วันนี้ผมจะมาแนะนำฟิลเตอร์ยี่ห้อหนึ่งที่หลายท่านฟังแล้วจะต้องรู้สึกไม่คุ้นหู ไม่เคยได้ยินแน่นอน แต่ที่ผมอยากเอามาแนะนำเพราะว่า….เมื่อได้ลองทดสอบดู ก็พบว่ามันเป็นฟิลเตอร์ที่คุณภาพดีตัวนึงเลยครับ ราคาไม่แพง และคุณภาพดีไม่แพ้ยี่ห้อตลาดอื่นๆทั่วไปเลย แถมยังจะได้คุณสมบัติที่มากกว่าอีกด้วย มีการใช้วัสดุคุณภาพสูงจากผู้ผลิตชั้นนำ แต่ด้วยความที่เป็นแบรนด์หน้าใหม่จึงยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก H&Y MRC UV ดียังไง? อย่างไร? ลองไปดูกันเลยครับ…
H&Y แบรนด์นี้เป็นฟิลเตอร์ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาในประเทศญี่ปุ่นครับ ส่วนของการผลิตจะผลิตที่ประเทศจีน เป็นแบรนด์หน้าใหม่ที่ใช้เทคโนลยีและวัสดุต่างๆจากผู้ผลิตคุณภาพสูง มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นฟิลเตอร์ที่มีขอบบางมากครับ บางมากๆจริงๆ บางที่สุดในฟิลเตอร์ระดับเดียวกันเลย (H&Y เคลมไว้ว่าเค้าเป็นฟิลเตอร์ที่บางที่สุดในโลกเลยครับ ถ้าไม่นับ B+W รุ่นที่บางๆแล้วไม่มีเกลียวด้านหน้า ปิดฝาปิดเลนส์ไม่ได้) แต่ก็ยังสามารถใส่ฝาปิดเลนส์ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ วัสดุที่ใช้เป็นกระจกคุณภาพสูงจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงอย่าง SCHOTT จากประเทศเยอรมัน ซึ่งถือว่าเป็นผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงมากทีเดียว (โดยจะมีเฉพาะ MRC UV ที่เป็นรุ่นท็อปเท่านั้นที่ใช้ชิ้นเลนส์ SCHOTT จากเยอรมัน ถ้าเป็น H&Y รุ่นต่ำลงมาจะใช้ชิ้นกระจกจาก Asahi Glass ประเทศญี่ปุ่นครับ) มีการโค๊ดผิวชิ้นเลนส์แบบมัลติโค๊ดมากถึง 14 ชั้น มีการโค๊ดผิวแบบป้องกันรอยขีดข่วน ป้องกันน้ำน้ำและน้ำมัน ซึ่งโดยปกติแล้วในฟิลเตอร์ระดับเกรดเดียวกันจะไม่มีในส่วนของการโค๊ดป้องกันเหล่านี้เหมือนกับ H&Y MRC UV
(จากภาพด้านบน) ด้านหลังกล่องและตัวฟิลเตอร์สกรีนตัวหนังสือ JAPAN เพื่อแสดงว่ามีการออกแบบและพัฒนาในญี่ปุ่น
มัลติโค๊ด กับ ไม่มัลติโค๊ด ต่างกันยังไง? ดีอย่างไร?
มัลติโค๊ดนั้นจะช่วยทำให้แสงสามารถเดินทางผ่านชิ้นเลนส์ที่ฟิลเตอร์ของเราได้ดีขึ้นครับ คือแสงจะสามารถผ่านไปได้มาก ลดการสะท้อนแสง ลดการเกิดแสงโก๊สหรือแสงแฟร์
(จากภาพด้านบน) แสดงถึงชิ้นเลนส์ที่ไม่มีการโค๊ดผิว จะเห็นว่าแสงที่เข้ามามีการสะท้อนกลับออกไปถึง 9% เลยทีเดียว
(จากภาพด้านบน) เป็นชิ้นเลนส์ที่มีการโค๊ดผิว 1 ชั้น จะเห็นว่าช่วยลดการสะท้อนแสงไปได้ และแสงที่เข้ามามีการสะท้อนกลับไปเหลือเพียงแค่ 4-5% เท่านั้น
(จากภาพด้านบน) เมื่อเป็นชิ้นเลนส์ที่มีการเคลือบแบบมัลติโค๊ด จะเห็นว่าช่วยให้แสงสามารถผ่านไปได้มากขึ้น และลดโอกาสที่แสงจะสะท้อนออกไปเหลือเพียงแค่ 1-2% เท่านั้น
กลับมาต่อกันที่ H&Y MRC UV กันครับ
H&Y MRC UV นั้นเป็นเกรดสูงของยี่ห้อ H&Y ครับ โดยคุณภาพในการโค๊ดผิวด้านป้องกันโก๊สหรือแฟร์ จะใกล้เคียงกับเกรด Hoya Pro1D และอยู่ในราคาที่สูสีกัน แต่!!! H&Y MRC UV มีสิ่งที่ Hoya Pro1D หรือในเกรดเดียวๆกันนั้นไม่มี นั่นคือจะมีการโค๊ดผิวชิ้นเลนส์แบบกันน้ำกันน้ำมันครับ และมีการโค๊ดแบบ Hard Coat เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน ซึ่งเราจะพบคุณสมบัติแบบเดียวกันนี้ได้ในฟิลเตอร์ระดับท็อปๆอย่างพวก Hoya HD ที่ราคาจะสูงกว่ามาก ณ ปัจจุบันราคา H&Y MRC UV ขนาด 77mm จะอยู่ที่ 1,190 บาทครับ ส่วนของ Hoya HD Protector ขนาด 77mm อยู่ที่ 2,100 บาท ราคาพุ่งไปเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว o.O
ในเรื่องของ Hard Coat และโค๊ดกันน้ำ,กันน้ำมันนั้น ทาง H&Y ระบุว่าได้มีการทดสอบใช้มีดกรีดไปบนฟิลเตอร์ ตัวชิ้นกระจกฟิลเตอร์ก็สามารถกันรอยขีดข่วนได้ ไม่มีรอยเกิดขึ้นแต่อย่างใด และมีการทดสอบแช่ในน้ำเกลือ 5% ที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส ทดสอบใช้เทปกาวแปะๆลอกๆ 5 ครั้ง โค๊ดผิวที่เคลือบไว้ก็ไม่มีการหลุดลอกออกมา
มาดูสเปคที่ H&Y เค้าระบุมากันก่อน…
H&Y MRC UV
-
BAF = ขอบอลูมิเนียมสีดำผิวด้านลดการสะท้อนแสง
-
LPF = ขอบบางพิเศษ ช่วยลดขอบมืด vignette เวลาใช้กับเลนส์มุมกว้าง
-
BRG = ขอบกระจกฟิลเตอร์เคลือบสีดำลดการกระจายแสงภายใน
-
KEF = ผิวขรุขระที่ขอบฟิลเตอร์ช่วยให้จับถนัด ถอดใส่ง่าย
-
UVC = กล่องฟิลเตอร์ป้องกันรังสี UV ช่วยยืดอายุการใช้งาน
-
DMC =มัลติโค๊ดช่วยลดแสงแฟลร์จากแสงสะท้อน
มาดูความบางที่เค้าเคลมว่าบางที่สุดในโลกกันดีกว่า…
(จากภาพด้านบน) จะเห็นว่า H&Y MRC UV นั้นบางมากทีเดียวครับ บางกว่าทั้ง B+W F-PRO, Hoya Pro1D, Hoya HD และบางในระดับที่สูสีกับ B+W XS-PRO Nano เลยครับ(ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าบางกว่านิดหน่อยด้วย o.O)
(จากภาพด้านบน) เทียบความบางกันชัดๆอีกที
ใสแจ๋วววว!!! ความใสนั้นไม่เป็นรองตัวท็อปๆของ Hoya เลยครับ ใสเคลียมากๆ
(จากภาพด้านบน) ลองทดสอบว่าแต่ละตัวจะให้โทนสีขาวเป็นยังไงบ้าง แต่…ผมหาความแตกต่างไม่เจอครับ o.O ตาอาจจะไม่ถึง 555 ทั้งเมื่อมองในภาพที่ผมเอามาให้ดูและทั้งตอนเทสที่ผมพยายามมองด้วยตาเปล่า ผมก็แยกความแตกต่างไม่ออกเลยครับ มองเห็นทั้ง 4 ตัวให้สีขาวเป็นขาวปกติทั้ง 4 ตัวเลย
กราฟแสดงการปล่อยให้แสงผ่านของฟิลเตอร์
(จากภาพด้านบน) Marumi UV ฟิลเตอร์เคลือบกัน UV แต่ไม่มีการเคลือบแบบมัลติโค๊ด การปล่อยให้แสงผ่าน แสงปกติที่เรามองเห็น(390 – 750 nm): 91.7 % แสง UV (200 – 390 nm): 2.6 %
(จากภาพด้านบน) Hoya Pro1D มีการเคลือบแบบมัลติโค๊ด การปล่อยให้แสงผ่าน แสงปกติที่ตาเรามองเห็น (390 – 750 nm): 97.1 % แสง UV (200 – 390 nm): 0.2 %
(จากภาพด้านบน) H&Y MRC UV จะเห็นว่ามี % การปล่อยให้แสงผ่านที่สูงมาก สูสีกับ Hoya Pro1D เลยทีเดียว (% ที่แสงผ่านได้จะอยู่ในแนวตั้งฝั่งซ้าย) โดยทาง H&Y เคลมว่าสามารถปล่อยให้แสงผ่านได้ถึง 99.6%
มาถึงการทดสอบ การโค๊ดกันน้ำ, กันน้ำมันกันแล้วครับ…
(จากภาพด้านบน) ผมทดสอบเทน้ำใส่ลงไปเล็กน้อย ปรากฎว่าน้ำเกาะกันเป็นเม็ดๆอย่างที่เห็นครับ แสดงให้เห็นว่าน้ำไม่สามารถเกาะตัวชิ้นเลนส์ได้ เราจึงเห็นน้ำเป็นเม็ดๆ อย่างที่เห็นในภาพ ที่เค้าโฆษณาว่ากันน้ำนั้น คอนเฟิร์มว่าใช้งานได้จริงครับ
(จากภาพด้านบน) ผมยังคงสงสัยว่าน้ำไม่เกาะจริงรึเปล่า จึงลองเทฟิลเตอร์เอียงๆนิดๆดูครับ ปรากฎว่าน้ำไหลลงมาตามกันอย่างง่ายๆ แสดงว่ามันไม่เกาะชิ้นเลนส์จริงๆด้วย
(จากภาพด้านบน) และจากการที่มีโค๊ดกันน้ำ,กันน้ำมัน ทำให้น้ำไม่เกาะชิ้นเลนส์ เมื่อฟิลเตอร์เปียกน้ำตามในรูปข้างบน เราจะสามารถเช็ดมันออกได้อย่างสบายเลยครับ ขอย้ำว่าเช็ดง่ายมากครับ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่ามันจะง่ายอะไรมากมาย แต่พอลองแล้ว เออ…มันเช็ดง่ายดีจริงๆแฮะ ปรืดด เดียวน้ำหายหมดเลย และจากการที่มันมี Hard Coat ที่กันรอยขีดข่วนได้อย่างดี เวลาเช็ดจึงไม่ต้องระวังหรือกังวลมาก เช็ดไปเลยยังไงก็กันรอย 55
(จากภาพด้านบน) มาลองทดสอบกันหมึกกันบ้างดีกว่า… จากในภาพไม่ใช่ว่าปากกาผมหมึกอ่อนจะหมดเน่ออ เขียนกระดาษมันก็ดำดีปกติ แต่สังเกตว่าเมื่อเขียนฟิลเตอร์กับไม่ค่อยติดเลย และหมึกปากกายังไม่สามารถเกาะตัวชิ้นเลนส์ได้ แตกเป็นเม็ดเล็กๆๆๆๆๆ กันเต็มไปหมด
(จากภาพด้านบน) ดูกันชัดๆใกล้ๆเลย จะเห็นว่าหมึกไม่สามารถเกาะบนผิวชิ้นเลนส์ได้ แตกเป็นเม็ดๆเล็กๆกันเต็มไปหมด แสดงให้เห็นว่านอกจากจะกันน้ำแล้ว กับหมึกนั้นก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ที่เห็นในภาพเป็นรอยขีดๆเส้นยาวๆนั่นไม่ใช่อะไรครับ โต๊ะที่ผมวางฟิลเตอร์มันมีรอยอยู่พอดี 555
(จากภาพด้านบน) ส่วนในการเช็ดออกก็ง่ายสบายๆไม่ต่างจากตอนเช็ดน้ำเลยครับ ปรืดเดียววว ออกหมด เพราะมันเกาะไม่ติดอยู่แล้ว
พอเช็ดเสร็จแล้วก็กลับมาใสปิ้งงง เหมือนเดิมมม….
ทดสอบกับฟิลเตอร์ปกติทั่วไป
ถ้าหากว่าเป็นฟิลเตอร์ที่ไม่มีการโค๊ดผิวแบบกันน้ำ,กันน้ำมัน อย่างพวกฟิลเตอร์ UV ธรรมดา หรือ Hoya เกรด HD ลงไป Kenko เกรดตั้งแต่ Zeta ลงไป เวลาเทน้ำใส่หรือเขียนด้วยปากกาเมจิ จะเป็นแบบนี้ครับ…
จะเห็นว่าน้ำไม่แตกเป็นเม็ดๆเล็กๆเหมือนกับ H&Y MRC UV แต่จะเป็นลักษณะนองๆอยู่ และเมื่อนำปากกาเมจิเขียนบนตัวฟิลเตอร์ก็จะติดเป็นขีดๆอย่างที่เห็นครับ ต่างกับตัว H&Y MRC UV ที่เขียนแล้วไม่ติด เพราะหมึกไม่สามารถเกาะบนชิ้นกระจกได้
และฟิลเตอร์ที่ไม่มีการโค๊ดกันน้ำ ในการเช็ดน้ำออกก็จะทำได้ยากกว่าด้วยครับ จะสังเกตได้จากภาพทางซ้าย พอเช็ดแล้วจะทิ้งคราบน้ำเอาไว้ เช็ดน้ำออกยาก ส่วนภาพทางขวาเป็น H&Y MRC UV จากการทดสอบปรากฎว่าเช็ดออกง่ายกว่ามากเลยครับ ถูวนๆซัก 2-3 รอบก็ใสแล้ว ถ้าตัวไม่มีโค๊ดกันน้ำแบบนี้นี่ถูกันเข้าไป ใสยากจริงๆ – -“
เป็นยังไงบ้างครับกับ H&Y MRC UV ตัวนี้ ในความเห็นของผม การทนน้ำทนการขีดข่วนต่างๆนั้นถือว่าทำได้ดีมากอย่างที่เค้าคุยเอาไว้จริงๆ และด้วยความที่เป็นฟิลเตอร์ที่มีจุดประสงค์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องเลนส์ของเรา คุณสมบัติเหล่านี้ผมมองว่ามันเป็นสิ่งสำคัญครับ และถือเป็นจุดเด่นของฟิลเตอร์ตัวนี้เลยครับเพราะในระดับเดียวกันที่ราคาพอๆกัน ฟิลเตอร์จากยี่ห้ออื่นจะไม่มีคุณสมบัติในส่วนนี้นั่นเอง ส่วนในเรื่องของความใสเคลียและคุณภาพชิ้นเลนส์ต่างๆ การปล่อยให้แสงผ่าน การลดแสงสะท้อน บลาๆๆๆอีกมากมาย บอกได้เลยว่าไม่แพ้ค่ายอื่นๆในระดับเดียวกันเลย และยังมีจุดเด่นที่มีขอบบางมากๆ บางกว่าค่ายอื่นๆ และด้วยความที่เป็นแบรนด์หน้าใหม่ทำให้มาในราคาที่ไม่สูง แต่มีคุณสมบัติที่มากกว่าฟิลเตอร์ในระดับเดียวกัน ทำให้ H&Y MRC UV ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
เหมาะกับใครที่กำลังมองหาฟิลเตอร์คุณภาพดีซักตัวในราคาไม่แพง แถมยังได้คุณสมบัติที่มากกว่าฟิลเตอร์ในระดับเดียวกันอีกด้วย สามารถกันรอยขีดข่วนได้ดี กันน้ำ กันน้ำมัน เหมือนกับฟิลเตอร์ระดับท็อปๆราคาแพง ในราคาที่ไม่หนีจากฟิลเตอร์ระดับกลางๆอย่าง Hoya หรือ Kenko Pro1D
ใครที่กำลังหาฟิลเตอร์ดีๆซักตัวที่ราคาไม่แพงอยู่ อย่าลืมดูเจ้าตัวนี้ก่อนนะครับ เข้ามาดูตัวจริงได้เลยครับที่ Zoomcamera ทุกสาขา
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ H&Y MRC UV
ภาพและข้อมูลบางส่วนจาก Lenstip.com