พูดถึงไมค์ไร้สายในตลาดประเทศไทย มีออกมาจำหน่ายหลายรุ่น หลายแบรนด์มาก ๆ ส่วนมากจะเป็นแบรนด์สินค้าที่ผลิตอุปกรณ์ด้านเสียงเป็นหลัก แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่แบรนด์สินค้า ผู้นำด้านอุปกรณ์วีดีโออย่าง DJI จะมาเล่นตลาดนี้บ้าง โดยออกสินค้า ” DJI Mic ” ออกมาแข่งขัน และ ต้องบอกเลยว่า ด้วยสเปก ความสามารถ สู้ได้สบาย ๆ เลย จะเป็นยังไง บทความนี้จะมาสรุปข้อมูล DJI Mic ให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น

สรุปสเปก DJI Mic (Specification)

การออกแบบและดีไซน์ขนาดเล็ก เน้นการพกพา ขนาดโดยรวมของตัวส่งสัญญาณ 47.32×30.43×20.01 มม. , น้ำหนัก 30 กรัม และ ตัวรับสัญญาณ 47.44×32.21×17.35 มม. น้ำหนัก 24.9 กรัม
ตอบสนองสัญญาณแบบ Low Cut Off: 50 Hz – 20 kHz , Low Cut On: 150 Hz – 20 kHz
ทั้งตัวส่งและตัวรับ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 5.5 ชั่วโมง/การชาร์จ 1 ครั้ง และ ใช้เวลาชาร์จต่อหนึ่งครั้ง 70 นาที
กล่องชาร์จมีความจุ แบตเตอรี่ 2600 mAh น้ำหนักตัวกล่องประมาณ 162.2 กรัม ใช้เวลาชาร์จเต็ม 2 ชั่วโมง 40 นาที สามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์ได้จนเต็มได้ประมาณ 1.8 รอบ
ใช้การส่งสัญญาณแบบ Wifi 2.4 GHz ซึ่งสามารถส่งสัญญาณแบบไร้สายได้ไกลถึง 250 เมตร
บันทึกเสียงแบบ Mono และ Stereo ได้ และ ยังสามารถบันทึกแบบ Dual Channel ได้
มีหน่วยความจำในตัว ซึ่งสามารถบันทึกไฟล์เสียงต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุด 14 ชั่วโมง

อ่านรายละเอียดทางเทคนิคเพิ่มเติมเว็บไซต์ DJI

จุดเด่น DJI Mic ที่น่าสนใจ

เชื่อมต่อกับ iPhone, Android และ Computer ได้โดยตรง

หากจะมีฟังก์ชั่นอะไรที่ทำให้เจ้า DJI MIC โดดเด่นกว่าคู่แข่งอื่นๆในท้องตลาด ก็คงเป็นความสามารถในการเชื่อมต่อนี่แหละครับ โดยปกติแล้วสำหรับไมค์ไร้สายทั่วๆไปเราต้องเลือกซื้อรุ่นที่ตรงกับอุปกรณ์ที่เราจะเชื่อมต่อด้วย เช่น กล้องก็จะใช้พอร์ทไมค์ TRS ขนาด 3.5″ ถ้าเป็น Smartphone ก็ต้องเลือกว่าจะใช้กับ iPhone ซึ่งเป็นพอร์ท Lightning หรือจะใช้กับ Android ที่เป็น USB-C แต่ DJI ออกแบบให้ DJI MIC สามารถทำงานกับอุปกรณ์ต่างๆได้โดยผ่าน adapter ที่แถมมาในชุด เรียกว่าตัวเดียวจบ ไม่ต้องซื้อไมค์หลายๆรุ่นสำหรับแต่ละอุปกรณ์ นอกจากนั้น

มีฟังก์ชาร์จ Fast Pairing เมื่อเปิดกล่อง ตัวรับกับตัวส่ง เชื่อมต่อทันที พร้อมให้หยิบใช้งานได้เลย

ฟังก์ชั่นนี้เหมาะมากกับคนที่ทำงานแบบ Run and Gun รีบใช้งานแบบทันที แค่เปิดกล่องมาตัวรับ และ ตัวส่งจะเชื่อมต่อกันทันที แค่หยิบออกมาก็ใช้งานได้เลย ซึ่งฟีเจอร์นี้บอกเลยว่าเราอาจจะได้เห็นแบบนี้ในอนาคตของไมค์ไร้สายทุกตัวในตลาดประเทศไทยเป็นแน่ ณ วันที่เขียนบทความนี้ก็จะมี 2 แบรนด์ที่ทำออกมาเป็นผู้นำตลาดก็คือ Hollyland Lark 150 และตัวนี้ DJI Mic

มาพร้อม Charging case 2600mAH

ความจุ 2600mAH เพียงพอสำหรับชาร์จอุปกรณ์ทั้งชุดได้ 2 รอบ ตัวเคสสามารถชาร์จแบตเข้าโดยใช้ Power Bank ได้ Charging case ยังทำหน้าที่ auto pair ตัวรับและตัวส่งทั้งชุดให้อัตโนมัติ หากเราเจอปัญหาสัญญาณระหว่างตัวรับและส่งหลุด แค่ใส่กลับเข้าไปในกล่อง เครื่องก็จะทำการ pair ให้เราเอง ซึ่งถ้ารวมเวลาที่เราใช้งานได้แบบเต็มที่จากไมค์รุ่นนี้ ก็จะประมาณ 15 ชม. นั่นเอง

ไมค์สำหรับ live streaming

เนื่องจากตัวรับ Rx ของ DJI MIC สามารถต่อเข้า computer หรือ smartphone โดยได้ ทำให้เราสามารถใช้เป็นไมโครโฟนสำหรับ live streaming ได้ผ่านโปรแกรมต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ software เพิ่มเติม และยังใช้งานได้แบบไร้สาย ไม่ต้องลากสายจากผู้พูดไปยัง computer เหมือนกับไมค์แบบ USB ทั่วๆไป

ใช้เป็นเครื่องบันทึกเสียงสำหรับ Podcast

ตัวส่ง Tx ทั้งสองของ DJI MIC สามารถบันทึกเสียงได้ในตัวเอง มาพร้อมความจุ 8GB บันทึกเสียงได้ 15 ชั่วโมง เป็นไฟล์ wav 24-bit เราสามารถโอนไฟล์เข้า computer ผ่านพอร์ท USB โดยจะทำงานเหมือนเป็น external drive ไม่ต้องใช้ software เพิ่มเติมใดๆ ถ้าพื้นที่เต็มขณะบันทึก เครื่องจะทำการบันทึกทับของเก่าแบบ loop ให้เอง

ฟังก์ชั่นบันทึกเสียงในตัวส่งนี้ ยังมีประโยชน์ใช้เป็น back up ในกรณีที่สัญญาณ wireless ไม่เสถียร เสียงขาด หรือมีสัญญาณรบกวน เราสามารถนำไฟล์ที่บันทึกไว้ในตัวส่งไปใช้แทนเสียงที่บันทึกในกล้องได้

หน้าจอ Touch screen

หน้าจอ Touch screen แสดงผลชัดเจน สามารถเช็คข้อมูล setting ต่างๆ และแสดงระดับเสียงแต่ละ channel บนหน้าจอเพื่อเช็คเสียงเข้าและป้องกันเสียงคลิปหรือดังเกินไป ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคนใช้กล้อง Sony ที่ส่วนมากจะไม่มี audio level หรือ VU meter แสดงบนหน้าจอกล้อง นอกจากนั้น จอ touch screen ของตัวรับยังสามารถใช้ควบคุมการทำงานและการตั้งค่าตัวส่งได้ทุกอย่างแบบไร้สาย เช่น สั่ง start/stop recording ปรับค่า gain และ mute เสียงแบบอิสระแยกกันได้ทั้ง 2 ตัวส่ง

DJI Mic Wireless Microphone touch screen and memory on-board

Mono/Stereo/Combine

DJI MIC สามารถกำหนดโหมดการรับเสียงได้หลายแบบ Mono คือการรวมสัญญาณเสียงจากไมค์ทั้งสองตัวเข้าด้วยกันเป็นช่องเดียวกัน เพื่อความสะดวก ลดขั้นตอนการตัดต่อ แต่หากกรณีที่เราต้องการแก้ไขเสียงแต่ละตัวแยกกัน เช่น เพิ่ม/ลดความดังของตัวใดตัวหนึ่ง เราสามารถเลือกบันทึกในโหมด Stereo ได้ โดย DJI MIC จะบันทึกเสียงจากไมค์ทั้ง 2 ตัวแยกช่องกันเพื่อให้เราปรับได้ภายหลัง

Headphone monitoring port

บนตัวรับ Rx ของ DJI MIC มีช่อง monitor สำหรับต่อหูฟัง เพื่อความสะดวกของผู้ใช้ในการฟังคุณภาพของเสียง ตรวจสอบระดับความดัง/เบา และเช็คสัญญาณรบกวนได้โดยตรง เป็นพอร์ทที่สำคัญและไมค์หลายๆรุ่นไม่ได้ให้มาด้วย

เชื่อมต่อระบบไร้สายด้วยสัญญาณ 2.4GHz z ส่งสัญญาณได้ไกลมากถึง 250 เมตร

ข้อดีของสัญญาณดิจิตอล 2.4GHz คือไม่ต้องสแกนหาช่องสัญญาณเพื่อ pair และเป็นช่วงคลื่นที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลก แต่ข้อเสียคืออาจเจอสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ดิจิตอลอื่นๆที่ใช้คลื่นช่วงนี้กันเยอะ แต่เนื่องจาก DJI MIC สามารถบันทึกเสียงได้ที่ตัวส่งในตัวเอง ทำให้เรามี backup track เสมอ สามารถนำมาใช้ทดแทนได้ทันที

อุปกรณ์มาในเซ็ต DJI Mic ครบจบในตัวเดียว

นอกจากเซ็ตของไมค์ตัวส่ง 2 ตัว และตัวรับอีก 1 ตัวแล้ว DJI MIC ยังมาพร้อมอุปกรณ์ในเซ็ตที่พร้อมใช้งานทุกด้าน

เคสผ้าสำหรับใส่อุปกรณ์
Deadcat 2 ชิ้นสำหรับติดกับตัวส่งโดยใช้ระบบ twist lock ช่วยไม่ให้หลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
สาย male-to-male 3.5 นิ้วสำหรับต่อตัวรับเข้ากับกล้อง
สาย USB สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
อะแดปเตอร์ USB-C และ Lightning สำหรับต่อตัวรับเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ Smartphone ทั้ง Android และ iPhone
Clip magnet สำหรับติดคอเสื้อแบบซ่อนไมค์ไว้ด้านใน

น่าเสียดายที่ไม่มี Lavalier mic หรือไมค์ติดปกมาให้ด้วย กรณีที่ต้องการติด DJI MIC ไว้ที่เอว หรือในกระเป๋าเพื่อซ่อนตัวส่ง เราสามารถซื้อไมค์ติดปกของยี่ห้ออื่นๆมาใช้ร่วมกันได้ผ่านพอร์ท 3.5″ คุณภาพเสียงจะขึ้นอยู่กับไมค์ Lavalier ที่เรานำมาใช้นั่นเอง