โดยปกติอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค หรือ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า มักจะไม่ค่อยถูกโชลกกันกับความชื้นอยู่แล้ว ประกอบกับใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ผู้ใช้งานอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค ต่างดูแลของใช้ส่วนตัวกันอย่างทะนุถนอมมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะกับกล้องถ่ายภาพ ซึ่งมูลค่าไม่ได้ถูกซะด้วย ทั้งนี้กล้องถ่ายภาพบางรุ่น บางยี่ห้อก็มี Feature พิเศษอย่าง Weather Seal , Weather Resistant และ Water Proof ซึ่งแม้ว่า Feature จะช่วยให้กล้องถ่ายภาพของเรานั้น สามารถออกไปถ่ายภาพในสถานการณ์ที่ต้องเจอทั้งน้ำ , ละอองน้ำ ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า Feature เหล่านี้จะปกป้องกล้องถ่ายภาพของคุณได้ครบ 100% เสมอไป ทำให้บางครั้งอาจมีเหตุสุดวิสัยที่ไม่คาดคิด ที่พร้อมจะทำให้น้ำสามารถซึมเข้าไปได้ในที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว ก็ยังแนวทางป้องกันและแก้ปัญหา เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์นั้นๆ มาดูกันครับว่า ถ้ากล้องถ่ายภาพของเรา ตกน้ำ หรือ น้ำเข้า ต้องทำอย่างไร
*** Tips : แนวทางป้องกันและแก้ปัญหา เมื่อกล้องตกน้ำ – น้ำเข้า ***
– ห้ามเปิดสวิตซ์เครื่องโดยเด็ดขาด
เชื่อว่าเหตุการณ์ที่มักจะสุดวิสัย ยามที่ตัวกล้องและ/หรือเลนส์ตกน้ำไป เมื่อเราหยิบขึ้นมา มักจะแทบทันทีที่เราจะเปิด Power เพื่อทำการเช็คว่ากล้องถ่ายภาพของเรานั้นยังทำงานได้ปกติหรือไม่ แต่นั่นเป็นวิธีการที่ผิดนะครับ เนื่องจาก กล้องถ่ายภาพและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค ระบบกลไกต่างๆภายในจะขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ดังนั้นเมื่อกล้องถ่ายภาพของเราที่ตกน้ำ เมื่อทำการเปิดสวิตซ์ ความชื้นจากน้ำจะไปทำปฏิกริยากับแผงวงจรภายในได้โดยง่าย ซ้ำร้ายอาจส่งผลทำให้กล้องถ่ายภาพของเรา อาจจะหมดอายุการใช้งานลงได้อย่างกะทันหันเลยครับ
– สำรวจจุกปิดต่างๆรอบตัวกล้อง
ในกล้องถ่ายภาพแต่ละรุ่น มักจะมีช่องปิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่องปิดแบต , ช่องใส่ Memory เป็นต้น แต่ในกล้องถ่ายภาพในระดับ Pro มักจะมีช่องปิดที่ค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ซึ่งช่องเหล่านี้เป็นช่องพิเศษอย่างช่องเสียบแจ๊ค 3.5 เป็นต้น สาเหตุที่ให้สำรวจเพราะ กล้องในหลายๆรุ่นมาพร้อมกับความสามารถ Weather Seal , Weather Resistant , Weather Proof ซึ่ง Feature ดังกล่าว จะมีซีลยางปกป้องตามจุดต่างๆรอบตัวกล้อง โดยแต่ละรุ่นที่มี Feature นี้ จะแตกต่างกันตามราคาด้วยครับ ซึ่งเจ้าซีลยางนี้ เสมือนเป็นด่านแรกที่จะป้องกันไม่ให้ความชื้นหรือน้ำ ซึมผ่านเข้ามาภายในตัวกล้องนั่นเอง เว้นแต่เกินขีดความสามารถที่ซีลยางจะรับมือได้ หรือ น้ำมีแรงดันที่สูงมากจนสามารถซึมผ่านเข้าไปได้นั่นเองครับ ฉะนั้น เพื่อนๆที่ถือกล้องถ่ายภาพ ที่มีคุณสมบัติ Weather Seal , Weather Resistant , Weather Proof ละก็ อย่านิ่งนอนใจไปนะครับ
– นำแบตเตอรี่ ออกจากกล้อง
หัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนการทำงานต่างๆของกล้องถ่ายภาพเรานั้น อยู่ที่เจ้าแบตเตอรี่นั่นเอง ซึ่งเจ้าแบตเตอรี่เสมือนเป็นผู้เก็บประจุพลังงานที่พร้อมจะแจกจ่ายกระแสไฟ เพื่อให้ระบบภายในทำงานเต็มรูปแบบ แต่เมื่อกล้องถ่ายภาพเราตกน้ำ นอกจากไม่ควรเปิดสวิตซ์กล้องแล้ว ยังควรที่จะรีบนำแบตเตอรี่ออกจากตัวกล้องให้ไวที่สุดครับ เนื่องจากช่องใส่แบตเตอรี่กล้องบางรุ่น จะมีขนาดที่ใหญ่ ทำให้น้ำอาจซึมเข้ามาภายในได้เป็นจำนวนมาก และ แบตเตอรี่เมื่อแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อาจะเสื่อมสภาพ จนทำให้มีสารเคมีไหลออกมาได้ด้วยนั่นเองครับ ซึ่งสารเคมีในแบตเตอรี่ ล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างพวกเราด้วยครับ หากเป็นไปได้ ควรนำแบตเตอรี่ดังก่าวไปกำจัดด้วยวิธีการที่เหมาะสมด้วยนะครับ
– ทำความสะอาดเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน
ณ สถานการณ์ตรงนั้น หากกล้องถ่ายภาพของใครตกน้ำ ใครเสียใจกันไม่น้อย แต่ควรรีบตั้งสติและพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่ากล้องถ่ายภาพของเราที่ตกลงไปนั้น เป็นน้ำชนิดใด ถ้าเป็นเพียงน้ำทั่วๆไป เราก็เพียงทำความสะอาดด้วยการเช็ดให้แห้งด้วยผ้าให้ไวที่สุด , ถ้าน้ำนั้นๆไม่ใช่น้ำทั่วๆไป อย่าง น้ำกร่อย , น้ำทะเล แทน อาจจะต้องหาผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดเป็นการด่วน เนื่องจากในน้ำกร่อยหรือน้ำทะเล จะมีความเค็มอยู่ ซึ่งความเค็มเหล่านี้ พร้อมทำลายชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคได้ง่ายๆจากการกัดกร่อนนั่นเอง
– เลี่ยงการแกะตัวกล้อง
ถือเป็นข้อห้ามอันดับต้นๆ ไม่ต่างจากการเปิดสวิตซ์ก็ว่าได้ครับ เพราะ ตัวกล้องถ่ายภาพของเรานั้น ภายนอกอาจจะดูบึกบึน แข็งแรง แต่ยามใดที่เราทำการแกะ Cover ชั้นนอกออกแล้วนั้น จะพบกับแผงวงจรภายในของกล้องเรานั่นเอง ซึ่งเจ้าแผงวงจรเหล่านี้ก็คือแผงวงจรอิเล็คทรอนิคชนิดหนึ่งนั่นเอง และยิ่งเราทำการแกะหลังจากกล้องที่ตกน้ำมาด้วยแล้ว ความชื้นสะสมจากภายในตัวกล้องและความชื้นในอากาศก็พร้อมที่จะทำปฎิกริยากับเหล่าชิ้นส่วนเรานั่นเองครับ และ หากเป็นไปได้ควรให้ถึงมือช่างผู้ชำนาญการ ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง เป็นผู้ลงมือจะเป็นการดีที่สุดครับ
– เลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผมที่มีลมร้อนสูง
สำหรับเพื่อนๆที่เคยถืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิคอื่นๆตกน้ำ อย่าง Smartphone ละก็ อาจจะติดภาพที่ทำการเปิดช่องต่างๆรอบตัว แล้วทำการใช้ไดร์เป่าผม เป่าเพื่อไล่ความชื้นไปด้วยนั้น ถือเป็นอีกวิธีการที่ได้รับความนิยม แต่สำหรับกล้องถ่ายภาพแล้วนั้น ด้วยความที่ตัวกล้องถ่ายภาพมีความแตกต่างจาก Smartphone กล่าวคือ ชิ้นส่วนต่างๆ อาจจะมีทั้งพลาสติค , แมกนีเซียม , ยาง เป็นต้น โดยเฉพาะ ยาง หากโดนความร้อนสูงๆด้วยแล้ว อาจทำให้เสื่อมสภาพการใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงแผงควบคุมต่างๆ หากใช้ไดร์เป่าผมที่มีลมร้อนสูงมากๆ อาจส่งผลข้างเคียงกับชิ้นส่วนต่างๆได้นะครับ
– ข้าวสาร อาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป
ภูมิปัญญาแบบไทย ที่เชื่อว่าเพื่อนๆต้องเคยผ่าน หรือ พบเจอกันมาบ้าง สำหรับการนำสิ่งของที่ตกน้ำหรือโดนความชิ้นมาทำการวางไว้ในถังข้าวสาร เพื่อช่วยดูดความชื้นที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในส่วนที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้ ยิ่งกับตัวกล้องถ่ายภาพแล้ว ขนาดที่ใหญ่ ยิ่งมีความชื้นกระจายได้สูงกว่าสิ่งของชิ้นเล็กๆนั่นเองครับ โดยให้วางทิ้งไว้ 2-7 วัน ตามแต่สภาพของตัวกล้องที่ตกน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่า ความชื้นได้หายไปหมดแล้วจริงๆ จากนั้นให้ลองทดสอบดูว่า ยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิมหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบสัมผัส, ปุ่มกดใช้งานกดได้ทุกปุ่มหรือไม่ เป็นต้น ทั้งนี้การนำกล้องลงถังข้าวสารก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน เนื่องจากในถังข้าวสารนั้นไม่ได้มีเพียงข้าวสารเพียงอย่างเดียว แต่ยังประกอบไปด้วยฝุ่นละอองในอากาศ ซึ่งการนำกล้องไปแช่ในถังข้าวสารนั้น บางครั้งเราอาจจะได้ของแถมเป็นฝุ่นละอองที่เข้าไปจับอยู่ภายในตัวกล้อง และเคราะห์ร้ายอาจจะได้ รา มาเป็นของแถมด้วยเช่นกันครับ
– นำส่งศูนย์บริการให้ไวที่สุด เท่าที่จะทำได้
วิธีการสุดท้าย ที่คิดว่าได้ผลลัพธ์ดีที่สุด คงจะหนีไม่พ้นการนำตัวกล้องของเรานั้น ส่งเข้าศูนย์บริการของแบรนด์นั้นๆ ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างก็มีที่ตั้งที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงเรทราคา ค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะ ปกติอาการกล้องตกน้ำเป็นอาการที่อยู่นอกเหนือประกันที่ระบุไว้นั่นเองครับ เบื้องต้นเพื่อนๆสามารถนำตัวกล้องที่ตกน้ำมาปรึกษาเบื้องต้นกับทางร้าน Zoomcamera ได้ทุกสาขาใกล้บ้าน พร้อมกันนี้เพื่อนๆที่ซื้อกล้องผ่านทางร้าน Zoomcamera ก็สามารถนำตัวกล้องฝากส่งผ่านทางร้านได้เช่นกันครับ หรือ เพื่อนๆที่สะดวกในการเดินทางไปยังศูนย์บริการต่างๆ ก็สามารถนำกล้อง Walk-In เข้าไปที่ศูนย์ได้เช่นกันครับ ซึ่งทีมงาน Zoomcamera ก็ได้รวบรวมที่ตั้ง และ บเอร์ติดต่อของศูนย์บริการกล้องที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ให้เพื่อนๆได้รับทราบกันโดยมีรายละเอียดตามนี้ครับ
ศูนย์ Canon
เลขที่ 98 อาคารสาทรสแควร์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ ชั้น 2 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:15 น. ถึง 17:15 น. (ปิดให้บริการในวันหยุดราชการ)
โทรศัพท์ : 0-2344-9988
ศูนย์ Nikon
1 ชั้น 45 อาคาร เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ (ริเวอร์ วิง อีส) ถนนสาธรใต้ ยานนาวา สาธร กรุงเทพมหานคร 10120
เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 ถึง 17.30 น. (ปิดให้บริการในวันหยุดราชการ)
โทรศัพท์ : 0-2633-5100
ศูนย์ Sony
2126 ชั้น 1 อาคารกรมดิษฐ์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ห้วยขวาง บางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10310
เวลาทำการ : วันจันทร์ – เสาร์ 9.00 ถึง 17.30 เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
โทรศัพท์ : 0-2715-6100
ศูนย์ Fujifilm
ชั้น G อาคาร เอส. พี. เลขที่ 388 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ 10400
เวลาทำการ : วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.30 น. ถึง 16.30 น. หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
โทรศัพท์ : 02-270-6000 ต่อ 726
ศูนย์ Olympus
23/112 อาคารสรชัย ชั้น 27 ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เวลาทำการ : วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9:00 ถึง 17:00 น. หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
โทรศัพท์ : 02-787-8200
ศูนย์ Panasonic
บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด 75 ถนนเสรีไทย แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพ 10230
เวลาทำการ : วันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30น. ถึง 17.30น. ยกเว้นวันหยุดบริษัทและวันหยุดนักขัตฤกษ์
โทรศัพท์ : 02-729-9000
*** สอบถามเพิ่มเติม ***
inbox : http://www.facebook.com/messages/zoomcamera
02-635-2330 ต่อ 0 / 083-067-7677 (หยุดวันอาทิตย์)
สาขาสีลม 02-635-2330-1 / 080-271-2772
สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 02-951-8597 / 085-937-0123
สาขาเมกาบางนา 02-105-1926 / 086-554-1919
สาขาเดอะมอลล์บางแค 02-454-9598 / 084-033-0498
สาขาฟอร์จูนทาวน์ 02-642-1291 / 083-068-2775
สาขา Central Festival เชียงใหม่ 052-068-787 / 096-878-4896
สาขา Central Westgate 02-060-4362 / 097-063-4328
สาขา Central Festival หาดใหญ่ 095-702-7585