รีวิวครั้งนี้ถือว่ายากสำหรับผม เพราะทุกคนก็คงพอรู้ว่าผมแค่เป็นคนเล่นกล้องที่ถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายวิดีโอตัวเองทำยูทูปก็แค่นั้น ไม่ได้มีประสบการณ์ในการถ่ายหนังหรือผลิต MV อะไรการจะรีวิวกล้อง Cinema อย่าง RED KOMODO 6K จึงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะถ่ายทอดได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งหลังจากชั่งใจอยู่นานผมก็เลือกว่าจะนำเสนอให้ทุกท่านฟังในมุมของคนใช้ Mirrorless นี่แหละเพราะเอาตรง ๆ ผมเองรู้สึกตื่นเต้นนะตอนที่ได้ใช้ Komodo มันเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ โลกใหม่ ๆ ให้ผมเยอะมากจึงอยากจะสื่อเอาความรู้สึกนี้ให้ทุกคนได้ฟังกันเผื่อว่าทุกคนจะได้เห็นโลกใหม่ที่ผมพบเจอนี้บ้างไม่มากก็น้อย
RED ชื่อนี้ถือว่าเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คนที่จะได้มาครอบครองสักตัวเลยทีเดียวครับ แต่สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับกล้อง RED ไม่ต้องแปลกใจแต่อย่างใดเพราะกล้องระดับนี้ใช้งานกันเฉพาะกลุ่มมากพอสมควร แต่คุณจะต้องเคยเห็นภาพจาก RED จากหนึ่งในหนังเหล่านี้แน่นอนไม่ว่าจะเป็น The Revenant หนังที่ทำให้ Leonardo DiCaprio ได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม รวมถึงหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Star Wars: The Force Awakens, Fast and Furious 7, Star Trek Into Darkness หรือจะเป็นหนังที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวอย่าง Prometheus หนึ่งในแฟรนไชส์เอเลี่ยน รวมทั้งซีรีส์ที่ทุกคนน่าจะรู้จักอย่าง Game of Thrones ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีการใช้กล้อง RED ในการถ่ายทำทั้งนั้น ซึ่งมันแสดงให้เห็นเลยครับว่าคุณภาพของ RED นั้นได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่างมาก และทีมงานสร้างหนังเหล่านี้มองว่ามันเจ๋งพอจะใช้เก็บภาพหนังที่ลงทุนหลายร้อยไปจนหลายพันล้านบาท
แน่นอนว่ากล้องพวกนี้ราคาไม่ถูกหรอกครับการจะมี RED ถ่ายสักชุดหนึ่งเราอาจต้องลงทุนเป็นล้านบาท ทั้งตัวกล้องยังออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการทำงานเป็นทีมมากกว่าจะนำมาถ่ายตัวเองท่องเที่ยวหรือทำ Video Content ทำให้กล้อง RED ดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนธรรมดาอย่างเรามาก แต่หลังจากการเปิดตัวของ RED KOMODO 6K ผมว่าเราคงต้องมองเรื่องนี้กันใหม่อีกสักรอบเพราะมันไม่ได้ราคาเกินเอื้อมเหมือนก่อนรวมถึงขนาดตัวและ UI การใช้งานที่เป็นมิตรกับคนทั่วไปได้มากขึ้น แต่ RED ก็ไม่ได้ตั้งใจจะสร้าง Komodo ขึ้นมาเพื่อหวังเก็บตลาดล่างลงมาหรอกนะครับ
สร้างมาเพื่อใช้แล้วทิ้ง
ตามความตั้งใจของเขาไม่ได้คิดจะสร้าง Komodo เพื่อหวังเก็บตลาดระดับเริ่มต้น หรือพยายามให้คนใหม่ ๆ ย้ายมาใช้ RED หรอกนะครับ(หรือบางทีเขาอาจจะแอบหวังอยู่อ้อม ๆ ก็ได้ ด้วยตลาดปัจจุบันคนถ่ายวิดีโอจริงจังกันมากผมว่าเขาน่าจะเห็นโอกาสตรงนี้อยู่เช่นกัน) เดิมทีเขาสร้างให้ RED Komodo เป็น “กล้องรอง” คือไม่ใช่กล้องตัวหลัก มันเป็นกล้องในมุมที่ 2, 3 หรือ 4 และตั้งใจทำให้มีขนาดเล็กเพื่อให้นำไปติดในตำแหน่งที่เข้าถึงยากได้อย่างเช่นในการถ่ายทำฉาก Action รุนแรงทั้งหลายที่ต้องเอากล้องไปติดตามรถบ้าง มอเตอร์ไซค์บ้าง รวมถึงการใช้งานร่วมกับโดรนหรือกิมบอลขนาดเล็ก สถานการณ์พวกนี้เอากล้องใหญ่ ๆ เข้าไปติดยาก แถมบางครั้งอาจจำเป็นต้องเกิดความเสียหายถึงขนาดกล้องพังไปเลย
แล้วทำไมไม่ใช่ GoPro ล่ะ? เห็นหลาย ๆ เรื่องก็ใช้กันนี่? เอาจริง ๆ GoPro ก็เป็นทางเลือกหนึ่งครับซีรีส์ไทยหลายเรื่องก็ใช้แบบนี้ ปัญหาของมันคือ…คุณภาพไฟล์มันไม่ได้
ซึ่งไฟล์ GoPro มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกครับแต่ลองคิดดูว่ามันต้องตัดต่อแต่ละฉากร่วมกับกล้อง RED Cinema ตัวเป็นแสนเป็นล้าน มันย่อมมีจุดที่เนื้อไฟล์มันไม่สามารถจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ แล้วเวลาเอาไปเปิดในโรงหนังจอขนาดใหญ่ คนดูรู้สึกได้นะครับ มันมีความรู้สึกที่ไม่ต่อเนื่องเหมือนอารมณ์หรือลักษณะของภาพที่ดูมันมีความเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่มีใครอยากให้สิ่งนี้เกิด ฉะนั้น RED Komodo จึงพยายามจะอุดช่องว่างนี้ด้วยขนาดตัวที่เล็กและราคาที่พอรับได้สำหรับการนำเข้าฉากระเบิดรถแล้ว…บึ้มมม ไปพร้อมกับรถเลย
ถึงตรงนี้บางคนอาจจะคิดว่าราคามันต้องถูกแค่ไหนถึงจะเอาไปบึ้มทิ้งได้ ข่าวร้ายคือสำหรับคนธรรมดาอย่างเรามันก็หนักหน่วงใช้ได้เลยทีเดียวกับราคาค่าตัว
เล็กทั้งขนาดและราคา
RED KOMODO 6K มีราคาเริ่มต้นที่ 210,000 บาทและมี Package ที่เพิ่มอุปกรณ์ไปสูงสุดที่ 285,000 บาท ฟังดูคงไม่รู้สึกว่าถูกสักเท่าไหร่สำหรับเราชาว Mirrorless / DSLR แต่ถ้าเป็นรุ่นอื่นของ RED อาจจะต้องเพิ่มเงินไปอีกสัก 2-3 เท่าเป็นอย่างน้อย ถ้าคุณเคยต้องเอากล้องชุดละล้านบาทไปเสี่ยงอันตรายในฉาก Action ผมว่าลดลงมาเป็น 2-3 แสนก็รู้สึกถูกไปเลยล่ะ
- KOMODO 6K BRAIN ONLY ราคา 210,000 บาท
- KOMODO STARTER PACK ราคา 250,000 บาท
- KOMODO PRODUCTION PACK ราคา 285,000 บาท
ส่วนขนาดนั้นมันเล็กจริงครับ บอดี้ของ RED Komodo 6K เป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 10x10x10cm ถือว่าเล็กมากสำหรับกล้อง Cinema น้ำหนักแค่ประมาณ 1 กิโลกรัมเท่านั้น พกพาไม่ได้เป็นภาระต่างจาก Mirrorless รุ่นท็อปสักเท่าไหร่
สเปค RED KOMODO 6K
- เซนเซอร์ CMOS ขนาด Super 35 ความละเอียด 19.9 ล้านพิกเซล
- Global Shutter
- ขนาดเซนเซอร์ 27.03mm X 14.26mm (DIAGONAL: 30.56mm)
- Dynamic Range 16+ Stops
- เมาท์เลนส์ Canon RF
- ระบบ Autofocus แบบ Phase Detection
- บันทึกวิดีโอแบบ 16bit RAW ได้ในตัวกล้องและรองรับ Apple ProRes
- RAW Compression LQ, MQ, HQ
- ความละเอียดวิดีโอแบบ RAW 6K 17:9 40fps / 6K 2.4:1 50fps / 5K 17:9 48fps / 4K 17:9 60fps / 2K 17:9 120fps
- จอแสดงผล Touchscreen ขนาด 2.9 นิ้วความละเอียด 1440×1440 พิกเซล
- มี Wi-Fi 2.4/5GHz ในตัว รอบรับการเชื่อมต่อ iOS, Android
- พอร์ต SDI-12G 4K Output 4:2:2 10bit DCI 4K 60fps
- พอร์ต 9-pin EXT รองรับ Genlock / Timecode / GPIO / RS232
- ไมโครโฟนในตัว Dual Channel Digital Mono, Uncompressed 24-bit 48 kHz
- รองรับการบันทึกเสียงแบบ Dual Channel
- พอร์ตไมโครโฟนและหูฟังขนาด 3.5mm
- การ์ดหน่วยความจำ CFast 2.0
- ใช้แบตเตอรี่ Canon BP-955, BP-975
- น้ำหนัก 1 กิโลกรัม
การจับถือใช้งาน
นี่เป็นอีกจุดที่แตกต่างจาก Mirorless อย่างชัดเจนเลยครับ กล้องแบบนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้กำไว้ในมือแล้วถือถ่ายไปเรื่อย ๆ แบบกล้องที่เราคุ้นเคย ฉะนั้นมันถือไม่ดีหรอกครับ นอกเสียจากว่าเราจะซื้อพวก Handle ต่าง ๆ มาต่อเพิ่มอันนั้นก็ช่วยได้มากเลยซึ่งผมก็แนะนำให้ซื้อนะ ถ้าใช้เฉพาะตัวมันอย่างเดียวแล้วถือเป็นกล่อง ๆ จะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
การตั้งค่าควบคุมกล้องต่าง ๆ จะทำผ่านปุ่ม 5 ปุ่มด้านบนข้าง ๆ จอภาพ Touchscreen ขนาด 2.9×2.9 นิ้ว ซึ่งก็มีความสะดวกแบบพอใช้ได้ครับ ไม่ได้ดีเลิศอะไรมากมาย แต่ส่วนที่ดีมากคือ Application
Application ที่ดีจนอยากให้ทุกค่ายทำตาม
ส่วนนี้อาจจะเรียกว่าผมชอบเป็นการส่วนตัวก็ได้ RED Komodo จะมี Wi-Fi ในตัวให้เราสามารถเชื่อมต่อกับมือถือ Android/iOS ได้เพื่อใช้ App RED Control ในการควบคุมกล้องซึ่งเสถียรดีเลยครับ Interface ไม่หวือหวาแต่ชัดเจน และคุมกล้องได้เยอะมากไม่ว่าจะ Setting กล้องต่าง ๆ ตั้งได้แทบจะทั้งหมด หมุนวงแหวนปรับระยะโฟกัสแบบละเอียด ๆ ก็ได้และแน่นอนสามารถ Preview ภาพจากกล้องได้โดยมีดีเลย์ค่อนข้างน้อยเลย
Field Test
ผมเองไม่ได้ลงเนื้อหาทั้งหมดในวิดีโอบนนี้นะครับ(เพราะมันทำลำบากแหละ ฮ่า ฮ่า)ฉะนั้นไปดูผลทดสอบเต็ม ๆ กันได้ในวิดีโอ
วิดีโอตัวอย่างจาก RED Komodo 6K
Over Heating?
ฮีตไหม? เป็นคำถามที่ตอบง่ายมากว่า…ไม่ครับ…มันไม่เคยฮีทเลยไม่ว่าผมจะเปิดทิ้งไว้นานแค่ไหน โดนแดดไม่โดนแดด HDD เต็มแล้วเต็มอีกกล้องก็ยังพร้อมสำหรับการทำงานอยู่ ซึ่งนี่เป็นข้อดีของกล้อง Cinema เลยครับเพราะกล้องระดับนี้ส่วนใหญ่เขาไม่ปิดกัน ออกกองถ่ายทีก็เปิดไว้ตลอดเพราะปิด-เปิดใหม่แต่ละทีใช้เวลาเกือบนาทีกว่ากล้องจะติดได้ และทุกเวลาในกองถ่ายคือเงินทั้งนั้นครับ เรามีไฟที่เช่าเขามา เลนส์ที่เช่ามา คนที่จ้างมา ทุกอย่างเงินมันวิ่งออกตามเวลาที่เสียไปหมด กล้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพร้อมทำงานเสมอและต้องทำได้ตลอดโดยไม่หยุดพัก
ด้านในของ RED Komodo 6K แทบจะเต็มไปด้วยฮีตซิงก์ขนาดใหญ่พร้อมพัดลมระบายความร้อน 2 ตัวที่จะหมุนทันทีเมื่ออุณหภูมิขึ้นสูงถึงจุดที่กำหนด
Dynamic Range
RED โฆษณาไว้ว่า Komodo มี DR ที่สูงถึง 16+ สตอป ซึ่งผมเองไม่มีเครื่องมือจะสามารถใช้วัดค่าจริง ๆ ได้ แต่จะลองทดสอบให้ดูในแบบของการใช้งานนะครับ ในวิดีโอจะเห็นผมลองดึงแสงจากวิดีโอที่ Over +5 และ Under -5 ให้กลับมาเป็นค่ากลางปกติ ซึ่งผมสามารถ Over ไปได้ถึงประมาณ 3-4 สตอปและ Under ได้ประมาณ 2 สตอปครับ
บอกลาภาพล้มกับ Global Shutter
Global Shutter นับเป็นของเด็ดที่เด็กมาก ๆ ของ RED Komodo เพราะมันมีไม่เยอะหรอกครับกล้องที่เป็น Global Shutter ซึ่งมันก็จะช่วยแก้เรื่องปัญหา Rolling Shutter Effect ที่ทำให้ผิดล้มเอียงหรือบิดเบี้ยวผิดรูปเวลาถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วหรือในการแพนกล้องเร็ว ๆ
ISO สูงอาจจะไม่เก่งนัก
จากภาพจะเห็นว่า RED Komodo 6K ไม่ใช่กล้องที่เก่งในเรื่อง ISO สักเท่าไหร่ ISO ที่ผมพอรับได้คือแค่ประมาณ 1600 สูงกว่านั้นเริ่มไม่ค่อยดีแล้วครับ ตอนดูผลทดสอบหลังคอมฯรู้สึกเหมือนกำลังดูไฟล์ของกล้องเมื่อ 10 ปีที่แล้วอยู่เลย ฮ่า ฮ่า
เพราะตัว Komodo เองไม่ได้ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้ ISO สูงครับ ปกติเราจะเลือกใช้ค่า ISO ที่ DR ดี ๆ สักค่าหนึ่งแล้วใช้อันนั้นไปตลอดหากแสงมากไปก็ใส่ ND แสงน้อยไปเราก็เพิ่มไฟกันไปเลย ซึ่งก็อาจจะเปลืองงบประมาณในส่วนนี้มากสักหน่อย
แต่จริง ๆ แล้วเรื่อง Noise ใน ISO สูงนี่ไม่ต้องคิดมากครับ หากเราถ่ายไฟล์ RAW เราแทบไม่ต้องคิดเรื่อง ISO เลยเพราะ RED ไม่ได้ใช้มันเป็นหนึ่งในการวัดแสงแบบ Speed Shutter หรือรูรับแสง แล้วพวกเขาใช้ ISO อย่างไรน่ะหรือครับ ไปลองชมกันในวิดีโอนาทีที่ 18:39 ได้เลย
สุดท้าย…
RED KOMODO 6K เป็นกล้องที่ดีแน่นอนครับเรื่องนั้นไม่ต้องสงสัยเลย Cinema ไม่ได้ออกกล้องใหม่กันบ่อย ๆ แบบฝั่งกล้อง Consumer ไลน์นี้เขาออกทีหนึ่งขายกันยาว ๆ หลายปีฉะนั้นเขาทำมาดีแน่นอน เพียงแต่สำหรับคนใช้ Mirrorless ที่อยากจะขยับไปต้องยอมรับว่าเราจะเสียระบบออโต้หลาย ๆ อย่างและมันคงเป็นโจทย์ที่ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักหนึ่งถึงจะชิน
อย่างหนึ่งที่ผมตระหนักได้หลังได้ใช้จริงคือมันไม่ถูกนักที่เราจะเอากล้องไลน์นี้ไปเทียบกับ Mirrorless อย่างเช่น A7S III หรือ Canon EOS R5 หรืออะไรก็ตาม เพราะพอได้ใช้ทุกคนจะรู้เลยครับว่ามันเก่งคนละงานอ่ะ มันถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานคนละอย่าง คือตอนผมพยายามเปรียบเทียบในหัวตัวเองรู้สึกเหมือนกำลังเอารถแข่ง F1 มาเทียบกับ Honda ที่บ้านเลย คือมันมี 4 ล้อเหมือนกัน วิ่งบนพื้นเหมือนกันซึ่ง F1 มันก็ดีนะ แรง เร็ว เราคงไม่เจอรถอะไรที่สมรรถนะดีกว่านี้แล้วแต่มันก็ไม่มีทางขับง่าย สะดวกสบาย หรือประหยัดน้ำมันเหมือน Honda ที่บ้านได้เลย
ฉะนั้นพอผมบอกว่ารถบ้านไม่เร็วเหมือนรถแข่งเลย หรือรถแข่งขับโคตรยากใช้รถบ้านยังสนุกกว่าอีกมันก็ไม่ถูกใช่ไหมล่ะครับ เพราะมันออกแบบมาให้ใช้งานต่างกันมันไม่ใช่ว่า RED ไฟล์ดีมาก แต่การจับถือไม่ดี ระบบออโต้แทบไม่มี ไฟล์ก็ขนาดใหญ่จนหา HDD เก็บไม่ได้แล้วเราจะบอกว่าซื้อ RED Komodo ไปซื้อ A7S III ดีกว่า ถ้างั้นแสดงว่าเรากำลังมองกล้อง Cinema ในมุมของคนใช้ Mirrorless ซึ่งเราไม่สามารถเอาการใช้งานแบบเราของเราไปตัดสินการใช้งานของเขาว่าดีหรือไม่ดีได้
แต่ที่ดีแน่ ๆ คือไฟล์ของ RED Komodo 6K ซึ่งมันแตกต่างจากที่เราเคยใช้กันใน Mirrorless จริง ๆ ครับตอนที่ถ่ายออกจากหลังกล้องมาอารมณ์ที่ให้มันมีความแตกต่างที่ผมก็อธิบายได้ยาก และถึงแม้ว่าไฟล์ของ Komodo จะใหญ่มากจน HDD ผมแทบจะเต็มไปกับรีวิวนี้แต่หลังจากได้แต่งแสง ได้ทำสี ผมว่ามันคุ้มค่ากับทุก MB ที่เสียไปจริง ๆ
ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์
แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
083-067-7677 / 02-098-9555 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)