ถ้าใครที่กำลังมองหากล้องไว้สำหรับถ่ายวีดีโอได้ยาว ๆ ใช้งานง่าย คุณเข้ามาอ่านถูกบทความแล้วครับ เพราะ บทความนี้เราจะมาพูดถึงกล้องวีดีโอในตำนาน ที่ได้ถูกเอามาอัพเกรด ปัดฝุ่นในโฉมใหม่ เรียกได้ว่าเป็น All new handycam ก็ว่าได้ Sony handycam FDR AX-43 ในรุ่นก่อนหน้าอย่าง Sony handycam FDR AX-33 ก็เป็นกล้องที่หลายคนเลือกใช้เพราะแบตเตอรี่ที่ถ่ายได้นาน ซูมได้ไกล สามารถต่อไฟตรงได้ ถ่าย 4K ได้ มีระบบกันสั่นที่ยอดเยี่ยม ฯลฯ วันนี้เราจะมาดูกันว่าในรุ่นใหม่แบบว่าปรับโฉมให้ทันสมัยนี้ จะมีอะไรน่าสนใจ ดีกว่ารุ่นก่อนบ้าง
ถ้าใครสนใจ Sony handycam FDR AX-43 สามารถเข้าไปดูข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมจากเวปไซต์ Sony ได้ครับ

สรุปสเปค+ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจของ Sony handycam FDR AX-43
- สามารถซูมแบบ Opticle zoom ได้ไกลถึง 30 เท่า
- มีระบบกันสั่น Balanced optical Steady shot เป็นระบบกันสั่นที่ยอดเยี่ยมเทียบเท่าการมีกิมบอลอยู่ภายในกล่อง

- จอแสดงผลทัชสกรีนขนาด 3 นิ้วที่มีการตัดขอบให้บางขึ้น ทัชสกรีนได้ดีมากขึ้น
- สามารถถ่ายวีดีโอสูงสุด 4K 30fps ได้ และ Full HD 1080p 60fps และ ถ่ายแบบ High frame rate ได้สูงสุด 100fps
- ไมโครโฟนดีขึ้นเป็นระบบ Surround 5.1 ch และ เลือกปรับเป็น 2.0 ch ตามเดิมได้
- มีฟีเจอร์ตัดเสียงของผู้ถ่ายออกไปได้เมื่อใช้กับการรับเสียงแบบ 5.1 ch
- มีฟีเจอร์ซูมเสียงได้ เวลาเราซูมภาพเข้าไปเสียงที่ได้ยินก็จะดังขึ้นตามการซูมของเรา

- ควบคุมการทำงานด้วยมือเดียวเมื่อใช้งานร่วมกับ Sony GP-VPT1 Shooting Grip With Mini Tripod
- แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นานตลอดวัน เหมาะกับคนที่ชอบถ่าย Vlog / ถ่ายวีดีโอนาน ๆ นอกสถานที่
- ตัดต่อวีดีโออย่างง่าย ๆ ได้ภายในกล้องด้วย Highlight movie maker
- ต่อไมโครโฟนแยกได้ ต่อหูฟังได้
- มีช่อง Micro HDMI ที่เป็นแบบ Clean HDMI
- สามารถต่อไฟตรง หรือ ไฟบ้านได้โดยตรงขณะถ่ายทำ
กล้อง Sony Handycam FDR AX-43 มีการพัฒนาอะไรให้ดีขึ้นบ้าง
1. จอแสดงผลทัชสกรีนที่เปลี่ยนไป รุ่นก่อนจะทัชสกรีนยากหน่อย แต่รุ่นใหม่นี้ทางโซนี่ได้ปรับปรุงใหม่ทัชสกรีนได้ง่ายขึ้น ลื่นไหล
ในจุดนี้ใครที่ใช้กล้องรุ่นก่อนหน้าคงรู้กันดีว่ามัน ทัชสกรีนยากแบบสุด ๆ ต้องออกแรงกันซักนิดนึง ใช้ปลายนิ้วจิกลงถึงจะทัชสกรีนได้ ซึ่งมันไม่ดีเอามาก ๆ เลยในระยะยาว ทำให้หน้าจอแสดงผลเสียหาย พอมาในรุ่นใหม่นี้ก็ปรับมาใหม่ดีขึ้นเยอะเหมือนจอทัชสกรีนใน Mirrorless มีความรวดเร็ว ลื่นไหลดี

2. พัฒนาการซูมระยะไกลได้ดีขึ้น ซูมได้ไกลมากถึง 30 เท่า จากรุ่นก่อนที่ทำได้สูงสุดเพียง 15 เท่า
ใครที่ชอบถ่ายวีดีโอไกล ๆ แฮปปี้แน่นอน ตัวใหม่ซูมได้ไกลขึ้น และ มีเทคโนโลยีการซูมเสียงเข้ามาเพิ่มให้อีก ทำให้การซูมถ่ายระยะไกลมีประสิทธิภาพมากขึ้น เวลาซูมเข้าไป เสียงที่ได้ก็จะดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามการซูมของเรา

3. น่าเสียดายรุ่นใหม่นี้ได้เอาช่องมองภาพ Viewfinder ออกไป
หลายคนอาจจะชื่นชอบการส่องช่องมอง และ เจ้าสิ่งนี้มันมีประโยชน์มาเวลาเราถ่ายวีดีโอกลางแดดจ้า ๆ ก็ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น โดยส่วนตัวผู้เขียนก็ชอบให้มีช่องมองนะ มันก็ดูดีไปอีกแบบเวลาเราถ่าย

3. เปลี่ยนตำแหน่งของหูฟังใหม่ ไม่เกะกะนิ้วมือเวลาถือถ่ายอีกต่อไป
ตำแหน่งของหูฟังในรุ่นก่อน จะมีช่องเสียบใหม่กับหูฟังอยู่ด้วยกันแต่ใน Sony Handycam FDR AX-43 ช่องหูฟังจะย้ายมาอยู่บริเวณด้านหน้าของเลนส์ แยกกันกับช่องไมค์ ซึ่งในบางครั้งสายหูฟังอาจจะไปพาดโดนหน้าเลนส์ เวลาเราถ่ายได้

4. โหมดการถ่ายภาพ Night mode ถูกเอาออกไป และ มีการปรับเปลี่ยนการวางตำแหน่งปุ่มใหม่
พูดถึง Nigh Shot เป็นการถ่ายแบบเหมือนที่เราเห็นเป็นภาพเขียว ๆ ในหนัง Horror หนังผีซึ่งสมัยนี้ไม่ค่อยเห็นคนใช้การถ่ายภาพแบบนี้แล้วอาจเป็นเพราะว่ากล้องในปัจจุบันมีการพัฒนาระบบประมวลผล การกำจัด Noise และ การควบคุม ISO ได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งก็ไม่มีความจำเป็นที่โหมด Night shot นี้จะมีต่อไป ทางโซนี่เลยเอาปุ่มนี้ออกไป และ มีการวางปุ่มใหม่ ช่องใส่การ์ด ใหม่ และ มีการเพิ่มลำโพงเข้ามาให้ด้วย รวมไปถึงจะมีปุ่ม Highlight movie maker เพิ่มเข้ามาซึ่งผมจะอธิบายในหัวข้อถัด ๆ ไป

5. ในรุ่น Sony Handycam FDR AX-33 จะมีสาย USB บริเวณด้านหน้ากล้องเพื่อไว้สำหรับชาร์จแบตผ่าน Powerbank กลับเข้าไปได้โดยไม่ต้องถอดแบตไปชาร์จ ในรุ่นใหม่นี้เอาออกไปแล้วครับ
การชาร์จแบตเตอรี่เป็นเรื่องที่สำคัญของการถ่ายวีดีโอนาน ๆ การที่โซนี่เอาสาย USB นี้ออกไปก็ทำให้ผู้ที่เคยใช้ Handycam แอบหงุดหงิดอยู่เบา เพราะในบางคนก็มีการใช้สาย USB ตรงนี้ในการต่อชาร์กับ Powerbank ไปด้วยขณะถ่ายวีดีโอ

6. ในรุ่นใหม่นี้จะไม่มีวงแหวนปรับ Manual Focus หน้าเลนส์แล้ว
วงแหวนหมุนโฟกัสหายไปในรุ่นใหม่ คือถ้าใครอยากจะใช้ Manual Focus จริง ๆ ก็จะเป็นการใช้นิ้วจิ้มหน้าจอทัชสกรีนในจุดที่ต้องการโฟกัสเอาครับ ซึ่งการมีวงแหวนปรับหมุนได้มันจะให้อารมณ์การ Shift Focus ที่มีความไหลลื่นมากกว่า การใช้นิ้วจิ้มสัมผัส ซึ่งวงแหวนนี้เองจะช่วยให้เราสร้าง Transition สวย ๆ ได้ ถ้าไม่มีก็จะทำได้ยาก

7. มีการพัฒนาระบบกันสั่น Balanced optical Steady shot ให้ดีมากขึ้น ระบบประมวล ระบบโฟกัสให้จับวัตถุได้ รวดเร็ว ว่องไวมากกว่ารุ่นเดิม
จุดเด่นที่สำคัญของกล้อง Handycam คือระบบกันสั่นที่ต้องบอกเลยว่า เทพมาก ราวกับว่ามีไม้กันสั่นอยู่ภายในกล้องเลย อะไรจะขนาดนั้น ถ้าไม่เชื่อลองลงชมคลิปด้านล่างนี้ครับ
โดยตัวระบบกันสั่นแบบ Balanced optical Steady shot เป็นระบบกันสั่นอันดับต้น ๆ ที่โซนี่เคยทำมา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนเช่น เดิน วิ่ง หรือ แม้แต่การซูมไปถ่ายวีดีโอในระยะไกล ๆ ก็กันสั่นได้สบาย ซึ่งดีกว่ารุ่นก่อนหน้าประมาณหนึ่งเลย
นอกจากระบบกันสั่นที่ดีขึ้นแล้วยังมีระบบประมาณผลที่ดีขึ้น ใช้ชิปประมวลผล Bionz X ช่วยให้สีสันในภาพที่สดใสเป็นธรรมชาติ สมจริงมากขึ้นและมีการประมวลผลภาพที่เร็วขึ้น
เซนเซอร์ Exmor R CMOS ปรับปรุงความคมชัดของภาพ ลดนอยส์รบกวนในสภาพแสงที่มืดและช่วยให้ฉากหลังเบลอนุ่มนวล ขณะที่ระบบประมวลผลภาพ BIONZ X ชิปตัวเดียวกันกับในกล้องรุ่นใหญ่ ๆ อย่าง Sony A7R III , Sony A9 เชื่อได้เลยว่าการประมวลผลเร็วขึ้นแน่นอน


8. มีการปรับเปลี่ยนตัวไมโครโฟนดีขึ้น รูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงใหม่ให้ดูทันสมัครขึ้น รับเสียงได้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม
ไมโครโฟนในรุ่นนี้ดีขึ้นเยอะมาก รับเสียงได้ดีขึ้น มีการปรับรูปแบบการรับเสียงได้ 2 แบบ คือ 2.0 ch และ เซอร์ราว 5.1 ch การที่รับเสียงได้ 5.1 นี้สามารถทำเราบันทึกเสียง ขณะถ่ายวีดีโอได้ 5 ทิศทาง และ มีฟีเจอร์ที่สามารถปิดการรับเสียงจากด้านหลังกล้องได้ด้วย ถ้าใครถ่ายวีดีโอที่มีการพูดจากหลังกล้องไป แล้วไม่อยากให้หน้าให้ผู้ชมได้ยิน ฟีเจอร์ที่ได้มาจากไมค์ตัวนี้เหมาะมากครับ

นอกจากไมค์แล้ว การดีไซน์โดยรวมของรุ่นใหม่นี้ มีขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย อาจจะเป็นว่าแบตเตอรี่ที่ใช้มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่ได้ใหญ่จนเป็นนัยสำคัญ
9. มีฟีเจอร์ใหม่ Highlight Movie Maker ตัดต่อคลิปวีดีโออย่างง่าย ๆ ในตัวกล้องได้เลย
แต่มีข้อสังเกตนิดนหน่อย ว่าจะสามารถตัดต่อได้เฉพาะไฟล์ที่ถูกบันทึกเป็น .mp4 เท่านั้น และ ต้องเข้าไปเปิดการตั้งค่าการบันทึกวีดีโอ 2 ทางด้วย ไม่งั้นวีดีโอที่ถ่ายมาจะไม่สามารถใช้งานในโหมด Highlight movie maker ได้ ซึ่งการตัดต่อในกล้องแบบนี้เหมาะกับคนที่ใช้งานถ่ายวีดีโอไม่ซีเรียส อยากแค่ทำคลิปง่าย ๆ ใส่เพลง มี Template มาให้ส่งคลิปอัพโหลดขึ้น Social แบบเร็ว ๆ ซึ่งถ้าคุณเป็นสายที่ต้องเกรดสีวีดีโอ ทำ Post production เยอะ ๆ โหมดนี้คงไม่ตอบโจทย์แน่นอน

รีวิวการใช้งานจริงจาก Influencer หลายท่าน
อ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
- Review : เปิดประสบการณ์การใช้งานจริง Sony A6300 จากทีมงาน Zoomcamera
- รีวิว Sony ZV-1 จากการใช้งานจริง รีวิวหมดเปลือก ดีจริงหรือสำหรับคนรักการถ่ายวีดีโอ
- 9 จุดเด่น Sony ZV1 กล้อง Vlog ตัวใหม่ ถ่ายง่าย ถ่ายสนุก เหมาะสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ Gen Z
วิเคราะห์คุ้มค่า คุ้มไหมที่จะซื้อ และ กล้องตัวนี้เหมาะกับใคร
สุดท้ายนี้กล้องตัวนี้เหมาะกับใคร ? เหมาะกับคนที่ต้องการกล้องที่ถ่ายได้นาน ๆ ไม่ Heat ไม่ตัด ต่อไฟตรงได้ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ไม่เน้นถ่ายภาพ เน้นถ่ายวีดีโอเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มที่พอจะเข้าเกณฑ์ที่บอกนี้ ก็จะเป็นคนที่อยากหากล้องซักตัว ไว้ถ่าย Vlog ถ่ายวีดีโอคอนเทนต์ ถ่ายวีดีโอไลฟ์สตรีมมิ่ง ไลฟ์สดขายของ ถ่ายวีดีโอสไตล์ Documentary ถ่ายสัมนา อีเว้น งนประชุม ถ่ายเน้นภาพเรียล ๆ ไม่เอาไฟล์ไปทำ Post Production ต่อ ฯลฯ ตัวนี้ตอบโจทย์ในระดับหนึ่งเลยครับ ถือได้ว่าคุ้มค่าน่าซื้อมากครับ
แต่ถ้าเป็นคนที่ถ่ายวีดีโอ เพื่อเอามาทำ Post Production หนัก ๆ เช่น การเกรดสี การทำ Lamping อะไรประมาณนี้ ลองดูเป็นกล้อง DSLR/Mirrorless สายวีดีโอจะเหมาะกว่า นอกจากนี้ในเรื่องของการจัดการ White balanced ยังไม่ละเอียดมากพอ ไม่สามารถปรับในระดับ Kelvin ได้ และ การวัดแสงยังทำได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับกล้อง Mirrorless ที่เน้นถ่ายวีดีโอ มันจะไม่สามารถปรับแมนนวลได้ทุกค่า ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ กล้อง Sony Handycam FDR-AX43 คงจะยังใม่ใช่คำตอบเท่าไหร่สำหรับสายวีดีโอที่ต้องการสเปคไฟลที่ยืดหยุ่น เอามาทำต่อได้เยอะ ๆ

ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์
แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
086-349-7224 / 02-635-2330 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)



