Rode wireless Go ii รีวิวไมค์ไวเลสรุ่นใหม่ ไฉไลกว่าเดิม มี 2 ตัวส่ง 1 ตัวรับ บันทึกเสียงได้ด้วยตัวเอง ใช้งานได้ทั้งกล้องถ่ายภาพ คอมพิวเตอร์ และ สมาร์ทโฟนทุกรุ่น Leave a comment

Rode แบรนด์ชั้นนำด้านเสียง เปิดตัวไมค์ไวเลสรุ่นใหม่ ” Rode Wireless Go II ” เป็นรุ่นต่อยอดจาก รุ่นแรกที่ได้เข้ามาทำตลาดไมค์ไวเลสให้เป็นที่รู้จักในวงการในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าไมค์ประเภทนี้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก จึงได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ Content Creator และ Studio production ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โดยในรุ่นนี้มีการปรับปรุงพัฒนามาหลายอย่างเพื่อให้สู้กับคู่แข่งที่มีฟังก์ชั่น ลูกเล่นมากมาย

ล่าสุดมีอัพเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ของ Rode Wireless Go ii

• พัฒนาฟีเจอร์ Recorder ในตัวส่งสัญญาณให้กลายเป็น New stand alone Recorder โดยการบันทึกเสียงนี้ จะต้องทำการปรับเป็น Record แบบ back up ก่อน ถึงจะใช้งานได้ ซึ่งตัวค่าเริ่มต้นจากโรงงานมาจะเป็นแบบ Always คือการบันทึกไฟล์เสียงแบบตลอดเวลา โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องทำการ sync ตัว Transmitter และ Reciever เข้าด้วยกันเสียก่อน แต่พอใช้งานในโหมด New stand alone Recorder ก็บันทึกเสียงแบบแยกเดี่ยว ๆ ผ่านตัว Transmitter ได้เลย และ ยังได้ไฟล์เสียงแบบ Uncompressed audio ไปใช้งานต่ออีกด้วย ซึ่งจะต้องเข้าไปปรับโหมดการใช้งานผ่านตัวแอพพลิเคชั่น เหมาะสำหรับคนที่ทำงานด้านการสัมภาษณ์งานเป็นอย่างมาก

• เพิ่มโหมดการ Dimming light ช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ได้ ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญแสงสว่างในที่มืดได้ ซึ่งจะต้องเข้าไปปรับโหมดการใช้งานผ่านตัวแอพพลิเคชั่น

• เพิ่มฟังชั่นให้สามารถปรับการตั้งค่าของปุ่ม Rode ที่อยู่บนตัวไมค์ ให้เป็นการ marker ช่วงเสียงได้ เพื่อช่วยในการนำเสียงไปปรับแต่งที่หลัง ซึ่งจะต้องเข้าไปปรับโหมดการใช้งานผ่านตัวแอพพลิเคชั่น

• สามารถเปิด ปิด pad บนตัวไมค์ได้ เพื่อช่วยลดค่า Sensitivity ของไมค์ ทำให้รับเสียงเวลาสัมภาษณ์แล้วเอาไมค์ไว้ใกล้ปาก พวกเสียงรบกวนจะมีน้อยลง ซึ่งจะต้องเข้าไปปรับโหมดการใช้งานผ่านตัวแอพพลิเคชั่น

ช่วงที่ผ่านมามีไมค์ไวเลสคู่แข่งออกมาทตลาดกันเยอะมาก ที่หลายคนรู้จักกันดี ก็น่าจะเป็น Saramonic Blink 500 Pro , Comica BoomX-D และ Hollyland Lark150 ฯลฯ ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นที่แต่งต่างกันไป และ ใน Rode Wireless Go II นี้ก็เช่นกัน

ถ้าใครยังไม่เคยใช้ไมค์ประเภทนี้มาก่อนผมจะอธิบายสั้น ๆ ละกันนะครับ ว่าไมค์ไวเลสดียังไง แล้วมันคืออะไร ทำไมคนนิยมใช้กัน

ไมค์ไวเลส (Wireless Microphone) หรือ ในบางคนเรียก “ไมค์ไร้สาย” คือ ไมโครโฟนประเภทหนึ่งที่ไม่ใช้สายเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์บันทึกเสียง หรือ รับสัญญาณ โดยวิธีการส่งสัญญาณจะส่งผ่านคลื่นสัญญาณ Wifi หรือ คลื่นวิทยุแทน ซึ่งทำให้ผู้พูดสามารถเดินไปที่ไหนก็ได้ในขอบเขตภายในระยะการส่งสัญญาณที่ไมค์ตัวนั้น ๆ ทำได้ โดยที่ไม่มีปัญหาสายสัญญาณยาวไม่พอหรือพันกัน มากวนใจ ทำงานได้คล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ออกไปทำงานแบบ Outdoor บ่อย ๆ สัมภาษณ์บุคคล พูดคุยกับคน ทำ Podcast ทำรีวิวสินค้า ฯลฯ

สรุป Rode wireless Go ii มีอะไรใหม่ ต่างจากรุ่นแรกยังไง

1. มีการรับส่งสัญญาณแบบ 2 ตัวส่ง 1 ตัวรับ สามารถแยกรับได้เป็นอิสระต่อกันแล้ว
2. ออกแบบใหม่ให้เลือกบันทึกเป็น 1 หรือ 2 Track แยกกันได้เลย มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น
3. สามารถบันทึกเสียงในระบบ Mono หรือ Stereo
4. ส่งสัญญาณได้ไกลสูงสุด 200 เมตร โดยใช้วิธีซิงค์แบบเฉพาะตัว เพื่อให้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนสูงได้
5. สามารถบันทึกเสียงในหน่วยความจำของตัวรับได้ บันทึกได้สูงสุดถึง 24 ช.ม. โดยไม่จำเป็นต้องต่ออุปกรณ์อื่นใด (On Board Recording) ทำให้ใช้งานเป็นเครื่องบันทึกเสียงได้
6. มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Analog และ ช่องไมค์ 3.5mm แบบ TRRS และ พอร์ท USB-C ใช้งานได้ทั้ง กล้อง คอมพิวเตอร์ และสมาร์โฟน
7. ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 7 ชั่วโมง และ มี Power saving mode เพิ่มเข้ามาให้ด้วย
8. มีปุ่ม Gain controller ปรับระดับสัญญาณได้ (ใช้ได้กับ 3.5mm Analog เท่านั้น)
9. ปรับปรุงขั้วการติดขนแมวกันลม (Windshields) ใหม่ ทำให้ติดกับตัว Microphone ได้แน่นขึ้น

จุดเด่นที่ทำให้ Rode Wireless Go มีความน่าสนใจและแตกต่างจากไมค์ไวเลสเจ้าอื่น ๆ ในท้องตลาด

ดีไซน์ใหม่ เรียบง่ายแต่ดูแพง มีปุ่มปรับการตั้งค่าต่าง ๆ มากมาย แต่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว

ดีไซน์ภายนอกโดยรวมมีการปรับปรุงหลายตัวแหน่ง แต่ยังคงความเรียบหรู และ มีขนาดเล็ก พกพาง่ายไว้อย่างดี โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาจะมีพอร์ต USB Type-C ที่มีมาไว้เพื่อส่งข้อมูลและชาร์จแบตเตอรี่ รวมไปถึงมีพอร์ต jack 3.5mm แบบ TRRS มาเพื่อใช้ในการต่อ External microphone ได้ มีปุ่มปรับลดเสียงของตัวส่ง (Transmitter) ได้ รวมไปถึงปุ่ม Power Saving mode เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ให้ใช้ได้ยาวนานมากขึ้น

บันทึกเสียงแบบ Mono และ Stereo ได้แยกชาแนลสัญญาณเสียงได้ทำให้การทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ใช้งานได้หลากหลายแบบ

ในรุ่นนี้สามารถปรับเปลี่ยนการบันทึกเสียงแบบ Mono และ Stereo ได้แล้วโดยกดปุ่มปรับระดับเสียงขึ้นลง 2 ปุ่มพร้อมกันเพื่อเปลี่ยนโหมด ทำให้การบันทึกเสียงในการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แยกการรับเสียงซ้ายและขวาได้ และ ยังสามารถแยก channel เสียงเวลาเอามาใช้งานในขั้นตอน Post Production ได้ด้วย

แบตเตอรี่ใกล้หมดสามารถเปิดโหมด Battery Life and Power Saver Mode ได้ ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

ปุ่ม Power Saving mode เป็นปุ่มประหยัดพลังงาน เมื่อกดแล้ว ตัวเครื่องจะใช้พลังงานน้อยลง ตัดส่วนที่ใช้พลังงานที่เสียเปล่าออกไป เช่น ลดแสงหน้าจอ ฯลฯ ช่วยให้สามารถใช้งานได้นานขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เราไม่สามารถชาร์จแบตได้

สามารถบันทึกเสียงที่ตัวรับสัญญาณ (Reciever) ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งไมค์ไวเลสทั่วไปต้องอาศัยการบันทึกเสียงจากอุปกรณ์อื่น (On board Recording)

ถือได้ว่านี่เป็นวัตกรรมใหม่เลยก็ว่าได้เพราะยังไม่มีไมค์ไวเลสเจ้าไหนในท้องตลาดไทยทำ ก็คือการบันทึกเสียงที่ตัวรับสัญญาณ (Reciever) ได้ ซึ่งสามารถบันทึกได้สูงสุดถึง 24 ชม. กันเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับคู่แข็งแล้ว ยังต้องพึ่งพาการบันทึกจากตัวอุปกรณ์อื่น เช่น กล้อง คอพิวเตอร์ หรือ สมาร์ทโฟน

ข้อดีในส่วนนี้ทำให้เราสามารถนำ Rode wireless Go ii ตัวนี้ไปใช้แยกเป็นเครื่องบันทึกเสียงแบบเดี่ยว ๆ (New stand recorder) ได้ โดยไม่ต้องแบกอุปกรณ์จำนวนมากเพื่อใช้ทำงาน ซึ่งการใช้งานแบบ Standalone recorder ใช้งานได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมงเลย / การชาร์จ 1 ครั้ง

สามารถปิดเสียงของไมค์ได้จากทั้งตัวส่งและตัวรับ สะดวกในการใช้งานมากขึ้น

อยากจะ Mute microphone ในรุ่นนี้ก็สามารถทำได้แล้วครับ โดยทำได้ทั้งตัวส่ง และ ตัวรับเลย คนพูดอยากปิดไมค์ด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ ซึ่งในคู่แข่งบางรายตัว mute เสียงจะอยู่ไม่ตัวก็ส่ง ก็อยู่บนตัวรับ อย่างใด อย่างหนึ่ง การมีทั้งคู่ก็สะดวกดี

ส่งสัญญาณได้ไกลถึง 200 เมตร ส่งได้ไกลที่สุดในตลาดไมค์ไวเลสที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

ด้วยไมค์ไวเลสมีการส่งสัญญาณด้วยคลื่นสัญญาณ 2.4 GHz ทำให้ส่งได้ไกลอยู่แล้วแต่ในรุ่นนี้สามารถส่งได้ไกลถึง 200 เมตร ซึ่งมากที่สุดในตลาดไมค์ไวเลส ที่สามารถทำแบบนี้ได้ก็เพราะว่ามีการทำ Line of sight ขึ้น เป็นการจำลองคลื่นสัญญาณเฉพาะตัวขึ้นทำให้ไม่โดนคลื่นสัญญาณอื่นมารบกวนทำให้ส่งได้ไกลขึ้นนั่นเอง

อ้างอิงจากเว็บไซต์ Rode : Series IV 2.4GHz digital transmission, 128-bit encryption – crystal-clear audio at up to 200m (line of sight), optimised for extremely stable operation in dense RF environments

ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงถึง 7 ชั่วโมง ใครที่เอาไปทำไลฟ์สดขายของ ถูกใจตัวนี้แน่นอน

คนที่ชอบทำไลฟ์สด ขายของออนไลน์ ไลฟ์เล่นเกมส์ยาว ๆ บอกเลยตัวนี้เอาอยู่ เพราะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมง และ ยังมี Power Saving mode ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ทำให้ไมค์ตัวนี้อึด ทน ใช้ได้นาน

เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายประเภท กล้อง คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนทั้ง IOS / Android ผ่านสาย USB-C to USB-A และ พอร์ต 3.5mm แบบ TRRS

ไมค์รุ่นนี้รองรับการใช้งานกับทุกอุปกรณ์ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ พอร์ต 3.5mm แบบ TRRS ใช้ได้หมด ทั้งกล้องถ่ายภาพ คอมพิวเตอร์ และ สมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่ใช้พอร์ต USB Type-C

Rode Wireless Go ii เหมาะกับใคร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

ไมค์ตัวนี้เหมาะกับคนที่นำไปใช้ในงานที่เน้นความคล่องตัว ต้องการความเล็ก เบา พกพาง่าย ใช้งานแล้วดูเรียบหรู ใช้ในการสัมภาษณ์งาน สัมภาษณ์ผู้บริหาร ทำรีวิวสินค้า สอนออนไลน์ ขายของออนไลน์ผ่าน Live streaming ฯลฯ เพราะว่าเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องของเสียง เป็นแบรนด์ High-end ที่ผู้ใช้งานจะสัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมตั้งแต่วัสดุที่ใช้ การออกแบบที่ดูเรียบง่ายในสไตล์ minimal

ราคาจำหน่าย ณ วันเปิดตัว

• Rode wireless Go ii ราคา 11,990 บาท (สินค้าประกันศูนย์)

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย

1. ตัวรับสัญญาณ (Receiver) จำนวน 1 ชิ้น
2. ตัวส่งสัญญาณ (Transmitters) จำนวน 2 ชิ้น
3. ตัวกันลม (Furry Windshields) จำนวน 3 ชิ้น
4. สาย SC20 USB-C to USB-A จำนวน 3 ชิ้น
5. สาย SC5 TRS to TRS Memory Cable จำนวน 1 เส้น
6. Carry Pouch จำนวน 1 ชิ้น

อ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง

• รวม 8 ไมค์ไวเลสงบไม่เกิน 10000 บาท สำหรับเริ่มต้นทำคลิปวีดีโอทุกประเภท
• รีวิว Rode wireless go (รุ่นแรก) ไมค์ไร้สาย เสียงดี น้ำหนักเบาที่สาย Creators ควรมีไว้

ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์

แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
083-067-7677 / 02-098-9555 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)