รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Sensor Leave a comment

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

กราบสวัสดีเพื่อนๆผู้ติดตาม Zoomcamera ที่น่ารักทุกท่าน ท่ามกลางกระแสความคึกคักทั้งกล้อง Mirrorless และ กล้องจาก Smartphone ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเด็ด เผ็ดมันไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในเรื่องของ Spec และ Feature ที่สำคัญอย่าง Sensor หรือ ตัวรับภาพ ที่ User บางท่านค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องๆนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งในวันนี้ Zoomcamera จะมาแนะนำ ” Sensor Sony : อารยธรรมคุณภาพสูงที่ถ่ายทอดไปยัง Brand ต่างๆ “ ซึ่งหากเอ่ยถึงชื่อ Sony แล้ว เพื่อนๆอาจจะร้องอ๋อกันเป็นแถว ซึ่งวันนี้เพื่อนๆจะได้ทราบเกี่ยวกับ Sensor และ การเข้ามามีบทบาทของ Sony ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามชมได้เลยจ้า

Sensor กล้อง คือ ??

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

กล้องดิจิตอลในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Mirrorless และ/หรือ DSLR จะใช้เซ็นเซอร์รับภาพเป็นตัวรับสัญญาณแสงแล้วนำมาแปลงให้เป็นสัญญาณดิจิตอล หลังจากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังซิปประมวลผลและนำออกมาเป็นไฟล์ภาพอีกที และสิ่งที่มีผลโดยตรงคือ Sensor จะเป็นตัวกำหนดความละเอียดและคุณภาพของภาพนั่นเองครับ โดยในปัจจุบัน Sensor รับภาพที่นิยมใช้ในกล้อง Mirrorless และ/หรือ DSLR จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ CCD และ CMOS

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

CCD (Charge-Coupled Device) เซ็นเซอร์ชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือส่วนเซลรับแสง และ วงจรแปลงแสงอนาล็อกเป็นดิจิตอล โดยเซลรับแสงทำหน้าที่ในการเปลี่ยนสัญญาณแสงเป็นประจุไฟฟ้าแล้วแปลงให้เป็นสัญญาณอนาล็อก และเมื่อได้สัญญาณอนาล็อกแล้วจะส่งต่อไปยังตัวแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอลอีกทีซึ่งจะเป็นวงจรที่แยกออกมาจากส่วนรับแสง สัญญาณที่ได้จะมีความสม่ำเสมอสูง ซึ่งมันส่งผลโดยตรงกับคุณภาพของภาพ ข้อดีของเซ็นเซอร์ชนิดนี้คือ ให้คุณภาพขอภาพดีที่สุดเมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์ ชนิดอื่น สำหรับข้อเสียก็คือ กินไฟมาก ต้นทุนการผลิตสูงเพราะใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ซับซ้อนกว่าชนิดอื่น แน่นอนย่อมส่งผลถึงราคาที่สูงไปด้วย

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

CMOS (Complementary Metal Oxide) สำหรับเซ็นเซอร์ CMOS จะไม่มีการแยกกันในการรับแสงและการแปลงแสงเป็นดิจิตอล เหมือน CCD พูดง่ายๆ คือจะเป็นแบบ All in one เบ็ดเสร็จในที่เดียว รับแสงมาแปลงประจุเป็นสัญญาณไฟฟ้า แปลงเป็นอนาล็อกแล้วแปลงต่อเป็น ดิจิตอลได้เลย ซึ่งการรวมเซลรับแสงกับวงจรการแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นดิจิตอลเข้าด้วยกันนั้น จะส่งผลเสียคือ ทำให้พื้นที่รับแสงน้อยลง คุณภาพของสัญญาณที่ได้จึงไม่สม่ำเสมอเท่ากับชนิด CCD แต่ข้อดีของเซ็นเซอร์ชนิดนี้คือ กินไฟน้อยกว่า ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เทคโนโลยีการผลิต CMOS ใหม่กว่า CCD ทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดได้อีก ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตกล้อง DSLR ส่วนใหญ่ได้หันมาใช้เซ็นเซอร์ชนิดนี้เกือบทุกค่ายแล้ว

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

ด้วยการมาของ Mirrorless ทำให้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้กระแสกล้องเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ให้คุณภาพสูงกำลังเติบโตอย่างมากและก้าวกระโดดไปค่อนข้างเร็ว จนหลายคนอาจตามไม่ทันและต้องมีสับสนกันบ้างว่าเซ็นเซอร์มันมีกี่ขนาดกันแน่ ใหญ่กับเล็กมันต่างกันยังไง แล้วฉันควรใช้แบบไหนล่ะถึงจะดี

– Medium Format

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

– Fullframe

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

– APS-C

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

– Foveon

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

– Micro Fourthirds

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

– Nikon CX

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

– Pentax Q

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

ซึ่งในบรรดาขนาดเซ็นเซอร์ที่ผมยกตัวอย่างไว้ Full Frame(ที่เรียกแบบนี้เพราะมีขนาดเท่ากับเฟรม 1 เฟรมในฟิล์ม 35mm สมัยก่อน) คือเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดครับและไล่ระดับเล็กลงมาเรื่อยๆสังเกตได้จากในภาพด้านบน โดยพื้นฐานแล้วเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าจะดีกว่าครับเนื่องจากพิกเซลแต่ละตัวจะมีขนาดใหญ่กว่าในเซ็นเซอร์ขนาดเล็ก(ถ้าให้ทั้งสองมีความละเอียดเท่ากัน)

ยกตัวอย่างเช่น

เซ็นเซอร์ Full Frame มีขนาด 36x24mm / เซ็นเซอร์ Four Third มีขนาด 17.3x13mm ถ้าทั้งสองมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซลเหมือนกัน ใน Four Third พิกเซลแต่ละตัวจะมีขนาดเล็กกว่าเพราะต้องเบียดตัวกันอยู่ในพื้นที่เล็ก ในขณะที่ Full Frame มีพื้นที่กว้างกว่าถึง 2 เท่าแต่มีประชากรพิกเซล 16 ล้านตัวเท่าๆกันทำให้พิกเซลแต่ละตัวมีขนาดใหญ่กว่า

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

เมื่อเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่มีพิกเซลขนาดใหญ่กว่าก็รับแสงได้ดีกว่า ทำให้มี Noise ที่เนียนกว่า* ให้ Dynamic Range ดีกว่าเซ็นเซอร์ขนาดเล็ก แต่ข้อเสียคือยิ่งใหญ่ก็ยิ่งมีราคาแพงขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วยเช่นกัน และในความเป็นจริงผู้ผลิตแต่ละค่ายอาจมีการใส่เทคโนโลยีของตัวเองเพิ่มที่ช่วยให้เซ็นเซอร์เล็กมี Noise ที่เนียนและ Dynamic Range ที่ดีพอๆกับเซนเซอร์ใหญ่กว่าก็ได้ครับ

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

เพิ่มเติม : *เพราะรับแสงได้ดีจึงไม่จำเป็นต้องเร่งสัญญาณให้ไวต่อแสงมากนัก การเร่งสัญญาณจะทำให้เกิด Noise มากขึ้น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เซ็นเซอร์เล็กมักมี Noise มากกว่าเซ็นเซอร์ใหญ่เพราะเซ็นเซอร์เล็กพิกเซลแต่ละตัวจะมีขนาดเล็กกว่ารับแสงได้แย่กว่าจึงอาจต้องมีการเร่งสัญญาณขึ้นและด้วยความที่มีพื้นที่น้อยพิกเซลเป็นล้านๆตัวจะต้องอยู่กันอย่างแออัดการเร่งสัญญาณจะยิ่งทำให้สัญญาณกวนกันเองจนเกิด Noise มากขึ้น ยิ่งเซ็นเซอร์มีความละเอียดสูง(พิกเซลมาก)ปัญหานี้ก็ยิ่งมากขึ้น

รู้หรือไม่ ?? กล้องที่คุณถืออาจจะไม่ได้ใช้ Sensor ของตัวเอง

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

จริงอยู่ที่กล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องดิจิตอลในปัจจุบัน จะใช้ Sensor รับภาพที่เป็นหัวใจหลักในการเก็บแสงแล้วต่อไปยังหน่วยประมวลเพื่อให้ได้มาซึ่งภาพที่อยู่ตรงหน้าเรานั่นเอง ซึ่งเจ้า Sensor รับภาพนี้หลักๆจะมาจาก Brand กล้องที่ทุกๆท่านเลิอกใช้อยู่ไม่ว่าจะเป็น Canon / Nikon / Sony / Fuji / Panasonic / Olympus เป็นต้น แต่ทว่าในปัจจุบัน Sensor รับภาพในกล้องดิจิตอลหลายๆค่ายนั้น แท้จริงแล้วมาจากโรงงานผลิตของ Sony เป็นหลัก เพียงแต่ในกระบรวนการ R&D อื่นๆนั้น แต่ละแบรนด์จะเป็นผู้กำหนดเพิ่มเติมเอง เพื่อปรับจูนปรุงแต่งให้เข้ากับกล้องที่สุด โดยรักษาเอกลักษณ์ของตนเองไว้นั่นเอง

Credit  :  SONY รุกเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเซ็นเซอร์กล้องในตลาด

Sony ผู้อยู่เบื้องหลังของ Sensor กล้อง Digital และ Smartphone

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

จริงอยู่ที่กล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องดิจิตอลในปัจจุบัน จะใช้ Sensor รับภาพที่เป็นหัวใจหลักในการเก็บแสงแล้วต่อไปยังหน่วยประมวลเพื่อให้ได้มาซึ่งภาพที่อยู่ตรงหน้าเรานั่นเอง ซึ่งเจ้า Sensor รับภาพนี้หลักๆจะมาจาก Brand กล้องที่ทุกๆท่านเลิอกใช้อยู่ไม่ว่าจะเป็น Canon / Nikon / Sony / Fuji / Panasonic / Olympus เป็นต้น แต่ทว่าในปัจจุบัน Sensor รับภาพในกล้องดิจิตอลหลายๆค่ายนั้น แท้จริงแล้วมาจากโรงงานผลิตของ Sony เป็นหลัก เพียงแต่ในกระบรวนการ R&D อื่นๆนั้น แต่ละแบรนด์จะเป็นผู้กำหนดเพิ่มเติมเอง เพื่อปรับจูนปรุงแต่งให้เข้ากับกล้องที่สุด โดยรักษาเอกลักษณ์ของตนเองไว้นั่นเอง

Credit  :  SONY รุกเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเซ็นเซอร์กล้องในตลาด

Sony ผู้อยู่เบื้องหลังของ Sensor กล้อง Digital และ Smartphone

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

ในฝากของ Smartphone ด้วยสภาพการแข่งขันที่มีความดุเดือดอย่างยิ่งโดยเฉพาะในกลุ่มตลาด High-end ของผู้ผลิตหลายๆ รายนั้นเลือกใช้ชิ้นงานจาก Sony เช่นว่า Samsung ยักษ์ใหญ่เกาหลีที่ก็มีสายการผลิตเซ็นเซอร์กล้องของตัวเอง หรือ Apple Iphone ทั้งสองรุ่นที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าก็มีข่าวลือว่าทำเงินให้กับทาง Sony ประมาณ 20 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งการขาย แต่เทรนด์ตลาดที่กำลังพุ่งขึ้นมานั้น คือ ผู้ผลิตจากประเทศจีน ซึ่งทางยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นรายนี้หวังขยายตลาดเข้าไปเกี่ยวก้อยเป็นคู่ค้ารายหลักเพิ่มอีก ซึ่งพวกเขาจะเน้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตลาดกลาง-สูง (Upper-end) เป็นหลัก ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความนิยม sensor กล้องโทรศัพท์นี้เองที่ทำให้ SONY อยู่รอดได้ท่ามกลางการขาดทุนในธุรกิจหลายๆ ประเภท แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาตลาดสมาร์ทโฟนเกิดการชะงักและเติบโตช้าลง ทำให้ SONY ต้องลดกำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีธุรกิจที่่ผานมา โดยประธานบริษัทเผยว่าจากนี้ไปที่ผลิตเดือนละ 70,000 เวเฟอร์ชิปต่อเดือน จะเพิ่มเป็น 73,000 เวเฟอร์ต่อเดือน เป็นปริมาณสูงสุดที่โรงงานผลิต sensor ของ SONY ที่จะผลิตได้

Credit  :  SONY ผลิตเซนเซอร์กล้องเต็มกำลัง หลังกระแสความนิยมมือถือเริ่มกลับมา

คุมาโมะโตะ กับ โรงงาน Sensor

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

หากเพื่อนๆยังจำจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่สองครั้งในเมือง Kumamoto ประเทศญี่ปุ่นได้ ทางโซนี่ได้สั่งปิดโรงงานผลิตเป็นการชั่วคราว ซึ่งโซนี่ระบุว่าบริษัทมีโรงงานในพื้นที่หมู่เกาะคิวชู ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบเหตุนั้น นอกจากโรงงานที่ Kumamoto ก็มีอีกโรงงานในเมือง Nagasaki แต่โรงงานดังกล่าวมีการหยุดสายการผลิตเพียงบางส่วน จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นช่วง Timeline ของอุปกรณ์หลายๆชิ้นที่ใช้ sensor จาก Sony ได้รับผลกระทบไปตามๆกัน ไม่ว่าจะเป็น Smartphone และ/หรือ กล้อง Mirrorless หลายๆรุ่นเช่นกัน

Credit  :  เหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่สองครั้งในเมือง Kumamoto ประเทศญี่ปุ่น

เพิ่มความแข็งแกร่ง ด้วยการควบรวมกับ Toshiba

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

วกกลับมาที่กล้อง Digital ก็ดุเด็ดเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน ด้วยตลาดกล้อง Mirrorless ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้กำลังการผลิตนั้นต้องสอดคล้องตามไปด้วย จึงไม่แปลกใจที่จะเกิดกรณีการควบรวมธุรกิจด้านเซ็นเซอร์สำหรับกล้องถ่ายภาพของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Toshiba โดยการดำเนินการทางด้านซื้อขายกิจการครั้งนี้เปิดเผยตัวเลขออกมาราว 165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5,800 ล้านบาท ซึ่งจากการซื้อธุรกิจของ Sony ในครั้งนี้ทำให้ Sony กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเซ้นเซอร์สำหรับกล้องถ่ายภาพต่างๆในทันที เพราะปัจจุบัน Sony ถือเป็นเบอร์หนึ่งในการส่งชิ้นส่วนและผลิตเซ็นเซอร์ให้แก่บริษัทต่างๆ เช่น Nikon , Apple เป็นต้น การควบรวมกิจการครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในการยกระดับประสิทธิภาพด้านเซนเซอร์ภาพของ Sony เพื่อนำไปใช้กับสมาร์ทโฟนและธุรกิจกล้องถ่ายภาพ ซึ่งปัจจุบันเซนเซอร์ภาพจาก Sony กลายเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับ Sony เป็นอย่างยิ่ง

Credit  :  Sony เข้าซื้อกิจการเซ็นเซอร์จาก Toshiba

Sensor Sony ที่ถูกใช้ในปัจจุบัน

Exmor RS

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

เซ็นเซอร์ Exmor RS เป็นเซนเซอร์ที่นำเอาเทคโนโลยีของกล้อง DSLR มาใส่ในเซ็นเซอร์ถ่ายภาพสำหรับสมาร์ทโฟน ด้วยการเอาระบบตรวจจับ image plane phase มาช่วยให้การโฟกัสภาพอัตโนมัติวัตถุเคลื่อนไหวทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น แถมพร้อมด้วยฟังก์ชัน HDR ที่สามารถใช้งานกับการถ่ายภาพนิ่งได้แล้ว นอกจากนี้ชื่อเต็มของเซ็นเซอร์ถ่ายภาพตัวใหม่ของ Sony นี้คือ Exmor RS IMX230 เป็นเซ็นเซอร์ stacked CMOS ขนาด 1/2.4″ ที่มีจุดรับภาพจำนวน 21 ล้านพิกเซล มาพร้อมฟีเจอร์สำคัญ 2 อย่าง

– ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติโดยใช้สัญญาณจากการตรวจจับ image plane phase

Sony ใส่จุดพิกเซลสำหรับจับโฟกัสอัตโนมัติด้วยการประมวลผลสัญญาณจากการตรวจจับ image plane phase มาจำนวน 192 พิกเซล และจากการประมวลผลด้วยวงจรภายในเซ็นเซอร์ทำให้สามารถรับรู้ระยะห่างของวัตถุจากเซ็นเซอร์ พร้อมตั้งค่าระยะเลนส์เพื่อการจับโฟกัสภาพให้ถูกต้องได้ด้วย ผลที่ได้คือทำให้สามารถจับโฟกัสภาพของวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ได้ภาพคมชัดไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่งหรือถ่ายวิดีโอ

– ฟังก์ชัน HDR สำหรับถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ 4K

Exmor RS เพิ่มฟังก์ชัน HDR สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง ทำให้การบันทึกภาพในสภาวะที่ความสว่างในบริเวณต่างๆ ของภาพให้รายละเอียดที่ชัดเจนได้ไม่จำกัดเพียงการถ่ายวิดีโอ 4K อย่างเซ็นเซอร์รุ่นก่อนหน้าอีกต่อไป

Credit  :  Sony CMOS Exmor R

BSI CMOS Sensor ( Back-Side Illuminated )

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

Sensor รุ่นใหม่ที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในกล้อง MIrrorless ระดับ High – End อย่าง Sony A7RII โดยหลักการทำงานของ BSI CMOS Sensor นั้น จะแตกต่างกับ CMOS Sensor ทั่วๆไปตรงที่ จะใช้อีกด้านของ Sensor ในการรับแสง ซึ่งข้อดีจะช่วยให้ลดสัญญาณรบกวนภาพเพื่อให้ทุกรายละเอียดของภาพออกมาอย่างสวยงาม , เก็บแสงได้ดีขึ้น และ ส่งข้อมูลเร็วขึ้นประมาณ 3.5 เท่านั่นเองครับ

Credit  :  Sony BSI CMOS

Stacked CMOS Sensor

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

Sensor ที่ถูกพัฒนาสำหรับใช้งานในกล้อง Compact และ กล้อง Mirrorless โดยเจ้า Stacked CMOS Sensor เป็น Sensor ที่มีหลักการทำงานที่รับข้อมูลภาพได้ด้วยความเร็วสูง พร้อมกับความสามารถในการอ่านข้อมูลภาพได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติถึง 20 เท่า ซึ่งเมื่อถูกนำมาใช้กับกล้อง Mirrorless / Compact ที่มี Buffer มหาศาลด้วยแล้ว จะทำให้เจ้า Stacked CMOS Sensor แสดงประสิทธิภาพสูงสุดออกมานั้นเอง โดยกล้อง Mirrorless ที่ใช้ Stacked CMOS Sensor นั้น คือ Sony A9 ที่ถูกวางตำแหน่งกล้องระดับ Professional ไปนั่นเอง

Credit  :  Sony Stacked CMOS

กล่าวส่งท้าย

 รู้หรือไม่!? ทำไมใครๆก็ใช้แต่ Sony Image Senso

แม้ Sony จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้กำหนดทิศทางของ Sensor ไม่ว่าจะในวงการ Smartphone และ วงการกล้อง ที่มาส่งเสริม Performance / Output ออกมาได้เป็นอย่างดีก็ตามที แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้ในสินค้าจะใช้ Sensor ที่ผลิตจาก Sony แต่เอกลักษณ์ทั้งหมดไม่ได้มาจาก Sony แต่อย่างใด เพราะบาง Feature เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสินค้าที่เกิดจาก R&D เป็นการเฉพาะของแบรนด์นั้นๆ นั่นเองครับ

*** สอบถามเพิ่มเติม ***

inbox : http://www.facebook.com/messages/zoomcamera

02-635-2330 ต่อ 0 / 083-067-7677 (หยุดวันอาทิตย์)

สาขาสีลม 02-635-2330-1 / 080-271-2772

สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 02-951-8597 / 085-937-0123

สาขาเมกาบางนา 02-105-1926 / 086-554-1919

สาขาเดอะมอลล์บางแค 02-454-9598 / 084-033-0498

สาขาฟอร์จูนทาวน์ 02-642-1291 / 083-068-2775

 สาขา Central Festival เชียงใหม่ 052-068-787 / 096-878-4896

สาขา Central Westgate 02-060-4362 / 097-063-4328

บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 25/11/2017

Leave a Reply

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save