Tutorial : 6 Tips อัพเวลการถ่ายภาพฉบับก้าวกระโดด Leave a comment

อย่างที่ทราบกันดีว่า โลก Social ในปัจจุบันมีผลทางอ้อมกับตลาดกล้อง เนื่องจาก Social ต่างๆได้เปิดกว้างในการให้ผู้ใช้ได้โพสต์ที่ตนเองถ่ายได้โดยง่าย ซึ่งกล้องในปัจจุบันก็สามารถทำได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นการส่งผ่าน Wifi / NFC / Bluetooth โดยตรงมาที่ Smartphone ได้อย่างรวดเร็วฉับไว แต่ด้วยความรวดเร็วนี้นั้นทำให้บรรดาช่างภาพมือใหม่ มักจะละเลย และ/หรือ ลืมให้ความสำคัญกับ Output สุดท้ายที่เป็นภาพออกจากกล้อง และมักจะลงเอยด้วยการวิ่งหาทางลัดเพื่อให้ได้มาซึ่งการกดชัตเตอร์แล้วได้ภาพสวยทันที ซึ่งทีมงาน Zoomcamera จะมาแนะนำบทความ ” Tutorial : 6 Tips อัพเวลการถ่ายภาพฉบับก้าวกระโดด ” ซึ่งเป็น Tip เล็กๆทีแฝงไปด้วยสาระสำคัญที่พร้อมจะเป็นทางลัดให้กับมือใหม่ทุกท่าน ว่าแล้วไปรับชมกันเลยครับ

*** 6 Tips อัพเวลการถ่ายภาพฉบับก้าวกระโดด ***

1. ค่าความไวแสง VS ค่าชดเชยแสง

สำหรับในการถ่ายภาพ โดยปกติ ถ้าเราไม่ได้ใช้ Mode Auto เป็นหลัก ส่วนใหญ่เราจะค้าง Dial Mode อยู่ที่ Mode A เป็นซะส่วนใหญ่ ซึ่งใน Mode A นี้ เราจะสามารถปรับค่าความสว่างของภาพ หรือ Exposure ได้ โดยจะส่งผลเพิ่มเติมในส่วนของ Shutter Speed ที่เพิ่ม / ลด ตามแต่การชดเชยแสงที่เราตั้งค่าไว้ กลับกันหากเราใช้ Mode M เราจะไม่สามารถชดเชยแสงแบบเดียวกับ Mode A ได้ แต่เราจะชดเชยความสว่างภายในภาพด้วยการปรับค่า ISO หรือ ค่าความไวแสงแทน เพือให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น แต่จะมีผลลัพธ์ข้างเคียงในเรื่องของสัญญาณรบกวนภายในภาพ หรือ Noise นั่นเอง ยิ่งเราปรับค่า ISO ที่สูง ยิ่งมี Noise รบกวนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้เราอาจจะต้องพิจารณาจากสถานการณ์ตรงหน้า ณ ขณะนั้นว่า ควรใช้ค่าไหน และ Mode ไหน เพราะค่าทั้ง 2 นี้ ทดแทนกันได้ แต่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง

2. ลองใช้ Preset ในการ Process

Preset เป็นอีกตัวช่วยในการร่นระยะการ Process ภาพของเราได้อย่างน่าทึ่ง เหตุผลที่ว่าบรรดา Preset นั้น จะเป็นการ Setting ค่าต่างๆไว้แล้ว เราเพียงเลือกแล้วนำมาใช้ได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่ Preset จะมี Effect ภาพในหลายๆรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Retro , Vintage , Cinematic เป็นต้น

3. การลดสัญญาณรบกวนในภาพ และ ความคม

Noise หรือ สัญญาณรบกวนภายใน ที่ส่วนใหญ่จะปรากฏภายในภาพ เมื่อเราใช้ค่า ISO ในระดับสูง ซึ่งจำนวน Noise ที่เกิดภายในภาพจะมีมาก มีน้อย ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย อาทิ ขนาดของ Sensor กล้อง, ระบบประมวลผลของตัวกล้อง เป็นต้น ยิ่งมี Noise ภายในภาพมากเท่าไร ยิ่งส่งผลถึงรายละเอียดต่างๆของภาพ โดยเฉพาะเฉดสีและความคมของภาพ ที่จะดรอปลงอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง

กลับกัน Sharpen หรือ ความคม จะช่วยให้ภาพของเรามีความคมกว่าปกติ ซึ่งยิ่งเรา Sharpen มาก ยิ่งทำให้เราภาพของเราดูคมแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ รวมถึงเป็นการดึง Grain และ/หรือ Noise ในส่วนมืดของภาพให้ออกมาชัดเจนกว่าการไม่ Sharpen นั่นเอง ดังนั้นในการ Process ภาพ ทั้ง 2 ค่านี้ จึงมีความสัมพันธ์กัน แม้จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างก็ตาม

4. ความคุ้มค่าของเลนส์ Fullrfame บน Body APS-C

ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร ปัจจุบันก็มีช่างภาพหลายท่าน เลือกที่จะหยิบจับเลนส์บน Format Fullframe มาใช้งานร่วมกับ Body ที่มี Sensor Size เล็กกว่า หากเพื่อนๆนึกไม่ออก ส่วนใหญ่จะเป็นเลนส์กล้องฟิล์มในระบบ 35mm. นั่นเอง ด้วยอาณิสงค์ที่กล้อง Mirrorless มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นกระแสเลนส์ดังกล่าวมากกว่าปกติ แต่ในทางกลับกันเลนส์ Auto Focus ก็มีช่างภาพไม่น้อย ที่เลือกหยิบใช้งานเลนส์บน Format Fullframe ด้วยเหตุผลที่ว่า ในอนาคตอาจจะขยับ Body ที่ใช้ในปัจจุบันไปเป็น Body Fullframe นั่นเอง และอีกเหตุผลหนึ่ง คือ เลนส์ Auto Focus จากค่ายอิสระต่างๆ เมื่อถึงเวลาที่ต้องระดมทุนเปลียนเป็นเม็ดเงิน มักจะได้คืนไม่คุ้มกับที่จ่ายไปตอนต้นนั่นเอง

5. Live View ก็มีดีในตัวของมัน

ในการเล็งภาพ ปกติแล้วเรามักจะใช้การเล็งผ่านทาง OVF และ/หรือ EVF ที่เสมือนเป็นกรอบแว่นที่บังแสงรบกวนสายตา เพื่อให้เราสามารถมองเห็น Subject ที่อยู่ตรงหน้า และ สามารถพิจารณาถึงจุด Focus ที่เราต้องการได้โดยง่าย แต่กับการถ่ายภาพบางรูปแบบ ด้วยข้อจำกัดของระบบ Focus ก็ดี , ความละเอียดของ OVF / EVF ก็ดี ทำให้เราไม่สามารถ Focus ที่วัตถุนั้นๆได้ จึงไม่อาจเลี่ยงที่จะต้องหันมาใช้การ Focus ผ่านการมองจอ Liveview แทน ซึ่งในปัจจุบันกล้อง Mirrorless มีฟังก์ชั่น Peaking Focus ที่เป็นจุดสี ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการหาจุด Focus ได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งวิธีการนี้มักใช้กับการถ่าย Macro / Landscape / Nightscape เป็นต้น

6. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Auto ISO

หากย้อนกลับไปในวันแรกๆ ที่เราได้จับกล้อง เชื่อว่าเพื่อนๆทุกคน มักจะเริ่มต้นด้วยการถ่ายภาพที่ Mode Auto กันแทบจะทุกคน โดยเป็น Mode ที่กล้องจะเป็นผู้พิจารณาสภาพสถานการณ์ ณ ตอนนั้น แล้วประมวลออกมาเป็นค่าต่างๆตามที่กล้องคิดไว้ ซึ่ง 1 ในค่านั้น คือ ค่า ISO นั่นเอง ทั้งนี้ Auto ISO ในกล้องแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ ล้วนแล้วมีการกระบรวนการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งบางแบรนด์สามารถตั้ง Limit Min – Max ของ Auto ISO ได้ อย่างไรก้ดี หากเราเริ่มมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพ และ การใช้งานกล้องมาซักระยะแล้ว เราอาจจะปรับเปลี่ยนการใช้งานกล้องให้ตอบสนองการถ่ายภาพเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง Min – Max Auto ISO แทนการใช้ Manual ISO ในยามปกติ และอาจจะพิจารณาการใช้ Manual ISO ในสถานการณ์ที่เกินกำลังกว่าที่กล้องจะคำนวณได้

Credit  :  contrastly.com

วันที่ 11/08/2017

Leave a Reply

โค้ดลดสูงสุด

3,000

Happy Code Day 26-28 MAR

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save