Review Canon EOS M กล้อง Mirrorless รุ่นแรกของ Canon
ก่อนอื่นต้องสารภาพว่าได้กล้องมาทำรีวิวนานมากแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาทำรีวิวเลย ดังนั้นเพลาจึงล่วงเลยมาถึงเพียงนี้ 55 งั้นอย่ารอช้าเลยครับ เราไปเริ่มแกะกล่องรีวิว Canon EOS M กันเลยดีกว่า โดยตัวที่ผมได้มารีวิวในคราวนี้เป็นสีขาว ชุด 2 เลนส์ครับ (Canon EOS M+EF-M 18-55mm STM, EF-M 22mm F2 STM) โดยจะมีเลนส์ EF-M 18-55mm STM และ EF-M 22mm F2 STM และจะมีแฟลช 90EX มาให้อีก 1 ตัว แต่ถ้าเป็นชุดเลนส์เดียว(Canon EOS M+EF-M 22mm F2 STM) 22mm F2 ในชุดขายก็จะมี Adapter แปลงของ Canon สำหรับนำเลนส์ EF-s, EF มาใส่กับ EOS M ให้มาด้วยครับ
อุปกรณ์ในกล่องก็จะมีตามที่ท่านเห็นในภาพด้านบนเลยครับ กล้อง EOS M, เลนส์ 18-55mm, เลนส์ 22mm, แฟลช 90EX พร้อมถุงผ้าสำหรับใส่แฟลช, แบตฯ+ที่ชาร์จแบตฯ, สายคล้องคอ, สาย USB, คู่มือและใบประกันต่างๆ
Canon EOS M นั้นท่านผู้อ่านทุกท่านคงรู้กันอยู่แล้วว่า เจ้าตัวนี้คือกล้อง Mirrorless รุ่นแรกจาก Canon (แน่ะ ไหนตอนแรกบอกว่าจะไม่ทำ Mirrorless ไง 55) หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายอื่นๆเค้าทำออกมาก่อนกันหลายรุ่น โดยในรุ่นนี้มาพร้อมเซนเซอร์ขนาด APS-C ขนาดเดียวกับที่เราจะพบได้ใน DSLR ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับกึ่งโปร ทำให้เราได้ภาพที่มีคุณภาพแบบ DSLR แต่ในกล้องที่มีขนาดเล็ก Canon EOS M มีการออกแบบบอดี้และการวางปุ่มต่างๆให้ใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มเล่นกล้องใหม่ๆ แต่ถ้าระดับโปรๆมาใช้อาจจะมีติดขัดกันบ้าง 55 จุดเด่นของเจ้าตัวนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องที่มันสามารถนำเลนส์ของกล้อง Canon DSLR มาใส่ได้โดยผ่านการใช้ Adapter ของทาง Canon เอง สำหรับชาว Canon ที่มีเลนส์กันอยู่แล้วก็แจ่มเลยย
Specification (รายละเอียด)
-
เมาท์เลนส์ EF-M
-
เซนเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล
-
ชิพประมวลผล Digic 5
-
ISO100-12800 (ขยายได้ถึง 25600)
-
จอแสดงผล Touchscreen ขนาด 3.0″ ความละเอียด 1.04 ล้านพิกเซล
-
จอแสดงผลเป็นแบบ Capacitive Touchscreen รองรับการใช้งาน Multi-touch
-
มี hot-shoe แฟลช
-
รองรับการถ่าย VDO Full HD 1080p
-
มี Stereo Microphone
-
สามารถถ่ายไฟล์ RAW ได้
-
ใช้แบตเตอรี่ Canon LP-E12
-
น้ำหนัก 298 กรัม (รวมแบตเตอรี่)
Body & Design (การออกแบบภายนอก)
อย่างที่ได้เกริ่นกันไว้ตั้งแต่ตอนแรกเลยว่า Canon EOS M นั้นออกแบบมาให้ผู้ใช้มือใหม่สามารถใช้งานได้ง่าย เพราะงั้นมันจึงมีขนาดเล็ก และลดจำนวนปุ่มต่างๆให้น้อย แล้วใส่หน้าจอ Touchscreen เข้าไปแทนที่ สำหรับผู้ใช้มือใหม่ต้องบอกเลยว่ามันใช้งานง่ายมากๆ ปุ่มน้อยๆ จิ้มๆกดๆอย่างเดียว 55 แต่สำหรับฝั่งโปรๆที่ต้องการปรับค่าต่างๆให้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์อยู่ตลอดนี่บางคนอาจถึงกับเบือนหน้าหนีกันเลย
ครั้งแรกที่เห็นตัวจริงของ EOS M รู้สึกว่า ตัวจริงมันจะหล่อกว่าในภาพนะ ฮ่า ฮ่า
ด้านหลังก็จะเป็นเยี่ยงนี้ หน้าจอ Touchscreen ขนาด 3.0″ โดยรวมบอดี้ดูโล่งๆสะอาดตา จำนวนปุ่มและการวางปุ่มต่างคล้ายกับกล้องคอมแพคมากๆเลย
ด้านบนครับ
มี Microphone แบบ Stereo ให้มาด้วย
ด้านบนมีปุ่มสำหรับเลือกโหมด โดยมีให้เลือก 3 โหมด คือ 1. A+(เป็นโหมดออโต้กล้องคิดให้เกือบทั้งหมด) 2. โหมดถ่ายภาพนิ่ง 3.โหมดถ่าย VDO
มีพอร์ต HDMI, MIC, และ AV OUT
แบตเตอรี่ที่ใช้จะเป็นรุ่นใหม่ LP-E12 ครับ ความจุ 875 mAh
ในส่วนของกริ๊ปจับ โดยส่วนตัวแล้วสำหรับผมมีปัญหาในการจับถือเล็กน้อยเพราะขนาดตัวของ EOS M นั้นเล็ก และตัวกริ๊ปจับก็มียางมาให้นิ๊ดดดนึง และเมื่อเป็นบอดี้บางสีจะมีลักษณะผิวเป็นมันเงาทำให้รู้สึกลื่นๆมือ ทำให้เวลาจับถือแม้จะมั่นใจได้ว่าถือแล้วไม่หลุดมือ แต่ก็รู้สึกไม่มั่นคงนัก แต่ถ้าผู้ใช้เป็นคนมือเล็กหน่อยคิดว่าน่าจะถือได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
วนหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือหูคล้องสายคล้องคอครับ เพราะ Canon ลงทุนออกแบบมันขึ้นมาใหม่ให้ไม่เหมือนใคร ทำให้ตอนนี้จุดคล้องสายแบบนี้มีเฉพาะกับ EOS M เท่านั้นเลยครับ ซึ่งมันจะต้องใช้กับสายที่มีตัวล็อคเฉพาะจาก Canon ด้วยเช่นกัน
ตัวล็อคก็จะมีลักษณะแบบในภาพด้านบนนี้ครับ แปลกตา และไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน o.O
ประโยชน์ของสายแบบใหม่นี้มีแน่นอนครับ อย่างนึงที่ผมชอบมากๆคือมันสามารถใส่สายคล้อง หรือปลดสายคล้องออกได้อย่างง่ายดาย ด้วยการหมุนตัวล็อคเพียงตัวเดียว ทำให้เราสามารถถอดสายนี้ออกเวลาที่เราต้องการเก็บกล้องได้ เพราะบางครั้งที่เรานำกล้องออกไปถ่ายภาพ สายคล้องคออาจเต็มไปด้วยเหงื่อจากคอของเรา จึงเต็มไปด้วยความชื้น ที่ไม่เป็นผลดีต่อกล้องของเรา การถอดสายคล้องออกเวลาเก็บกล้องจึงเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็มีข้อเสียตรงที่เราไม่สามารถจะไปซื้อสายแฟชั่นสวยๆอะไรมาใส่แทนสายเส้นนี้ได้เลย!! o.O เพราะตัวสายที่จะคล้องกับตัวล็อคนั้นมีขนาดเล็กกว่าสายทั่วไป ซึ่งถ้าจะนำสายชนิดอื่นมาคล้องเห็นที่จะต้องเป็นสายแบบที่มีปลายเป็นหูเล้กๆเหมือนที่เราเอาไว้คล้องโทรศัพท์ ซึ่งเป็นผมคงไม่เสี่ยง เสียวกล้องหล่น 55 ส่วนเรื่องความแข็งแรงของเจ้าสายชนิดนี้นั้นจากการทดสอบใช้งานกล้องเจ้าสายนี่ก็ไม่ได้แสดงอาการงอแงแต่อย่างใด แน่นหนาและแข็งแรงดีครับ
ภาพด้านบนทางซ้าย : เมื่อปลดล็อคสายคล้องครับ และ ภาพด้านบนทางขวา : เมื่อทำการบิดตัวล็อคไปที่ตำแหน่งล็อคสายคล้อง
etc. (รายละเอียดอื่นๆ)
เมื่อเราซื้อชุด 2 เลนส์ สิ่งที่ได้แถมมาอีกอย่างก็คือแฟลช Canon Speedlite 90EX โดยแฟลชตัวนี้มี GN 9 ที่ระยะ 24mm ISO100 ครับ ถือว่าไม่ได้แรงไปกว่าแฟลชติดกล้องทั่วไปเท่าไหร่ครับ
ตัวแฟลชไม่มีปุ่มควบคุมอะไร มีเพียงปุ่มเปิดปิดแฟลชและสวิชล็อคสำหรับล็อคแฟลชเข้ากับ Hot-shoe เท่านั้น และไม่สามารถปรับก้มเงยเพื่อ Bounce แฟลช หรือหันซ้ายขวาได้ครับ หันหน้ายิงตรงเท่านั้น 55
ตัวแฟลชใช้แบตเตอรี่เป็นถ่าน AAA จำนวน 2 ก้อนครับ
เลนส์ทั้ง 2 ตัวในชุดเป็น STM มอเตอร์แบบใหม่ของ Canon ทั้งคู่เลยครับ แน่นอนว่ามันทำงานได้เงียบและนิ่งสุดๆ เสียงโฟกัสนี่แทบไม่ได้ยินเลยครับ
เมาท์ของเลนส์ทั้ง 2 ตัวเป็นเมาท์เหล็กครับ
ขนาดของกล้องเมื่อใส่เลนส์ทั้ง 2 แบบครับ
Features (คุณสมบัติเด่น)
Canon EOS M นั้นมีเซนเซอร์ขนาด APS-C เท่ากับกล้อง DSLR ขนาดใหญ่เลย แต่กลับมาบอดี้ที่เล็กใกล้เคียงกับกล้องคอมแพค ดังนั้นจึงเป็นจุดเด่นของเจ้าตัวนี้ที่ถึงแม้จะเล็ก แต่ไฟล์ภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากล้อง DSLR ที่ใหญ่และหนักกว่ามันหลายเท่าเลย และด้วยความที่ขนาดเซนเซอร์เท่ากันกับกล้อง DSLR Canon เมื่อเรานำเลนส์ EF-s มาใส่ใน EOS M โดยผ่าน Adapter จะสามารถใช้งานได้โดยที่ระยะเลนส์จะไม่เปลี่ยนไปอีกด้วยเพราะระยะการคูณทางยาวโฟกัสเท่ากับกล้อง DSLR เป๊ะๆ และขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ขนาดนี้ก็ใหญ่กว่าทางฝั่ง Micro Four Third ที่ถือเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบเลยทีเดียว
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดเลยคือจอ Touchscreen ครับ แถมยังเป็นแบบ Capacitive ซะด้วย จะเป็นจอแบบแข็งแบบใน Smartphone สมัยใหม่อย่าง IPhone หรือ Galaxy ซึ่งแน่นอนว่าแม่นยำและทนทานกว่าจอสัมผัสในกล้องรุ่นก่อนๆที่จะเป็นแบบ Resistive (ลักษณะกดแล้วจอจะยุบลงไป) แถมหน้าจอยังรองรับการใช้งานระบบ Multi-touch ได้อีกด้วย ทำให้เวลาดูรูป เราสามารถเอานิ้วถ่างภาพแบบใน IPhone ได้แล้วนั่นเอง 55 แต่นี่ก็ไม่ใช่กล้องตัวแรกที่ Canon ใช้ระบบ Touchscreen นี้ Canon EOS 650D ก็ใช้ระบบสัมผัสในแบบเดียวกันเช่นกัน นอกจากนั้นถ้าเรานำสเปคมากางดูแล้ววางเทียบกันจะพบว่า Canon EOS M และ 650D แทบจะลอกสเปคกันมาเลยทีเดียว
ในส่วนของระบบ Touchscreen สามารถจะรองรับได้อย่างเต็มรูปแบบเลยครับ สามารถใช้ได้ทั้งในโหมดการถ่ายภาพ ในเมนู และในโหมดเล่นภาพก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน และจากการทดสอบระบบก็สามารถตอบสนองการสัมผัสได้รวดเร็วดีครับ แตะปุ๊บติดไม่แพ้ IPhone เลยครับ
รองรับการใช้งานในระบบ Touch Shutter แตะปุ่นลั่นปั๊บ หรือจะตั้งค่าให้เป็นการแตะเพื่อเลือกจุดโฟกัสอย่างเดียวก็ได้ครับ
มีโหมดถ่ายภาพต่างๆให้เราเลือกใช้แบบง่ายๆ แบบเดียวกับในกล้องคอมแพคและในกล้อง DSLR ระดับเริ่มต้น
แต่ช้าก่อน EOS M ก็มีโหมดแมนนวลให้ช่างภาพระดับโปรทั้งหลายได้เลือกเล่นเช่นกันครับ
การควบคุมค่า F-Stop และ Shutter Speed สามารถทำได้โดยการสัมผัสบนหน้าจอแล้วเลื่อนหาค่า F ที่ต้องการได้เลยครับ หรือถ้าใครไม่ถนัดจะใช้ปุ่มหมุนที่บริเวณปุ่มควบคุมทิศทางก็ได้เช่นกันครับ
ISO ก็ใช้วิธีเดียวกันนะ อิอิ
ISO Test
ทดสอบ ISO ผมจะทำการตั้งค่าไว้ที่โหมด A ครับ ใช้ F5.6 ทุกภาพ แล้วเปลี่ยน ISO ทีละค่าๆครับ แล้ว Crop 100%
ไฟล์ภาพตัวอย่างจาก Canon EOS M + EF-M 18-55mm
Conclusion (สรุป)
ถูกใจ
-
ไฟล์ภาพดีไม่แพ้กล้อง DSLR
-
สามารถใช้เลนส์ Canon EF, EF-s ได้ (ผ่านการใช้ Adapter)
-
ขนาดเล็กกระทัดรัดพกพาง่าย
-
เลนส์ STM โฟกัสได้นิ่งและเงียบมาก
-
สายคล้องแบบใหม่ปลดเข้า-ออกได้ง่าย
-
ผู้ใช้มือใหม่สามารถใช้งานได้ง่าย
-
จอแสดงผลมีความละเอียดสูง (1.04 ล้านพิกเซล)
-
หน้าจอ Touchscreen ตอบสนองการสัมผัสได้เร็ว
-
ระบบ Touch Focus ทำให้เลือกจุดโฟกัสได้สะดวก
-
ระบบ Touchscreen รองรับการใช้งานได้ในทุกโหมด
-
มี Hot-shoe แฟลช
-
มี Microphone Stereo
ไม่ถูกใจ
-
ความเร็วในการโฟกัสยังไม่สูงนัก เร็วพอๆกับกล้องคอมแพครุ่นสูงๆของ Canon
-
การจับถือยังรู้สึกไม่มั่นคงนัก
-
ไม่มีแฟลชในตัว
-
การปรับค่าต่างๆ(F, Speed, ISO)ในกล้องทำได้ไม่รวดเร็ว
-
ไม่สามารถใช้สายคล้องแบบอื่นแทนได้
-
การวางตำแหน่งปุ่มต่างๆไม่ค่อยตอบสนองผู้ใช้งานในระดับโปร
-
แบตเตอรี่ LP-E12 มีความจุน้อยไปหน่อยเพียง 875 mAh เท่านั้น
โดยรวมถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียวครับสำหรับ Canon EOS M ตัวนี้ ใครที่กำลังหา Mirrorless เล็กๆไว้พกสนุกๆซักตัว ลองมองทางนี้ก่อนเลยครับ เรื่องไฟล์ภาพนั้นหายห่วงครับ เพราะดีมากไม่แพ้ DSLR ตัวใหญ่ๆเลย ส่วนในด้านการใช้งานนั้นระบบ Touchscreen ตอบสนองได้ดีครับ แตะปุ๊บติดไม่มีอาการหน่วงแต่อย่างใด แต่ช่วงแรกๆอาจจะมี งงๆ มึนๆ ไม่คุ้นเคยกับการใช้งานบ้างเล็กน้อย ฮ่า ฮ่า แต่หลังจากใช้ไปซักพักจนเริ่มคุ้นเคยก็จะใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาเลยครับ แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบใช้โหมด M หรือชอบปรับค่า F, Speed, ISO บ่อยๆ อาจจะรู้สึกขัดใจบ้าง เพราตัวกล้องไม่มีปุ่มหมุน Dial ที่จะทำให้เราปรับค่าในทันที ต้องจิ้มๆลากๆกันทีละค่า 55 แต่ถ้าคุณเป็นคนใช้งานแบบทั่วไป ถ่ายสนุกๆปรับ Auto เจ้า Canon EOS M ตัวนี้ถ่ายสนุกแน่นอนครับผม แต่ถึงจะอ่านรีวิวไป 10 หน้า ก็คงไม่เท่าตาเห็น ใครสนใจหรือกำลังลังเลอยู่ก็เข้ามาดูตัวจริงกันที่ร้าน Zoomcamera ก่อนได้จ้าา
ดูข้อมูล Canon EOS M เพิ่มเติมได้ที่ Canon EOS M+18-55+22 F2 หรือ Canon EOS M+22 F2
บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 26/12/2012