กล้อง Olympus E-PL3 เปิดตัวพร้อมกันกับ E-P3 และ E-PM1โดยมาในรูปโฉมที่เปลี่ยนแบบ model change ทั้งตัวดูโฉบเฉี่ยวและสะดุดตามากขึ้นพร้อมกับขนาดที่เล็กลง กริปจับถูกตัดออกเพื่อความเพรียวบางของตัวกล้อง ทีนี้เราจะมาดูว่า E-PL3 มีอะไรที่แตกต่างไปจาก E-P3 ที่เป็นกล้องเรือธง flagship ของ olympus กันครับแต่ก่อนอื่นเรามาดู features ที่เพิ่มมาของ E-PL3 กันก่อนว่าต่างกับ E-PL2 กันสักแค่ไหน
ส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก E-PL2 ของ E-PL3 นอกจากความสวยงามของตัวกล้องแล้วยังมี
-เซนเซอร์ Live MOS ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลตัวใหม่ที่ถูกพัฒนาใหม่เพื่อให้ประสิทธิภาพที่เต็มที่
–ระบบโฟกัสความเร็วสูงแบบ 120hz หาโฟกัสได้เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
-ถึงตัวกล้องจะถูกตัดแฟลชแบบ built-in ออกไปเพื่อลดขนาดให้เล็กลงแต่ทางโอลิมปัสก็แถม clip-on flash มาให้พร้อมกับต้องกล้องเลย
–จอด้านหลังสัดส่วน 16:9 มาพร้อมความละเอียดระดับ 460k dots และสามารถปรับจอขึ้นลงได้ ช่วยให้การถ่ายภาพในมุมแปลกๆทำได้อย่างอิสระ
-ระบบประมวลผลแบบ Dual Core Truepic VI เพื่อเพิ่มสมรรถภาพการโปรเซสภาพต่างๆให้รวดเร็วมากขึ้น
-ระบบ shadow tone adjustment control ช่วยให้สามารถควบคุมโทนภาพของภาพได้ดีขึ้น
–เพิ่มและพัฒนา filters ต่างๆที่อยู่ในกล้องให้มากขึ้นและใช้งานผสมกันได้มากขึ้นซึ่งเป็นจุดขายของกล้อง Olympus มาโดยตลอด
ส่วนที่ทำให้ E-PL3 ต่างกับ E-P3 ก็คือ
Olympus E-PL3 | Olympus E-P3 |
จุดโฟกัส 11 จุด | จุดโฟกัส 35 จุด |
จอ LCD ด้านหลังแบบปรับองศาได้ | จอ LCD ด้านหลังแบบติดตั้งตายตัว |
ไม่มีแฟลช pop-up ในตัวแต่มี clip-on flash แถมมาให้แทน | มีแฟลช pop-up ในตัว |
ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อยอยู่ที่ 5.5 เฟรม/วินาที | ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 3 เฟรม/วินาที |
น้ำหนักเมื่อรวมแบตเตอรี่แล้วอยู่ที่ 313 กรัม | น้ำหนักเมื่อรวมแบตเตอรี่แล้วอยู่ที่ 369 กรัม |
ซึ่งเมื่อดูข้อแตกต่างแล้ว E-PL3 มีจุดเด่นอยู่ที่ บอดี้ที่เบากว่า การถ่ายต่อเนื่องที่เร็วกว่าและจอหลังที่ปรับหมุนองศาได้ ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ผู้ใช้ต้องลองมา balance ดูว่าตัวเองต้องการกล้องแบบไหนในทรรศนะของผม ผมถือว่าต่างคนต่างมีของ ใครที่ชอบการถ่ายง่ายๆกล้องเล็กๆจอพับได้ E-PL3 เป็นคำตอบที่ดีครับยิ่งผู้ที่ไม่ได้ต้องการช่องมอง EVF อยู่แล้วยิ่งเลือกได้ง่ายใหญ่เลยหรือคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ก็ลองมาดูภาพ unboxing กันครับเพื่อจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
หุหุ กล่องกล้องของ E-PL3 มาแบบเดิมๆดูไม่แตกต่างจาก E-PL2 เท่าไหร่ถ้ามองผ่านๆอาจจะไม่ทันสังเกตุ
พอเปิดกล่องออกมาเราจะพบกับ คู่มือ ใบรับประกัน แผ่นโปรแกรมและโบรชัวร์สินค้า optional ของโอลิมปัส e-pl3ครับ
แอ่น แอ๊น …พอเปิดกล่องออกมาอีกชั้น เราก็จะเจอพระเอกของเรา Olympus E-PL3 นอนแอ้งแม้งอยู่ในกล่องห่อด้วย ถุงพลาสติกกันกระแทกอย่างดี
และแล้วพระเอกของเราคนใหม่ก็เผยโฉม zoom camera เลยจับมาเทียบซะเลยจะได้เห็นขนาดว่า E-PL3 กับ E-PL2 ตัวไหนหล่อกว่า
มาดู top view กันบ้าง บางกว่าเห็นๆ สำหรับเจ้า E-PL3 ตัวเลนส์ก็ใช้ลายใหม่ดู retro และ มีชาติตระกูลมากขึ้น
ด้านข้างก็เพรียวกว่าเห็นๆเพราะตัดกริปออกแต่ยังให้สมดุลการถือที่ดีอยู่
ด้านหลังแตกต่างกันมาก จอ LCD ด้านหลังของ E-PL3 เปลี่ยนสัดส่วนเป็นแบบ 16:9 ส่วนปุ่มต่างๆก็ย้ายตำแหน่งไปในตำแหน่งที่กดได้ง่ายกว่าและยังมียางพักนิ้วโป้งช่วยให้การจับถือทำได้สมดุลและไม่เทอะทะครับ
หุหุ หลายท่านคงสังเกตุเห็นว่า E-PL3 ไม่มีปุ่มเปิดปิดแฟลช ก็เพราะ olympus ทำแฟลชแบบ clip-on ออกมาให้ใช้โดยตรง การเปิดปิดก็แค่ยกขึ้นยกลงครับส่วนจอด้านหลังก็ปรับองศาได้ ขณะที่เลนส์ตัวใหม่ดีไซน์ใหม่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งมากขึ้นอีก พระเอกของเรานี่หล่อจริงหล่อจังครับ
ให้ดูดีไซน์เลนส์กันชัดๆ ว่ามันน่าใช้แค่ไหน เอาเป็นว่าใครที่รีรอมานานว่าจะซื้อตัวไหนดี ก็น่าจะตัดสินใจได้แล้วนะครับ
ZOOM CAMERA จัดกันมาได้เลยครับมีให้เลือก 2 สี คือ ขาวมุกสุดสวย กับ แดงสุดร้อนแรง ครับช้าหมดอดนะจ๊ะ