รีวิว Zhiyun Weebill 3 กิมบอลที่จะทำให้คุณเหนื่อยน้อยลง 40% Leave a comment

วันนี้เราอยู่กับ รีวิว Zhiyun Weebill 3 กิมบอลน้องใหม่ที่เค้าว่าใช้แล้วจะเมื่อยน้อยลง 40% จริงไหม? ติดตามได้ในรีวิวนี้เลยครับ

และในที่สุดผมก็ได้เจ้า Zhiyun Weebill 3 มารีวิว จริง ๆ มันก็มานานแล้วอะนะ แต่ช่วงเวลาก็ยังไม่ได้นำพาเรามาเจอกัน น่าจะเป็นคนสุดท้ายแล้วมั้งที่ได้รีวิว เพราะฉะนั้น เราจะมารีวิวกันแบบละเอียด บอกจุดเด่นจุดด้อย กันแบบตรงไปตรงมากันเหมือนเดิมตามสไตล์ Zoomcamera

รูปร่างหน้าตา ขนาด

ในส่วนของกิมบอล WEEBILL 3 ถ้าเราเอาไปเทียบรูปร่างหน้าตากับรุ่นก่อนหน้าพอสมควรเลยนะครับ เอาจริง ๆ ตระกลู Weebill ถ้าไปดูตั้งแต่ตัวแรกเลยถือว่าหน้าตาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เลย ตั้งแต่ Weebill Lab ตัวแรก ถัดมาก็ Weebill S คือหน้าตาก็จะยังเหมือนกันอยู่พอมา Weebill 2 ก็จะไปอีกเรื่องแล้ว สุดท้าย Weebill 3 ก็แทบจะไม่เหมือน Weebill เดิม ๆ ที่เราคุ้นเคยแล้ว

ใน Weebill 3 จะมีการออกแบบ Ergonomic ใหม่ คือเค้าพยายามจะทำให้ตัวกิมบอลเล็กลง น้ำหนักเบาลง บางอย่างมันก็จะถูกตัดออกไปจาก Weebill 2 พอสมควร อย่างแรกก็จะเป็น จอที่เล็กลงเหลือขนาดแค่ 0.9 นิ้ว ไม่ได้เป็นจอพับออกมาด้านข้างเหมือนใน Weebill 2 แล้ว แล้วก็ไม่ได้ Touchscreen แล้วด้วย การจะปรับตั้งค่าอะไรก็ต้องกดปุ่ม Menu ด้านข้างและใช้ Dial ด้านข้างในการหมุนเพื่อเลือก และกดที่ Dial ได้เพื่อเป็นการตกลง  ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ของกิมบอลได้ ถ้าอยากออกก็ให้กด Menu ออกมาเรื่อย ๆ ก็จะออกมาอยู่หน้าหลัก

ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ส่วนตัวผมชอบแบบเก่าที่เป็น Touch Screen มากกว่า มันปรับอะไรได้สะดวกกว่าแต่ก็เข้าใจว่าจุดประสงค์หลักของการออกแบบรอบนี้คงอยากให้ตัวกิมบอลเล็กลง อยากให้การใช้งานกิมบอลแล้วเหนื่อยน้อยลง คือโดยรวมมันก็เล็กลงจริง ๆ นะ ที่เค้าโฆษณาว่าเป็น A4 – sized Gimbal ก็ถ้าเอากระดาษมาวางเทียบจริง ๆ ก็เล็กพอ ๆ กับกระดาษ A4 นั่นแหละ

ส่วนน้ำหนักตัวกิมบอลก็เพียงแค่ 1,130g เท่านั้นเอง ถือว่าเบามาก ๆ ยังไม่รวมกับ การที่เค้ามี Sling Mode 2.0 ที่เป็นที่จับสำหรับช่วยให้ถือได้สะดวกขึ้นเวลาถ่าย Under slung ออกแบบใหม่ให้เบา และคล่องตัวกว่าเดิม และ Wrist Rest หรือพูดง่าย ๆ ก็คือที่พักข้อมือนั่นแหละ อันนี้ของใหม่ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ช่วยกระจายน้ำหนักไปที่ข้อมือได้

ชึ่ง ทั้งหมดที่พูดมากเค้าก็เคลมว่าสามารถช่วยให้เราเหนื่อยน้อยลง 40% น่าเสียที่ชุดที่ผมได้เป็นแค่ชุด Standard ก็จะไม่มีทั้งสองอย่างมาลองว่าหายเมื่อยจริงไหม? ก็คงพูดไม่ได้เต็มปาก

Zhiyun Weebill 3 ราคา และ ชุด

ไหน ๆ ก็พูดเรื่องชุดแล้วก็ต่อเลยละกันครับ Zhiyun Weebill 3 มีขายด้วยกันสองชุดคือ Standard เปิดราคามาถูกมากที่ 15,900 บาทเท่านั้นเอง นั่นก็คือชุดที่ผมได้มารีวิว และชุดที่สอง Weebill 3 Combo เพิ่มมาอีก 3000 บาท เป็น 18,900 บาท สิ่งที่ต่างกันก็คือในชุดคอมโบจะมี Sling Mode 2.0 ,Wrist Rest,และกระเป๋าบิ๊กเบิ้มมาให้ด้วยนั่นเองครับ

การจับถือ การออกแบบ

ในส่วนของการออกแบบอื่น ๆ ของ weebill 3 ก็จะมีในส่วนของ Joy Stick ที่อยู่ตรงตำแหน่งข้างซ้ายตรงนิ้วโป้งพอดีถ้าคุณถือกิมบอลด้วยมือขวา ข้าง ๆ กันก็จะมีปุ่ม Rec ผ่านกิมบอล โดยต้องเสียบสายเหมือนเดิมอะนะครับ และมีปุ่มปรับโหมดมาให้ ถ้าเรากดโหมดก็จะเปลี่ยนด้วยกัน 3 โหมดที่ใช้บ่อย ๆ ได้แก่ PF ,F และ L

ที่นี้มันจะมีประเด็นนิดนึงครับตรงการปรับโหมด คือรุ่นก่อนหน้าเวลาเราจะปรับโหมดอื่น ๆ นอกจาก PF ,F , L เนี่ยะ คือเราก็สามารถเข้าไปปรับได้ผ่านจอทัชสกรีน อยากเลือกโหมดอะไรก็เลือกไป แต่ใน Weebill 3 ในเมนูไม่ได้มีให้เลือกโหมดอื่น ๆ ได้ง่าย ๆ นะ ต้องเข้าไป Custom ให้มาอยู่ที่ Trigger ข้างหน้า โดยปกติสำหรับคนที่ใช้กิมบอลเราก็จะรู้ ๆ กันใช่ไหมครับว่าถ้ากด Trigger 2 สองครั้งจะ Re-center 3 ครั้งจะ Selfie ใช่ไหม กดค้างจะเข้าสู่ Lock โหมด แต่ที่นี้มันเหลือกด 1 ครั้งใช่ไหม ซึ่งนั่นก็จะเป็น Short Cut สำหรับโหมดที่เราจะเอามาวางไว้นั่นเอง โดยเข้าไปที่ Menu เลือกหา Trigger แล้วก็เลือกสักโหมดที่เราอยากจะเอาไปอยู่ที่ Trigger ยกตัวอย่างเช่นผมเลือกเป็น POV โหมด เมื่อเรากด Trigger 1 ครั้งเราก็จะได้โหมด POV มาใช้งาน

แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้คือ เราวางได้แค่โหมดเดียวครับ ถ้าเราอยากเลือกโหมดอื่นนอกเหนือจากที่มีคือ PF ,F , L และ 1 อัน ในที่นี้คือ POV ที่ผมตั้ง Custom ไว้ที่ Trigger เช่นผมอยากเลือก P โหมด หรือ Portrait ผมก็ต้องมา Custom ใหม่ก่อนเปลี่ยนจากเดิมที่เซ็ตไว้จาก POV เป็น P หรือถ้าผมอยากไปใช้โหมดอื่นเช่น Vortex ผมก็ต้องไปเซ็ตใหม่ให้เป็น Vortex อะไรทำนองนี้ผมว่ามันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เลยสำหรับการเปลี่ยนโหมด

ส่วนจุดอื่น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงก็จะเป็นในส่วนของ Control wheel ที่เดิมจะอยู่ข้าง ๆ แง่งกิมบอลที่เอาไว้ใส่มือจับสำหรับ Under Slung ก็เปลี่ยนมาอยู่ตรงข้างหน้าใต้ trigger เพราะไอ้แง่งนั้นโดดตัดออกเพื่อทำให้กิมบอลเล็กลง โดยที่ Control wheel อันนี้ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมคือสามารถเข้าไปตั้งได้ว่าจะคุม อะไรตั้งแต่ คุมแกนกิมบอล คุม follow focus คุมค่าต่าง ๆ ของกล้อง ก็ว่ากันไป แต่เดิม ๆ มาก็จะคุมแกน Yaw ของกิมบอลครับ

จุดถัดไปที่มีการเปลี่ยนแปลงนั่นก็คือในส่วนของ Quick Release Plate มารอบนี้เป็นเพลตสองชั้นแล้วใช้งานง่ายกว่าเดิม เวลาถอดกล้องออกไปถ่ายแฮนเฮล หรือเอาไปตั้งบนขาตั้ง แล้วจะกลับเอามาใช้ใหม่ก็ไม่ต้องบาล้านซ์กิมบอลใหม่อันนี้ก็จะดวกกว่าเดิมมาก

พวกปุ่มก้านล็อคก็ใหญ่ดีเวลาจะล็อคก็บีบได้ถนัดมือดี แล้วก็มีล็อคสองชั้นมาให้ที่เพลตด้วยก็ป้องกันกล้องตกก็ถือว่าดีครับ

ส่วนการบาล้านซ์กิมบอลก็เหมือน ๆ เดิม บาล้านซ์ไม่ยากอยู่แล้ว เพราะก็มีตัวล็อคมาให้เหมือนเดิม ผมคงไม่บาล้านซ์ให้ดูอะนะครับ เพราะมันก็เหมือนเดิม และก็มีคนสอนเยอะแล้วรวมทั้งผมด้วย ถถถ ก็ลองไปหาดูกันได้ครับ

เรื่องสุดท้ายของการออกแบบก็จะเป็นในส่วนของ Axis Arm ก็ยาวขึ้นราว ๆ 10% ครับ รองรับกล้องที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น เวลาเอากล้องใหญ่ ๆ มาใส่ก็บาล้านซ์ง่ายขึ้นด้วยครับ

ความนิ่ง การรับน้ำหนัก

ภาพรวมของ Weebill 3 เค้าออกแบบให้เล็กลงอะนะ ซึ่งหลาย ๆ คนก็อาจจะมองว่า เห้ยแล้วมอเตอร์มันเป็นไงบ้าง แรงไหม? นิ่งไหม? ส่วนตัวผมก็มองว่านิ่งนะ ถือว่าใช้งานใช้การได้สบาย ๆ ตรงส่วนนี้เค้ามีการปรับปรุงอัลกอลิทึ่มมาเป็น Gen 10th แล้ว (Improves the computing power by 30%) เค้าว่าช่วยลดการสั่นไหวเล็ก ๆ ในช็อตที่วิ่งแล้วเลี้ยวกลับอะไรทำนองนี้

ในส่วนของการลองเอาขึ้นกล้องว่าไหวแค่ไหน คือตามสไตล์ Zhiyun เค้าจะไม่บอกว่าได้กี่กิโลเหมือนชาวบ้านอะนะ เพราะมันขึ้นกับหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดของกล้องหรือขนาดของเลนส์ บางทีมันใหญ่ไปยาวไปแต่น้ำหนักไม่ถึง บางทีมันก็ไม่ไหวไง เลยไม่ได้เป็นตัวเลขมาให้ แต่ผมมองว่าก็อยู่ใน Range ราว ๆ 3 โล บวกนิดหน่อย

ผมลองเอาขึ้นกล้องหลายตัวนะ ไม่ว่าจะเป็น Panasonic S5 + 35mm F1.8 หรือ Sony A7iii + 16-35mm แต่ตัวที่หนักสุดและใหญ่สุด ก็น่าจะเป็น S1H + 24-105mm ถ่ายที่ 105 mm ก็ยังถือว่านิ่งใช้งานได้

ไมค์ติดกิมบอล

อย่างแรกก็จะเป็นในส่วนของ Mic ติดกิมบอล ซึ่งน่าจะเป็นตัวแรกของโลกเลยมั้งที่ผมเห็นเนี่ยะ ก็เป็นไมค์แบบ Shot Gun มาพร้อมฟังก์ชั่น Noise – Canceling หรือช่วยตัดเสียงรบกวนนั่นเอง

หลังจากที่ได้ฟังเสียงเรียบร้อยแล้วส่วนตัวผมมองว่าคุณภาพเสียงที่ได้ยังไม่ได้ดีมาก ถ้าเทียบกับไมค์ Shotgun Saramonic Vmic4 ก็จะเห็นว่าเนื้อเสียงมาดีกว่า ส่วนไมค์ที่ติดมากับ Weebill 3 จะออกทุ้ม ๆ อื้อ ๆ คือเสียงมันดูบวม ๆ น่าจะเพราะพยายามลด noise ด้วยมั้ง ส่วน Noise เหมือนจะซ่าน้อยกว่า แต่ ในขณะที่ Saramonic Vmic4 ได้เนื้อเสียงมาดีกว่าเวลาเอาไปลดน้อยซ์ก็น่าจะได้เนื้อเสียงที่ดีกว่า ส่วนตัวผมมองว่าก็เป็นไมค์กันตายก็น่าจะพอได้อยู่ เวลาที่ลืมเอาไมค์ไปอะไรทำนองนี้มากกว่า คงไม่ถึงกับเป็นไมค์หลัก

ไฟ LED

อย่างที่สองที่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือ ไฟ LED ซึ่งก็มีในหลาย ๆ ตัวของกิมบอลจากค่ายนี้ ปรับความสว่างได้อะนะครับ โดยที่ความสว่างสูงสุดจะอยู่ที่ 1000 lux ความสว่างประมาณไหนก็ตามที่ผมถ่ายมาให้ดูนะ ด้วยความที่ขนาดมันไม่ได้ใหญ่มาก ความนุ่มก็อาจจะไม่เยอะ แต่ถ้าเราไปถ่ายในที่มืด ๆ มาก ๆ ไม่มีแสงช่วยเลย ก็ถือว่าเป็นไฟกันตายได้  ส่วนค่าความตรงสี CRI 90+ อะนะครับ และสามารถปรับ Kelvin ได้ด้วยนะ จากเหลืองไปขาว 2600K-5400K หากยังไม่พอก็ยังมีแผ่นเจลสีแม่เหล็กแปะไปที่ไฟมาให้ด้วย

เหรียญบาทส่วนตัว

สุดท้ายก็จะเป็นในส่วนของเหรียญบาทส่วนตัว หรือประแจเล็ก ๆ สำหรับใช้ในการไขเพลตเข้ากับกล้อง ไม่ต้องพกเหรียญบาท หรือไปหาขอยืมใครให้วุ่นวายจิตใจอีกต่อไป เพราะเค้าเป็นแม่เหล็ก ติดมาใต้กิมบอลมาให้เลย ก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีประโยชน์ และถือว่าที่ใส่ใจในรายละเอียดครับ

แบตเตอรี่

สุดท้ายเรื่อง Battery ซึ่งก็เป็นแบบ Built in ไม่สามารถถอดได้ สามารถใช้งานได้ยาวนาน 21 hours กันเลยทีเดียว ก็ผลจาก Lab อะนะครับ แต่ทุกวันนี้กิมบอลก็อึดมาก ๆ อยู่แล้วแทบไม่ต้องห่วง แต่ที่สำคัญชาร์จไวมาก ๆ รองรับ PD Fast Charge ชาร์จได้เร็วสุด 2 ชม. ครับ

สรุป

สำหรับ Zhiyun Weebill 3 ภาพรวมก็ถือว่าเป็นกิมบอลที่ราคาถูกมาก ๆ เริ่มต้นที่ 15,900 บาทเท่านั้นเอง ถ้าเน้นความคุ้มค่า ผมว่ากิมบอลตัว Zhiyun Weebill 3 ก็ตอบโจทย์ใครหลาย ๆ คนแน่นอน