วันนี้ว่ากันด้วยเรื่อง….ฟิลเตอร์
ตอนซื้อกล้องเคยถูกแนะนำให้ซื้อฟิลเตอร์มาด้วยไหมครับ หลายคนซื้อกับทางเรา ZoomCamera เองก็น่าจะเคยได้รับคำแนะนำนี้เช่นกัน ช่างภาพที่เชี่ยวชาญแล้วจะเข้าใจความสำคัญของฟิลเตอร์ดี แต่สำหรับมือใหม่ที่ซื้อกล้องเป็นตัวแรกอาจมีคำถามมากมาย ฟิลเตอร์มันคืออะไร จำเป็นแค่ไหนทำไมหลายคนจึงแนะนำให้ซื้อติดเอาไว้กับเลนส์ มันช่วยส่งผลอะไรในภาพถ่ายของเราไหม หาคำตอบกันได้เลยในบทความนี้ครับ
ฟิลเตอร์คืออะไร
ฟิลเตอร์(Filter) ถือเป็นอุปกรณ์ในการถ่ายภาพอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กับช่างภาพมาเนิ่นนานตังแต่ยุคฟิล์มสมัยก่อนมาจนยุคดิจิตอลในปัจจุบัน เวลาที่เนิ่นนานทำให้ฟิลเตอร์ถูกทำขึ้นมาหลายแบบมากโดยจะมีทั้งแบบกลมและแผ่นสี่เหลี่ยม แบบที่นิยมใช้กันคือแบบกลมซึ่งใช้ติดไว้บริเวณหน้าเลนส์แต่จะติดเพื่ออะไรขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเตอร์นั้นๆ ซึ่งผมขอแบ่งประเภทของฟิลเตอร์ออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆคือ
-
- ฟิลเตอร์สำหรับป้องกันหน้าเลนส์ เช่น UV Filter, Protector Filter
- ฟิลเตอร์ที่ให้ผลพิเศษ เช่น CPL Filter, ND Filter, Star Effect,…
ฟิลเตอร์สำหรับป้องกันหน้าเลนส์
ฟิลเตอร์ที่ใช้ป้องกันหน้าเลนส์เป็นประเภทที่แนะนำให้ใส่ติดหน้าเลนส์เอาไว้ตลอดชนิดที่ว่าตั้งแต่แกะกล่องออกมาได้เลยยิ่งดีเพราะมันช่วยปกป้องหน้าเลนส์เอาไว้ไม่ให้ได้รับอันตราย หากเราทำหน้าเลนส์กระแทกฟิลเตอร์แตกเราก็แค่เปลี่ยนฟิลเตอร์อาจราคา 300-1,000 บาทซึ่งถูกกว่าการเปลี่ยนเลนส์ชิ้นหน้าแน่นอน รวมถึงในการใช้งานปกติเลนส์จะต้องเจอละอองน้ำและฝุ่นต่างๆ การเช็ดทำความสะอาดหน้าเลนส์จะต้องใช้ความระมัดระวังสูงระดับหนึ่งแต่จะง่ายกว่าไหมถ้าเราแค่เช็ดฟิลเตอร์แทนซึ่งไม่ต้องใช้ความระมัดระวังอะไรมากนัก
การเลือกซื้อฟิลเตอร์สำหรับป้องกันหน้าเลนส์
ฟิลเตอร์สำหรับป้องกันหน้าเลนส์หลักๆจะมี 2 แบบด้วยกันคือ UV Filter และ Protector Filter ทั้งสองนี้คล้ายกันมากคือใช้เพื่อการป้องกันหน้าเลนส์ต่างกันตรงที่ UV Filter จะมีการป้องกันแสง UV ด้วย โดยทั้ง UV Filter และ Protector Filter เน้นความใสเพื่อให้แสงผ่านได้มากที่สุด แต่จะให้แสงผ่านได้มากแค่ไหนและป้องกันหน้าเลนส์ได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสเปคที่จะสูงขึ้นไปควบคู่กับราคาของฟิลเตอร์
UV Filter หรือ Protector Filter
เป็นคำถามที่ถกกันไม่รู้จบว่าควรเลือกแบบไหนดี แต่ในปัจจุบันยุคดิจิตอลผมแนะนำให้ทุกคนเลือก Protector Filter ครับด้วยเหตุผลว่า Protector Filter เน้นด้านความใสและการป้องกันเป็นหลัก และปัจจุบันเซนเซอร์กล้องมีตัวกรองแสง IR/UV อยู่แล้วแสง UV จึงแทบไม่มีผลอะไรกับกล้องดิจิตอลเลย ยุคที่ UV Filter นิยมใช้กันคือสมัยฟิล์มเพราะเมื่อแสง UV เข้าไปกระทบฟิล์มภาพที่ได้จะไม่สดใสและเสีย Contrast เขาจึงออกแบบฟิลเตอร์มาช่วยตัดแสง UV ออก
ราคาเท่าไหร่ถึงจะดี
ฟิลเตอร์นั้นมีหลากหลายราคาสมมติว่าเลนส์ผมมีขนาดหน้าเลนส์ 58mm มีจะมีฟิลเตอร์ให้เลือกซื้อตั้งแต่ราคา 300 บาทไปจนถึง 2,000 บาทเลยทีเดียว สิ่งที่ต่างไปตามระดับราคาคือวัสดุที่ใช้ ความใส และโค๊ทผิวป้องกันต่างๆ จะเลือกซื้อเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับงบที่ตั้งไว้ของเราแต่ผมแนะนำง่ายๆว่าตั้งงบไว้ประมาณไม่เกิน 10% ของราคาเลนส์ก็เหมาะสมดีครับ
ความใส – ฟิลเตอร์นั้นควรเลือกตัวที่มีความใสที่ให้แสงผ่านได้มากที่สุดเพราะทุกครั้งที่แสงเดินทางผ่านชิ้นกระจกแม้กระทั่งเดินทางผ่านชิ้นเลนส์เองก็จะสูญเสียคุณภาพไปเรื่อยๆ ฟิลเตอร์ที่ดีจะปล่อยแสงผ่านได้มากและยังโค๊ทผิวหลายชั้นเพื่อลดการสะท้อนแสงบนผิวฟิลเตอร์ด้วยที่เราเรียกว่า Multicoat ในทางกลับกันถ้าเราใส่ฟิลเตอร์ราคาถูกๆที่โค๊ทผิวมาไม่ดีจะเกิดการสะท้อนแสงที่กระจกฟิลเตอร์เกิดเป็นแสง Ghost หรือ Flare ได้ซึ่งถ้าเราใช้เลนส์ราคาแพง แต่ภาพต้องเสียคุณภาพเพราะฟิลเตอร์ราคาไม่กี่ร้อยจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
วัสดุที่ใช้ – ฟิลเตอร์แทบทั้งหมดใช้ขอบทำจากอลูมิเนียมครับแต่จะมีฟิลเตอร์เยอรมันเกรดสูงอย่างเช่น B+W ที่ใช้ขอบทำจากทองเหลืองซึ่งจะแข็งแรงทนทานกว่า
การปกป้องเลนส์ – ฟิลเตอร์รุ่นสูงๆนอกจากมี Multicoat แล้วจะมีการโค๊ทผิวเพื่อป้องกันน้ำ กันน้ำมันด้วยซึ่งช่วยให้เราเช็ดน้ำออกจากฟิลเตอร์ได้ง่าย และบางครั้งมีโค๊ทผิวเพื่อให้กระจกเกิดความแข็งแรงทนการกระแทกด้วยอย่างเช่น Hoya HD Filter
ฟิลเตอร์บางชนิดใช้วัสดุที่พิเศษกว่าทั่วไปอย่างเช่น Sigma Ceramic Filter ซึ่งโฆษณาว่าป้องกันการกระแทกได้ดีมาก
ฟิลเตอร์ที่ให้ผลพิเศษ
ต่อไปนี้คือฟิลเตอร์ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ป้องกันหน้าเลนส์เท่านั้นแต่ยังเกิดมาเพื่อให้ผลพิเศาต่างๆเกิดขึ้นกับภาพอีกด้วย ต้องบอกก่อนว่าปัจจุบันฟิลเตอร์เหล่านี้หายกันไปเยอะมากแล้วครับ เพราะเดี๋ยวนี้ในกล้องเองก็ใช้ Software สร้างผลแบบเดียวกันได้เช่น Star Effect Filter หรือ Color Filter สีต่างๆ ปัจจุบันเหลือใช้กันหลักๆแค่ CPL Filter และ ND Filter ซึ่งยังไม่สามารถใช้ Software สร้างผลที่เหมือนกันได้ หรือถึงทำได้ก็ทำยาก ใช้เวลานาน และไม่ได้เหมือนซะทีเดียว
CPL Filter
CPL Filter เป็นฟิลเตอร์ที่จะช่วยตัดแสงโพลาไรซ์(Polarizers)ออก อธิบายอย่างสั้นๆปกติแล้วเมื่อแสงกระทบวัตถุจะเกิดการสะท้อนกระจายออกในทุกทิศทาง แสงสะท้อนเหล่านี้ทำให้สีของวัตถุอ่อนลงไม่อิ่มสดใส การใช้ฟิลเตอร์ CPL ตัดแสงสะท้อนเหล่านี้ออกไปจะทำให้วัตถุมีสีที่อิ่มสดใสมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ท้องฟ้า เพระาท้องฟ้ามีแสงสะท้อนกระจายอยู่มากเมื่อตัดออกจะทำให้ท้องฟ้ามีสีน้ำเงินเข้มขึ้น
รวมทั้งเรายังสามารถใช้ฟิลเตอร์ CPL ตัดแสงสะท้อนบนผิวน้ำหรือแสงสะท้อนบนผิววัตถุเงาๆและกระจกได้ด้วย อย่างการถ่ายภาพผ่านกระจกหากเราใช้ CPL จะสามารถตัดเงาตัวเราที่สะท้อนในกระจกออกได้