กล้อง Action Cam น้องใหม่จากทาง Gopro พร้อมการปรับโฉมใหม่ด้วยการที่มาพร้อมจอหน้าที่ทำให้ถ่ายตัวเองง่ายขึ้น แพจเกจใหม่ กันสั่น Hypersmooth เวอร์ชั่นใหม่ 3.0 เซ็นเซอร์ใหม่ความละเอียดสูงขึ้น ถ่ายวีดีโอได้สูงสุด 5K โหมด Timewarp ปรับปรุงใหม่เวอร์ชั่น 3.0 แบตเตอรี่ใหม่ Media Mod ใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าทีมงาน Zoomcamera ไม่พลาดที่จะทดสอบให้ชมครับ ว่าดีขึ้นแค่ไหน? เจ๋งขึ้นไหม? ติดตามได้ในรีวิวนี้ครับ
Spec
- Sensor ใหม่ 23.6 Megapixel
- ถ่ายภาพนิ่งได้ 20 Megapixel
- ถ่ายวีดีโอ 5K 30fps , 4K 60fp , 2.7K 120fps , fhd 240fps
- จอหลัง 2.27 นิ้ว ทัชสกรีน
- จอหน้าสีขนาด 1.4 นิ้ว ทัชไม่ได้
- ดำน้ำลึก 10m ใส่ housing ได้ 60m
- voice control สั่งการด้วยเสียง
- กันสั่นแบบดิจิตัล Hypersmooth ใหม่ ver. 3.0 ใช้ได้ทุกความละเอียด
- Timewarp ใหม่ ver.3.0
- แบตใหม่เพิ่มความจุ 1,720 mAh
- Media mod ใหม่
- ใช้เป็น webcam ได้ 1080p
Package ใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
ความเปลี่ยนแปลงแรกที่คุณจะเห็นเลยก็คือแพจเกจที่เปลี่ยนไป ถ้าเป็นแบบเก่า ตั้งแต่ Gopro ตัวแรกถึง Gopro Hero 8 เวลาจับแพจเกจขึ้นมา ผมจะถามตัวเองเสมอว่ากล่องที่เป็นเรซิ่นแบบนี้สามารถเอาไปทำประโยชน์อะไรได้ต่อ หรือจำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหม อุส่าทำมายิ่งใหญ่แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรขนาดนั้น แถมยังแกะยากอีก ฮ่า ๆ
แต่เมื่อเห็นแพจเกจบอกเลยว่ามาถูกทางแล้ว เพราะครั้งนี้ มาเป็น Hard case เอาไว้ใส่ GoPro ของเราได้ด้วย ผมว่าแจ่มกว่าเดิมเยอะ และมีประโยชน์มาก ๆครับ
Design ใหม่ใหญ่กว่าเดิมนิดนึง
หลัก ๆ ก็ยังหน้าตาคล้าย ๆ กันอยู่ แต่ในส่วนของขนาดจะไม่เหมือนใน GoPro Hero 8 เดิม เพราะขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย แน่นอนว่าอุปกรณ์เสริมรวมทั้ง Media Mod จะใช้ร่วมกันไม่ได้ จะมีเพียง Display Mod และ Light Mod เท่านั้นที่ยังใช้ร่วมกันได้ ส่วนปุ่มเปิดปิดเค้าออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นนิดหน่อยพร้อมกับทำให้นูนกว่าเวลากดเปิดแบบไม่ต้องดูก็สามารถหาเจอและกดได้ง่ายขึ้นครับ
Lens Protect ถอดเปลี่ยนได้ ใส่ Max lens Mod ได้
หลาย ๆ คนที่ใช้ GoPro รุ่นก่อน ๆ หน้าน่าจะเคยเจอปัญหาว่า ตัว Lens Protect ใช้ไปนาน ๆ มักจะมีรอยขีดข่วนเกิดขึ้นมา แต่ปัญหาคือถ้าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนไม่ได้เพราะออกแบบมาแบบติดไปกับตัวบอดี้กล้องเลย ดังนั้นเค้าเลยแก้ปัญหาตรงนี้มาให้สามารถแกะ Lens Protect ออกมาเพื่อเปลี่ยนได้ แต่ผมมองว่านอกจากจะถอดเพื่อเปลี่ยนแล้ว อนาคตอาจจะมีค่าย filter หลาย ๆ ค่ายออกแบบ Filter หลากหลายรูปแบบมาเพื่อใช้กับ GoPro Hero 9 ก็เป็นไปได้
ที่สำคัญเค้าจะมีตัว Max lens Mod ซึ่งเป็นเลนส์เสริมแบบ Ultra wide 155º ใส่เข้าไปแทนได้ทำให้ได้ภาพมุมกว้างมากขึ้นอีกด้วยนะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจครับ
มาพร้อมจอหน้า
สิ่งแรกที่โดดเด่นเห็นแต่ไกลและเป็นประเด็นพูดถึงตั้งแต่ตอนข่าวลือแล้ว นั่นก็คือ จอหน้านั่นเองครับ ในส่วนของจอหน้ามาด้วยขนาด 1.4 นิ้ว ทัชไม่ได้ เป็นจอสัดส่วนแบบ 1:1
ว่ากันตามตรงก็คือใช้งานสะดวกขึ้นกว่าเดิมมากครับ โดยเฉพาะถ้าเราถ่ายตัวเอง ทำให้การ Vlog ง่ายขึ้น เห็นว่าเฟรมอยู่ประมาณไหนแล้ว ถ่ายหลาย ๆ คนก็รู้ว่ากลางแล้ว ซึ่งก็ใส่มาให้แล้วไม่ต้องใช้ Display Mod เหมือนใน Hero 8
ในส่วนของจอหน้าก็มีเมนูให้เลือกด้วยนะครับ มีให้เลือกกัน 4 แบบคือ
แบบแรกที่ให้มาจะเป็นแบบเต็มจอเลย จะเป็นการซูมภาพให้เต็มจอไม่ใช่ภาพจริงที่จะได้
ส่วนแบบที่สองคือ จะเห็นมุมภาพจริง ๆ เหมือนกับจอข้างหลัง เป็นสัดส่วน 16:9 ครับ
ส่วนแบบที่สามคือ โชว์เฉพาะข้อมูลสถานะเท่านั้น
แบบที่สี่คือปิดไปเลยไม่ต้องโชว์อะไร
หลังจากใช้อยู่พักนึงผมก็สังเกตเห็นว่าตัวจอหน้าภาพจะหน่วงนิด ๆ นะครับ จะไม่เหมือนจอหลังที่มีความลื่นกว่า เป็นเรียลไทม์มากกว่าครับ แต่ในแง่การใช้งานก้ต้องบอกว่าไม่มีปัญหาครับ เพราะเราใช้เพื่อว่าเชคมุมเท่านั้น อาจจะหน่วงนิดเดียวก็ยังถือว่าไม่เป็นไรครับ
จอหลังมีขนาด 2.27 นิ้ว ทัชสกรีน ซึ่งพวกอินเตอร์เฟสก็เหมือนใน Gopro Hero 8 ถ้าใครที่เคยใช้อยู่แล้วก็สามารถใช้ได้เลยไม่ต้องปรับตัวอะไรครับ
ถ่ายภาพนิ่งได้ 20 ล้านพิกเซล
GoPro Hero 8 GoPro Hero 9
นอกจากการที่ GoPro Hero 9 จะเปลี่ยน Sensor ให้มีความละเอียดมากเป็น 23.6 ล้านพิกเซลแล้ว เหมือนทางโกโปรจะบอกมาว่าในตัวนี้จะเน้นภาพนิ่งมากขึ้น เพราะถ้าเทียบกับตัวเก่า Hero 8 ที่ถ่ายได้แค่ 12 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่ Hero 9 จะสามารถถ่ายภาพนิ่งได้ที่ 20 ล้านพิกเซล (ถ่ายเป็นไฟล์ Raw ได้ทั้งคู่นะครับ)
ถ่ายวีดีโอละเอียดกว่าเดิม
กล้อง GoPro Hero 9 สามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด ถ่ายวีดีโอ 5K 30fps , 4K 60fp , 2.7K 120fps , fhd 240fps
ในขณะที่กล้อง GoPro Hero 8 ตัวเดิม สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 60fps , fhd 240fps เท่านั้น
กันสั่น Hypersmooth ver. 2.0 vs 3.0
เรามาชม วีดีโอเปรียบเทียบ กันสั่น HyperSmooth ระหว่าง hero 8 ที่เป็น ver.2.0 กับ hero 9 ที่เป็น ver.3.0 ครับ ว่าจะต่างกันขนาดไหน
หลังจากที่ทดลองเปรียบเทียบกันแล้ว ผมมีความเห็นว่า ภาพรวมดีทั้งคู่ครับ จริง ๆ ผมว่าเค้าก็ทำได้ดีมาก ๆ แล้วนะ ใน ver.2.0 พอเอามาเทียบกันถ้าสังเกตุดี ๆ ผมว่าของ GoPro Hero 9 ดีกว่าอยู่ครับ ถือว่าทำได้ดีขึ้นมาได้อีกระดับนึง จะสังเกตุเห็นได้ชัดเจนที่สุดตอนใช้แบบ Boost ครับผม
Time warp 2.0 และ 3.0 ต่างกันยังไง ?
ฟังก์ชั่น Timewarp ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นที่ผมชอบมาก ๆ ตั้งแต่ออกมาครั้งแรกแล้วครับ ตอนแรกก็จะเป็นเร่งความเร็วแบบธรรมดา พอมา ver. 2.0 สองสามารถกดเพื่อให้ความเร็วเป็นปกติได้ หรือสลับไปมาระหว่างเร็ว ช้า ได้ตลอด ส่วนความแตกต่างของ Timewarp 2.0 และ 3.0 ก็คือใน Ver.3.0 จะสามารถเลือกให้ Slow motion ได้ด้วย อันนี้อย่างเจ๋งครับ แล้วก็ความแตกต่างอีกอย่างก็คือเค้าบันทึกเสียงมาด้วย ถือว่าทำให้วีดีโอเราหลากหลายมากยิ่งขึ้นครับผม
เปรียบเทียบไมค์ GoPro Hero 8 Vs Gopro Hero 9
ได้ยินจาก GoPro มาว่า ใน GoPro Hero 9 นั้นมีการพัฒนาเรื่องเสียงให้ดียิ่งขึ้นด้วย ในการตัดเสียงลม ผมก็เลยทำการทดสอบมาให้ดูด้วย ลองฟัง และเทียบเสียงดูครับ
จากการที่ได้ทดสอบมา ผมมองว่าอาจจะไม่ต่างมากครับ เดิม ๆ ของ Hero 8 ผมว่าก็ทำได้ดีอยู่แล้วนะ ในเรื่องตัดลม พอมาเทียบกันผมว่าก็ทำได้โอเคทั้งคู่นะครับ
แบตเตอรี่อึดขึ้น
แบตเตอรี่ใน Hero 9 จะมีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช้ตัวเดิมกับ Hero 8 ครับ มีความจุมากขึ้น จากเดิมใน Hero 8 จะอยู่ที่ 1,220 mAh แต่ใน Hero 9 จะอยู่ที่ 1,720 mAh อึดมากขึ้นราว ๆ 30%
จากการใช้งานเปรียบเทียบชาร์จเต็มทั้งคู่ทั้ง 8 และ 9 ผมว่าแบตก็ไม่ได้ดูอึดมากขึ้นขนาดเห็นได้ชัด มากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย นั้นอาจจะเพราะว่ามีจอหน้าเพิ่มขึ้นมา และผมเปิดจอหน้าไว้แทบตลอด เลยทำให้กินแบตกว่าปกติครับ
ราคา
Gopro Hero 9 ราคา 15,999 บาท ซึ่งในส่วน Hero 8 ราคาก็จะลดลงเหลือ 12,999 บาท ตามระเบียบครับ ส่วนใครสนใจตัวไหนก็สามารถสั่งซื้อได้ข้างล่างตามรายการสินค้าที่ผมแนบไว้ให้ สินค้ามีพร้อมจำหน่ายครับ หรือคลิกที่ลิ้งค์นี้ก็ได้ครับ
ซื้อ GoPro hero 9 Black
-
GoPro HERO 9 Black (ประกันศูนย์)Product on sale฿13,500 – ฿15,500
-
Gopro Hero8 Black (ประกันศูนย์)฿11,990