วันนี้ผมจะมาแนะนำ 3 เทคนิคที่จะทำให้ Fujifilm X-A2 กับเลนส์ติดกล้อง 16-50mm สามารถถ่ายละลายหลังได้ง่ายๆ(หรือที่เรามักเรียกว่าหน้าชัดหลังเบลอ) แต่จริงๆ 3 อย่างที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้สามารถใช้ได้กับกล้องทุกรุ่นทุกแบบนะครับจะเรียกว่าเป็นเทคนิคขั้นพื้นฐานเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับการทดสอบนี้จะใช้แค่ X-A2+16-50mm อย่างเดียว และผมเลือกที่จะทดสอบถ่ายของเล็กๆเพราะจะทำให้สังเกตการละลายหลังที่แตกต่างกันได้ง่าย
1. รูรับแสงยิ่งกว้างยิ่งละลาย
F-stop(เอฟ-สตอป) หรือรูรับแสงที่เรามักเรียกย่อๆกันว่า F ถือเป็นเรื่องพื้นฐานเลยครับว่า ยิ่งเราใช้รูรับแสงกว้างมากเท่าไหร่ฉากหลังเราก็จะยิ่งละลายมากขึ้นเท่านั้น โดยวิธีดูว่ารูรับแสงกว้างหรือแคบให้สังเกตค่า F ในกล้องครับ ยิ่งเลขน้อยเท่าไหร่ก็จะยิ่งกว้างเช่น F2.8, F4 ในทางกลับกันถ้าเลขมากก็จะแคบเช่น F11, F16 โดยถ้าเราใช้รูรับแสงแคบจะให้ความชัดที่ลึกไปจนถึงฉากด้านหลังทำให้หลังละลายน้อยลงแต่จะมีประโยชน์เวลาเราถ่ายภาพวิวหรือรูปหมู่ที่มีคนยืนซ้อนกัน 2-3 ชั้นและเราต้องการให้หน้าทุกคนชัดเท่ากัน
ทดสอบ
จะเห็นว่ายิ่งผมใช้รูรับแสงแคบมากเท่าไหร่(เลข F เยอะๆ)ฉากหลังก็ยิ่งละลายน้อยลงและชัดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ F22 นั้นทั้ง 4 ตัวแทบจะชัดพอๆกันเลย ในขณะที่ F3.5 จะชัดเพียงแค่ตัวผมสีแดงด้านหน้าสุดเท่านั้นที่เหลือละลายกันหมดเลย
ขยายดูเฉพาะส่วนฉากหลังที่ถูกละลาย
2. ยิ่ง Zoommm! ยิ่งละลาย
เทคนิคนี้คือการ”ซูมภาพ”ครับ ง่ายๆคือเรายิ่งซูมไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งละลายหลังได้มากขึ้น
การใช้เลนส์ในระยะกว้างๆ(เรียกว่าช่วงไวด์)จะทำให้เราได้ความ”ชัดลึก”มาก คือความชัดมันลึก ชัดตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง และในการตรงกันข้ามการซูมภาพไปไกลๆ(เรียกว่าช่วงเทเล)จะทำให้เราได้ความ”ชัดตื้น”คือระยะชัดมันตื้นมากทำให้ภาพชัดแต่ข้างหน้าแต่ข้างหลังเบลอหาย หรือบางเทคนิคเราก็เลือกที่จะเบลอฉากหน้าไปชัดข้างหลังแทน
ในการทดสอบผมได้ลองหมุนซูมเลนส์ไปที่ระยะ 23mm, 35mm และ 50mm โดยทั้ง 3 ช่วงใช้รูรับแสง F5.6 เท่ากันครับเพื่อความเป็นธรรมเพราะเลนส์ 16-50mm เป็นเลนส์ F ไหล ที่เราเรียก F ไหลเพราะว่ายิ่งซูมมากขึ้นรูรับแสงจะยิ่งแคบลง จะสังเกตได้จากชื่อเลนส์ที่เขียนว่า F3.5-5.6 หมายความว่าถ้าเราไม่ซูมเลยใช้ระยะ 16mm จะมีรูรับแสงกว้างสุด F3.5 แต่ถ้าซูมไปจนสุดที่ 50mm รูรับแสงจะกว้างสุดได้แค่ F5.6
จากภาพจะเห็นได้ว่ายิ่งผมซูมไปมากเท่าไหร่ ตัวแบบที่อยู่ด้านหลังก็จะยิ่งละลายมากยิ่งขึ้น และยังมีผลพิเศษที่เกิดขึ้นด้วยคือ ยิ่งเราซูมมากจะทำให้ฉากด้านหลังดูใหญ่และดูใกล้เข้ามามากกว่าความป็นจริงด้วย ผลพิเศษนี้เลยกลายเป็นเทคนิคที่มักใช้กันเวลาอยากจะถ่ายพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ให้ดวงใหญ่กว่าปกติ เราก็หาอะไรมาเป็นฉากหน้าในภาพซะหน่อยแล้วดึงซูมไปเยอะๆพระอาทิตย์ที่เป็นฉากหลังก็จะใหญ่และดูใกล้กว่าความป็นจริง ดูตัวอย่างได้จากบทความ ใช้เลนส์ Telephoto ดึงฉากหลังให้ใกล้มากขึ้น
3. กล้องอยู่ใกล้ ส่วนข้างหลังทิ้งไปไกลๆ
เทคนิคนี้คือการเอากล้องมาใกล้ๆตัวแบบและอยู่ห่างจากฉากด้านหลังให้มากที่สุดครับ อาจจะยังนึกภาพไม่ออกแต่มันง่ายๆมากครับลองดูจากตัวอย่างที่ผมทดสอบเลย
ทดสอบที่ระยะ 35mm F5.6
ลองถ่ายแบบวางเรียงกันตามปกติ จะเห็นว่าตัวแบบด้านหลังละลายเล็กน้อย
ทดสอบขยับตัวแบบด้านหลังให้ห่างออกไปมากขึ้น เห็นได้ชัดเลยครับว่าละลายมากขึ้นอย่างชัดเจน
และสุดท้ายขยับตัวแบบด้านหน้าให้เข้ามาใกล้กล้องมากขึ้น ทำให้ยิ่งละลายหลังมากกว่าเดิมอีก
ทดสอบที่ระยะ 50mm F5.6
สรุปแบบสั้นๆ
สรุปเทคนิคที่ 1 ก็คือ ใช้รูรับแสงให้กว้างที่สุดหรือก็คือใช้ค่า F เลขน้อยๆ : แต่ถ้าปรับไปน้อยที่สุดแล้วแต่ก็ยังละลายได้ไม่สะใจคราวนี้จะถึงขั้นตอนเสียตังค์แล้วครับ ฮ่า ฮ่า อาจจะต้องหาเลนส์ Fixed ที่มีรูปรับแสงกว้างซัก F1.4 หรือ F1.8 จะละลายหลังได้แบบสมใจแน่นอน
สรุปเทคนิคที่ 2 อยากละลายหลังมากให้ซูมไปเยอะๆ : ถ้าใครติดใจสายนี้แนะนำให้หาเลนส์ 55-200mm หรือ 50-230mm มาใช้ก็ได้ครับ หรือถ้างบถึงก็ 50-140mm ไปเลยซึ่งจะได้รูรับแสงกว้าง F2.8 ตลอดช่วงด้วย ทำให้ละลายหลังได้มากสุดๆ
สรุปเทคนิคที่ 3 เอากล้องไว้ใกล้แบบจะยิ่งละลายหลังได้มาก และถ้าอยากละลายมากขึ้นให้เดินหนีออกห่างจากฉากหลัง : สำหรับชาว X-A2 ที่ชอบถ่าย Selfie ในระยะแขนเรานั้นกล้องอยู่ใกล้หน้าเราเพียงพอจะละลายหลังได้ดีแล้วครับ ถ้าอยากให้ละลายมากขึ้นแค่เดินออกห่างจากฉากหลังให้มากขึ้นก็พอครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่่ให้ความสนใจในบทความนี้นะครับ ยังไงก็ลองเอา 3 เทคนิคนี้ไปใช้กันดูและอย่างที่ผมบอกตอนแรก เราสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กับกล้องได้ทุกชนิดเลยนะครับตั้งแต่กล้อง DSLR ขนาดใหญ่ไปจนถึงกล้องโทรศัพท์มือถือถ้าทำตาม 3 อย่างนี้จะช่วยให้ละลายหลังได้มากขึ้นแน่นอน
บทความนี้เขียนเมื่อ วันที่ 06/11/2015 ช