่ได้รู้สึกว่ามันมืดอะไรเลย ^_^ เลือกสิ่งที่เข้ากับการใช้งานของเรานั้นแหละจะทำให้เราได้กล้องที่ใช้แล้วมีความสุขที่สุดโดยไม่ต้องจ่ายเงินมากเกินความจำเป็นของเรานะครับๆ ในเรื่องของช่องมองภาพนั้นยังมีอีกหลายส่วนที่สำคัญ เอาไว้เราจะมาพูดถึงกันในบทความหน้านะครับ ^_^

ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ให้ความสนใจในบทความนี้ด้วยครับผม ^__^

บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 02/12/2013