
รีวิว Fujifilm X-Pro 3 – ใครจะคิดว่าในศตวรรษที่ 21 ขณะทุกอย่างกำลังกลายเป็นระบบดิจิตอล ยุคของ Smart Device และบรรดา IoT จนกล้องบางยี่ห้อถึงกับใส่ AI มาให้กันแล้ว แต่ Fujifilm เลือกนำเสนอสิ่งที่ต่างออกไป พวกเขาเปิดตัว X-Pro 3 ด้วยความตั้งใจที่จะพาเราย้อนไปสัมผัสความรู้สึกของยุค Analog กล้องรุ่นใหม่ที่หากมองไปด้านหลังเราจะไม่พบจอแสดงผลภาพตามปกติแต่กลับมีจอ LCD ขนาดเล็กเพียง 1.28 นิ้วที่ทำหน้าที่ประหนึ่งช่องใส่กระดาษจากกล่องฟิล์ม 135 ที่เราเคยใช้กันในยุคก่อน คอยบอกเราว่าตอนนี้เราใช้ฟิล์มอะไรอยู่ แม้ว่าแท้จริงแล้ว X-Pro 3 เองจะเป็นกล้องดิจิตอลก็ตาม…แต่สุดท้ายมันออกมาดีนะอาจจะเพราะเป็น Fujifilm นี่แหละเพราะมันสอดคล้องกับ Film Simulation ฟังก์ชันจำลองสีฟิล์มในอดีตที่พวกเขาทำมาตลอดหลายปี
ปัจจุบัน Fujifilm มี Film Simulation ให้เราเลือกใช้มากถึง 17 แบบ
ในรุ่น Fujifilm X-Pro 3 นี้ยังได้เพิ่ม Film Simulation ใหม่อย่าง Classsic Neg. ที่เป็นการจำลองสีฟิล์ม Fuji Superia บอกเลยว่าสวยมาก ๆ สำหรับคนชอบสีสไตล์ฟิล์ม และแม้มันจะไม่ได้เหมือน Fuji Superia แบบเป๊ะ ๆ แต่การใช้ Classic Neg. ร่วมกับ Grain Effect ในกล้องสร้างเนื้อไฟล์ที่ดูมีเม็ดเกรนแบบฟิล์มขึ้นมาทำให้รูปที่ได้ดูมีความใกล้เคียงกับฟิล์มมาก
Classic Neg. คือความดีงามของ X-Pro 3





บอดี้ Fujifilm X-Pro 3 “Made from Titanium”
ไทเทเนียม ถูกใช้เพื่อสร้างส่วนด้านบนและด้านล่างของ Fujifilm X-Pro 3 ส่วนโครงภายในของกล้องใช้แมกนีเซียมอัลลอยด์ เราไม่ค่อยเห็นกล้องที่ใช้ไทเทเนียมบ่อยนักวัสดุแบบนี้มักถูกใช้ในกล้องราคาสูงหรือพวกรุ่นพิเศษ Limited Edition นอกจากเรื่องของวัสดุแล้วฟูจิยังใช้วิธีทำสีแบบพิเศษ Duratect ซึ่งเป็นวิธีการทำสีไทเทเนียมลิขสิทธิ์ของ Citizen(นาฬิกา) มันจะช่วยปกป้องพื้นผิวจากรอยขีดข่วนและไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความสวยงามของไทเทเนียมไป

X-Pro 3 มีด้วยกัน 3 สีคือดำ(Black) เทา(DR Black) และเงิน(DR Silver) ทั้งสามสีใช้ไทเทเนียมแต่ว่าจะมีเพียง DR Black และ DR Silver เท่านั้นที่ใช้เทคโนโลยี Duratect ส่วนสีดำ Black จะเป็นแบบเดียวกับซีรีส์ X-Pro รุ่นที่ผ่าน ๆ มา








หน้าจอที่ถูกซ่อนเอาไว้
อย่างที่เห็น X-Pro 3 ยังคงมีหน้าจอแต่มันถูกซ่อนเอาไว้ด้านในที่สามารถจะพับออกมาได้ ฟูจิตั้งใจทำแบบนี้เพื่อให้เราดูรูปให้น้อยลง เพื่อให้เราตั้งสมาธิกับการเก็บภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เพื่อให้เราเชื่อในสัญชาตญาณแล้วกดชัตเตอร์ มากกว่าที่จะมองจอแล้วถ่ายภาพเหมือนกล้อง Fuji Mirrorless รุ่นอื่น ๆ
ถามว่าเขาทำสำเร็จไหม? ก็อาจจะสำเร็จสำหรับคนอื่นส่วนผมนั้นไม่สำเร็จครับ ฮ่า ฮ่า แม้ผมจะไม่ค่อยพลิกจอออกมาดูภาพ(จริง ๆ อยากดูมากแต่มันต้องพลิกดูยากเย็นเลยปล่อยไป)แต่ก็ยังคงถ่ายภาพโดยใช้ EVF แทบจะตลอด อาจจะถือว่าฟูจิทำสำเร็จครึ่งหนึ่งก็ได้เพราะอย่างน้อยเขาทำให้ผมตั้งใจกับการถ่ายภาพใบต่อไปมากกว่าจะก้มลงไปดูภาพที่เพิ่งถ่ายไปแล้ว
ทำให้ผมตั้งใจกับการถ่ายภาพใบใหม่มากกว่าจะก้มลงไปดูภาพที่เพิ่งถ่ายไป



X-Pro 3 มีพอร์ต USB-C ที่สามารถจะชาร์จแบตเตอรี่ให้กล้องได้และแน่นอนว่าในชุดขายจะไม่มีแท่นชาร์จแยกแถมมาให้แล้ว เราสามารถใช้ Power Bank หรือหัวชาร์จมือถือชาร์จแบตฯกล้องได้ ส่วนการชาร์จไปถ่ายไปนั้นไม่สามารถทำได้ แต่เราสามารถจ่ายไฟเลี้ยงกล้องผ่านช่อง USB-C ได้ (USB Power Supply) คือตัวกล้องจะใช้ไฟที่เราจ่ายผ่านช่อง USB-C เป็นหลักร่วมกับการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เล็กน้อยเลี้ยงตัวกล้องเอาไว้ แบตฯในกล้องจะลดลงช้ากว่าเดิมมากช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้นานกว่าเดิม
Fujifilm X-Pro 3 สามารถใช้ไฟเลี้ยงจาก USB-C ได้
ส่วนช่อง 2.5mm ใช้สำหรับต่อไมโครโฟนและรีโมทชัตเตอร์ และสิ่งที่เราจะไม่พบจากตรงนี้คือพอร์ต HDMI เพราะมันไม่มีใน X-Pro 3 การจะส่งภาพออกไปทางสายนั้นทำไม่ได้ ฉะนั้นลืมความคิดที่จะนำไปต่อออกทีวีหรือไลฟ์สดได้เลย แต่อย่างไรก็ตามช่อง USB-C ยังสามารถใช้ถ่ายแบบ Tethered ได้

สเปก Fujifilm X-Pro 3
- เซนเซอร์ X-Trans CMOS 4 (APS-C) ความละเอียด 26.1 ล้านพิกเซล
- ISO160 – 12800 (Extended ISO80 – 51200)
- ระบบ Autofocus แบบ Hybrid AF
- ระบบกำจัดฝุ่นบนเซนเซอร์ Ultra Sonic Vibration
- โฟกัสในที่มืดได้ -6EV สำหรับ PDAF และ -3EV สำหรับ CDAF (ทดสอบกับ XF35mm F1.4)
- ความเร็วชัตเตอร์ Mechanical : 1/8000 วินาที
- ความเร็วชัตเตอร์ Electronic : 1/32000 วินาที
- ความเร็ว Flash Sync 1/250 วินาที
- ความเร็วถ่ายภาพต่อเนื่อง 3, 4, 5, 5.7, 8, 11fps (Mechanical)
- ความเร็วถ่ายภาพต่อเนื่อง 10, 20, 30fps (Electronic)
- โครงสร้างแมกนีเซียมอัลลอยด์
- ส่วนด้านบนและด้านล่างทำจากไทเทเนียม
- ช่องมองภาพ OVF อัตราขยาย 0.52x
- ช่องมองภาพ EVF ความละเอียด 3.69 ล้านพิกเซล อัตราขยาย 0.66x(35mm equivalent)
- EVF เป็นแบบ OLED Contrast 1:5000(X-Pro 2 1:300) แสดงสีสันได้ 97% sRGB
- ช่องมองภาพสว่าง 1500cd (X-T3 สว่าง 800cd)
- จอแสดงผล 3 นิ้ว ความละเอียด 1.62 ล้านพิกเซล
- จอขนาดเล็กด้านหลังแบบ Memory LCD ขนาด 1.28 นิ้ว
- บันทึกวิดีโอ DCI 4K
- มีฟังก์ชัน Color Chrome Effect, Color Chrome Blue
- มี Grain Effect ใส่เกรนให้คล้ายกับฟิล์ม
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C (ชาร์จแบตเตอรี่ได้)
- พอร์ตเชื่อมต่อ 2.5mm สำหรับไมโครโฟนและรีโมทชัตเตอร์
- มี Weather Seal ป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ
- รองรับ Wi-Fi IEEE802.11b/g/n
- มี Bluetooth 4.2 BLE
- ใช้หน่วยความจำ SD, SDHC, SDXC แบบ UHS-II
- ใช้แบตเตอรี่ NP-W126S ทดสอบ CIPA 370/440 ภาพ(EVF/OVF)
- น้ำหนัก 497 กรัม(รวมแบตฯและการ์ด)

สเปกของ Fujifilm X-Pro 3 จะได้รับหลายส่วนมาจาก Fujifilm X-T3 แต่ไม่ได้รับมาทั้งหมดหรอกนะครับ ถ้าเราวัดกันด้วยสเปกบนกระดาษมันคงสู้ X-T3 ไม่ได้หลายจุดและยิ่งถ้าโจทย์ของคุณคืออยากได้กล้องที่สเปกคุ้มค่า ดีงามรอบด้าน ผมยังมองไม่ออกว่าทำไมต้องเลือก X-Pro 3 แทนที่จะเป็น X-T3
แต่ถ้าคุณกำลังหลงไปกับ X-Pro 3 ผมว่าสิ่งที่ผมเขียนไว้เมื่อกี้คงเปลี่ยนใจคุณไม่ได้หรอก เป็นกล้องที่หากรักแล้วรักเลย แต่ถ้าไม่ก็คงไม่มีทางหันมอง และหลังจากได้ใช้งานผมบอกได้เลยว่านี่ไม่ใช้กล้องที่ขายสเปกของเขาให้กับคุณ X-Pro 3 มีจุดขายที่เสน่ห์และอารมณ์จากประสบการณ์ใช้งาน
ตัวอย่างภาพถ่าย Fujifilm X-Pro 3
ไฟล์ทั้งหมดเป็น JPEG จากกล้องโดยไม่ผ่านการแต่งแสงหรือสีใด ๆ ทั้งสิ้น เลนส์ที่ใช้มีตัวเดียว XF 23mm F2 WR และภาพถ่ายทั้งหมดป็น Film Simulation Classic Neg.
ผมลองใช้งานในลักษณะที่ชอบที่สุดคือพกติดตัวไปทุกที่ ทำงาน กินข้าว เดินห้าง พกตลอด ภาพมันเลยจะปน ๆ กันหลากหลายสถานที่



การจับคู่ของ Fujifilm X-Pro 3 กับเลนส์ XF 23mm F2 และเพิ่มสี Classic Neg. เข้าไปหน่อยทำให้การถ่ายคาเฟ่ร้านอาหารสนุกมาก ระยะเลนส์ถ่ายง่าย สีสันที่ได้สวยและผมชอบการจัดการส่วนแสงและเงาของ Classic Neg มาก สีขาวดูสว่างจัด ๆ หน่อยส่วนดำก็ดูจมมืดแต่ไม่เสียรายละเอียดไปสีสันออกแนวจืดหน่อย กลายเป็นว่าผมแทบจะใช้ Classic Neg. ตลอดเวลาเลย
สายเที่ยวคาเฟ่รักตัวนี้แน่นอน
















เกล็ดเล็กน้อย “Memory LCD”
จอขนาดเล็กด้านหลังของ Fujifilm X-Pro 3 เป็นจอแบบ Memory LCD ซึ่งมันจะจดจำภาพล่าสุดที่เคยแสดงผลไว้ได้และจะมีภาพติดค้างอยู่แบบนั้นตลอดเวลาแม้จะปิดกล้องก็ตาม(แต่ถ้าแบตฯหมดหรือดึงแบตฯออกจอก็ดับนะ) ใช่ มันยังคงใช้แบตเตอรี่ของเราไปเรื่อย ๆ แม้จะปิดกล้องเพียงแต่จอ Memory LCD นั้นกินไฟน้อยมากจึงไม่ค่อยส่งผลอะไรต่ออายุแบตฯ
































JPEG จากหลังกล้องฟูจินั้นสวยจริง ยากที่ใครจะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ และไฟล์ภาพที่ ISO สูงก็ทำได้ดีมากจนอาจจะดีที่สุดแล้วในบรรดา APS-C ก็ได้ และโดยเฉพาะ Film Simulation ที่ไม่ว่าจะเป็น Classic Chrome, Eterna, หรือล่าสุดอย่าง Classic Neg. ฟูจิทำสีได้สวยมากในความเห็นผม
ทุกคนอาจจะคิดว่าแค่สีแต่งเอาทีหลังก็ได้ส่ง Wi-Fi เข้าแอปจิ้มทีสองทีก็เสร็จแล้ว สวยกว่าด้วยซ้ำ จริงครับผมเองก็เป็นคนที่ชอบแต่งภาพจึงเห็นด้วยเลยในเรื่องนั้นแต่เชื่อเถอะคุณจะชอบความรู้สึกที่กดชัตเตอร์แล้วภาพสวยมาเลยจากหลังกล้องมันสนุกจนไม่อยากเลิกถ่ายเลย
เล่าประสบการณ์การใช้งาน Fujifilm X-Pro 3
รีวิว Fujifilm X-Pro 3 – บทสรุปสุดท้ายที่ผมอยากเล่าให้ฟังน่าจะเหมือนกับที่ใครหลายคนเคยพูดไปแล้วคือถ้าคุณไม่รักมันคุณก็คงเกลียดมันไปเลย เพราะถ้าพูดถึงการใช้งานการเอาจอหลังไปซ่อนแบบนั้นมันทำให้ลำบากขึ้นมากพอดูเลยแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราสามารถถ่ายภาพมุมต่ำได้ง่ายกว่า X-Pro 2 เดิมที่จอพลิกไม่ได้เลย อีกอย่างที่น่าเสียดายคือ X-Pro 3 มีฟังก์ชันวิดีโอที่ดีเรียกว่าแทบจะยกมาจาก X-T3 เลยแต่ด้วยจอแบบนี้แถมตัดพอร์ต HDMI ออกทำให้การถ่ายวิดีโอใน X-Pro 3 ไม่สะดวกเอาเสียเลย แต่เอาเถอะคงไม่มีใครซื้อ X-Pro 3 ไปเผื่อถ่ายวิดีโออยู่แล้วใช่ไหมครับ ฮ่า ฮ่า ในด้านภาพนิ่งมันทำได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ฟูจิทำไฟล์ได้ดีเสมอมาและ JPEG ที่จบจากหลังกล้องทำได้ดีมาก Classic Neg. สีสวยมากผมตั้งตารอเลยว่าเมื่อไหร่ Film Simulation นี้จะถูกอัปเดตให้กับกล้องรุ่นอื่น ๆ ซึ่งคงไม่นานเกินรอนัก
นี่เป็นกล้องที่ไม่เหมือนใครและคงไม่มีใครเหมือนไปอีกนาน

ถึงผมเองจะบ่นมากมายแต่สุดท้ายผมก็อยู่ในฝั่ง”รัก”แทนที่จะเป็นฝั่งเกลียด คงเพราะ 2 สัปดาห์ที่ผมพก X-Pro 3 ไปทำงานด้วยทุกวันผมได้รับรู้ว่ามันเป็น”กล้องถ่ายภาพนิ่ง”ที่ดีตัวหนึ่งเลย ภาพ 993 ใบผ่านไปด้วยความรู้สึกที่สนุกและอยากจะกดชัตเตอร์ต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าเกิดว่ามันราคาถูกกว่านี้สักหน่อยผมคงอยากจะซื้อมันไว้เลยล่ะ สุดท้ายราคามันก็มีผลจริง ๆ ฮ่า ฮ่า แต่อย่างไรก็ตามราคาอาจจะไม่ได้ส่งผลกับทุกคน ถ้าคุณตัดปัจจัยเรื่องนี้ออกได้ผมแนะนำให้คว้าเจ้าก้อนไทเทเนียมสีดำหมอง ๆ นี้เข้าคอลเลคชั่นไว้เลยครับ!
และอย่าลืมสามารถมาซื้อ Fujifilm X-Pro 3 ได้ที่ ZoomCamera ทุกสาขานะครับ
ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์
แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
083-067-7677 / 02-098-9555 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)



