ทำไมถึงไม่ควรรับงานถ่ายฟรี Leave a comment

เป็นเรื่องที่ทุกคนที่ถ่ายรูปมาสักระยะจะต้องเจอกันทุกคนครับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ ระดับกลาง ไปจนถึงรับงานถ่ายภาพเป็นอาชีพแล้วก็ตาม
กับการขอให้ไปถ่ายภาพงานต่างๆให้แบบฟรีๆ โดยส่วนใหญ่ก็จะไม่ใช่ใครที่ไหนไกล จะเป็นคนใกล้ตัวเรานี่แหละครับ
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเราเอง เพื่อนร่วมงาน ญาติๆ หรือคนในครอบครัวเองก็ตาม ซึ่งถ้าเป็นงานถ่ายเล็กๆน้อยๆก็คงไม่มีปัญหาอะไรครับ
แต่ที่จะเจอกันซะส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้น งานแต่ง งานรับปริญญา วันเกิด ที่ล้วนจะเป็นงานสำคัญๆทั้งนั้น
เราจะไปถ่ายให้แบบไม่จริงจังก็คงไม่ได้ แต่จะให้ไปถ่ายฟรีๆก็ลำบากตัวเราเองเรื่องของการแบกต้นทุน
ทั้งอุปกรณ์และทักษะกว่าจะได้ภาพดีๆมา วันนี้ผมจึงจะขอนำเสนอเหตุผลที่ไม่ควรรับงานถ่ายภาพแบบฟรีๆ
และวิธีที่ทำให้คนใกล้ตัวของเราเข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่ฟรี

ทำไมถึงไม่ควรรับงานถ่ายภาพฟรี

1. การถ่ายภาพเปรียบเสมือนสินค้า
ทุกอย่างล้วนมีต้นทุนครับ สินค้าในที่นี้คงต้องร่วมถึงบริการเข้าไปด้วย ซึ่งรวมแล้วตีค่าคิดราคากันออกมา
โดยรวมทั้งค่าอุปกรณ์ ค่าเวลาสำหรับการถ่ายและการแต่งรูป ไปจนถึงค่าทักษะการถ่ายรูปที่ต้องฝึกฝนอย่างยาวนาน
คิดรวมๆกันแล้วตีราคาออกมาเป็นราคาสำหรับของงานถ่ายภาพแต่ละครั้ง

2. การแต่งภาพกินเวลากว่าที่คิด
หากคุณคิดจะรับงานถ่ายภาพแบบฟรีๆหละก็อย่าลืมนึกถึงเรื่องนี้เชียว
เพราะการแต่งภาพเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลงานของคุณดูดียิ่งขึ้น
การส่งภาพหลังกล้อง(ภาพที่ไม่ผ่านการแต่ง)ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ครับ
แต่การส่งผลงานให้กับคนสนิทของเรา เราย่อมไม่อยากให้เขาผิดหวัง
และเราเองก็รู้ดีว่ารูปเหล่านั้นจะสวยได้กว่านี้หลังการแต่ง อีกทั้งเป็นผลงานที่บอกฝีมือของเราอีกด้วย

3. ต้องมีรายรับเพื่อลงทุนต่อ
การรับงานในแต่ละครั้งสามารถนำรายได้มาต่อยอดเพื่อพัฒนาผลงานได้
ไม่ว่าจะเป็นกล้องหรือเลนส์ที่มีคุณภาพดีขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและช่วยขณะถ่ายภาพ
รวมไปถึงอุปกรณ์การแต่งภาพที่ราคาก็ไม่แพ้กับกล้องและเลนส์เลยครับ
เพราะฉะนั้นการรับงานฟรีนอกจากจะต้องแบกรับต้นทุนแล้ว ยังเสียโอกาสในการลงทุนต่อยอดอีกด้วย

วิธีทำให้คนใกล้ตัวเข้าใจว่าทำไมการถ่ายภาพถึงไม่ฟรี

1. คุยเรื่องสิ่งที่เขาจะได้รับ
การลงรายละเอียดและขอบเขตของงานให้ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็น ถึงแม้จะเป็นเพื่อนหรือญาติๆของเราก็ตาม
เพราะการที่จะได้รูปที่มีคุณภาพต้องอาศัยหลายปัจจัยร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นฝีมือ ทักษะ อุปกรณ์
และนั้นคือสิ่งที่เขาจะได้รับ ไม่ใช่ภาพที่ใครๆก็สามารถถ่ายได้นั้นเป็นเหตุผลที่มันมีราคา

2. ยกตัวอย่างงานที่เคยรับถ่ายจริง
เพื่อเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนๆของเราว่างานประเภทไหนเรารับที่เรทประมาณเท่าไหร่
หากมีประเภทที่ใกล้เคียงอยู่แล้วจะได้ใช้เป็นมาตรฐานได้ หรือจะบอกเรทการรับงานของเราก็ได้ครับ
ให้เขารู้ว่าที่เราถ่ายมานั้นมีมูลค่าเท่าไหร่และมันไม่ได้ฟรีนะ

3. คิดราคามิตรภาพ
หากสุดท้ายแล้วถึงจะไม่ได้เป็นงานฟรีแต่เขาก็น่าจะอยากได้ที่พิเศษ ซึ่งนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรครับ
แต่อยากให้เป็นราคาที่ยอมรับได้สำหรับทั้งสองฝ่าย นอกจากตัวผู้จ้างเอง เราก็ต้องยอมรับในราคานั้นได้ด้วย
เพราะค่าตอบแทนที่น้อยเกินไป อาจส่งผลกระทบกับกำลังใจขณะที่เราทำงานก็เป็นได้

แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ใช่ว่าจะไม่รับงานฟรีในทุกกรณีนะครับ
ยังมีเหตุผลหรือสถานการณ์อื่นๆที่ทำให้เราสามารถรับงานฟรีได้อย่างเต็มใจอยู่ด้วย
1. เมื่อต้องการเรียนรู้การถ่ายรูปในงานใหม่ๆ
เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างนึงครับกับการถ่ายง่ายฟรีในงานถ่ายภาพที่เรายังไม่มีประสบการณ์
หรืออาสาตัวเป็นผู้ช่วยตากล้องหลักในงานต่างๆที่เราอยากมีประกบการณ์ก็ตาม เช่นงานแต่งงาน งานรับปริญญาเป็นต้น

2. ถ่ายงานที่ไม่ได้มีให้ถ่ายบ่อยๆ
หลายๆเทศกาลที่ไม่ได้มีบ่อยนัก หรืออาจจะมีโอกาสได้ถ่ายเพียงครั้งเดียวก็ตาม
ถ้าได้รับโอกาสถ่ายงานแบบนี้ การที่ไม่คิดค่าจ้างก็คงไม่แปลกอะไรครับ
ยกตัวอย่างเช่น งานเทศกาลประจำปี หรือ คอนเสิร์ต ต่างๆ
(ภาพกิจกรรมประเภทนี้ยังสามารถนำไปเป็น Stock Photo ได้อีกด้วย)

3. ถ่ายให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร
ไม่ว่าจะเป็นงานของมูลนิธิ หรือภาคเอกชนที่เป็นกิจกรรมเพื่อการกุศล
ซึ่งกิจกรรมลักษณะนี้การช่วยเหลือในสิ่งที่แต่ละคนถนัดก็ถือเป็นสิ่งที่ดีครับ

4. ขอแลกเปลี่ยน
หากไม่อยากจะคิดค่าถ่ายเป็นตัวเงินจริงๆ การขอสิ่งแลกเปลี่ยนแทนค่าตอบแทนก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวครับ
เช่น ถ้าเพื่อนของเรามีความรู้ด้านไอที อาจจะหาให้ช่วยดูแลเว็บไซส์ หรืออะไรก็ตามที่น่าจะมีมูลค่าที่ใกล้เคียงกันกับงานของเรา

 

กล่าวส่งท้าย

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงแนวทางจากความคิดเห็นเท่านั้น
เนื่องจากการรับถ่ายงานฟรีบ่อยๆ อาจจะทำให้มูลค่าของผลงานเราน้อยลงแล้ว
อาจจะทำให้คนใกล้ตัวเราเคยชินอีกด้วย  อย่างไรก็ตามการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคุณเท่านั้นว่าจะรับหรือไม่รับงานต่างๆ
แค่การรับงานนั้นไม่ทำให้ส่งผลเสียต่องานการถ่ายภาพของคุณก็พอครับ
ที่มา : https://contrastly.com/