รีวิว Sony A7C กล้อง Mirrorless Fullframe ที่ฉีกดีไซน์เดิมๆจากที่เคยเป็นทรง SLR กลับมาอยู่ในร่างของ Rangefinder ที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด คล่องตัวสูง แถมยังได้รับอาณิสงค์จาก Sensor ขนาด Fullframe และ ฟีเจอร์อื่นๆที่โดดเด่นทั้งในงานภาพนิ่งและวิดิโอ ได้อย่างลงตัว
Content ที่เกี่ยวข้องกับ รีวิว Sony A7C
ราคา Sony A7C ที่วางจำหน่าย

สำหรับ ราคา Sony A7C ที่วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย โดยมีให้เลือกอยู่ด้วยกัน 2 เฉดสี พร้อมกับ Set Body และ Set Kit ด้วยเช่นกัน
- ราคา Sony A7C ( Set Body Black / Silver ) เริ่มที่ 61,990.-
- ราคา Sony A7C ( Set Kit 28-60 Black / Silver ) เริ่มที่ 72,990.-
-
Sony A7C Mirrorless Digital Camera Bundled Kit Lens 28-60mm (ประกันศูนย์)Product on sale฿69,990
฿72,990 -
Sony A7C Mirrorless Digital Camera Body Only (ประกันศูนย์)Product on sale฿56,040
฿61,990
Full Review : Sony A7C
Gallery Sony A7C
รีวิว Sony A7C silver รีวิว Sony A7C black รีวิว Sony A7C silver รีวิว Sony A7C black รีวิว Sony A7C silver top รีวิว Sony A7C black top รีวิว Sony A7C silver top รีวิว Sony A7C black top รีวิว Sony A7C port รีวิว Sony A7C port รีวิว Sony A7C nfc รีวิว Sony A7C battery
Hilight Feature Sony A7C
Sony A7C กล้อง Mirrorless Fullframe รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย Sony น่าจะเป็นครั้งแรกของกล้อง Mirrorless Fullframe ที่ออกแบบในลักษณะ Rangefinder อีกทั้งยัง import ฟีเจอร์ต่างๆใน Sony A7 III และ Sony A7S III บางส่วนมาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
Rangefinder Fullframe ตัวแรกในตระกูล Alpha
เรื่องดีไซน์ของ Sony A7C นั้น แรกเริ่มก่อนที่จะเป็น Final Product บอกเพียงว่าเป็น กล้อง Mirrorless ทรง Rangefinder โดยช่องมองภาพจะเป็นในลักษณะ Pop-up แทน แต่หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เจ้า Sony A7C ก็ถูกออกแบบในลักษณะ Rangefinder โดยที่มีความละม้าย คล้ายคลึงกับ Sony A6000 Series เลยทีเดียวครับ
แม้จะมีรูปทรงที่เป็น Rangefinder และมาพร้อม Sensor ขนาด Fullframe แต่ทั้งนี้เจ้า Sony A7C ก็มีน้ำหนักเพียง 509 กรัม เท่านั้นครับ ( เฉพาะ Body + Battery )
นอกจากนี้ เลนส์ที่มาพร้อม Sony A7C ก็เป็นเลนส์รุ่นใหม่อย่าง SEL 28-60 F4-5.6 ซึ่งมีการออกแบบที่มีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับความเป็น Fullframe น่าเสียดายที่การ Zoom ไม่ใช่เป็นการ Zoom แบบไฟฟ้านั่นเองครับ ทั้งนี้น้ำหนักตัวของ SEL 28-60 F4-5.6 จะอยู่ที่ 167 กรัม ซึ่งเมื่อประกบเข้ากับ Sony A7C จะมีน้ำหนักรวมเพียง 676 กรัมเท่านั้นครับ
จอ LCD แบบ Vari-Angle กับความยืดหยุ่นในการใช้งานในภาพนิ่งและวิดิโอ
สิ่งที่ Sony A7C มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด คงจะหนีไม่พ้นเรื่องจอแสดงผล โดยใน Sony A7C จะเปลี่ยนมาใช้จอแสดงผลแบบ Vari-Angle หรือที่รู้จักกันในชื่อ จอพับ จอหมุน นั่นเอง ซึ่งในกล้อง Mirrorless Fullframe ของ Sony ส่วนมากยังคงเป็นจอ LCD แบบ Tilt อยู่นั่นเอง รวมไปถึง Sony A7III ด้วยเช่นกัน
sony a7c silver sony a7c black Sony A7C Vari-Angle LCD
ประโยชน์ของจอ LCD แบบ Vari-Angle นั้น จะเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานได้เป็นอย่างดี อย่างในงานภาพนิ่ง เพื่อนๆสามารถที่จะพลิกจอมา เพื่อใช้ในการถ่ายเซลฟี่ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องมานั่งกะมุม หรือ ให้คนอื่นถ่ายให้แล้วนั่นเอง
จอ Vari-Angle จะมีประโยชน์อย่างเด่นชัดในงาน Video อาทิการถ่าย Video แบบ VLOG ที่ผู้ถ่ายสามารถจัดวาง Composition ได้ตามต้องการ โดยอาศัยการมองผ่านจอได้โดยตรง ซึ่งแตกต่างจาก จอ LCD Tilt ที่แทบจะปิดประตูเรื่องการถ่าย VLOG ไปโดยปริยาย
Sony FE 20 F1.8 G เลนส์แนะนำสำหรับชาว VLOG
สำหรับการถ่าย VLOG ทีมงานขอแนะนำ Sony FE 20 F1.8 G เลนส์ Wide เกรดพรีเมี่ยมที่มาพร้อม ค่า F1.8 ที่สามารถละลายฉากหลังได้ในระดับนึง เพื่อให้ตัว Subject ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น รวมถึงตัวเลนส์มีขนาดที่เล็ก กะทัดรัด ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวแน่นอนครับ
-
Sony Lens FE 20mm f/1.8 G SEL20F18G (ประกันศูนย์)Product on sale฿28,990
฿31,990
หรือจะเป็น Video Clip สั้นๆ ที่ผู้ถ่ายสามารถตั้งกล้องถ่ายตนเองได้อย่างสบาย เพราะ การที่ตัวจอ LCD สามารถพลิกไปมาได้ ทำให้ผู้ถ่ายหาแค่ Location พร้อมกับจัด Compostion ตามต้องการ ก็ลงมือถ่ายทำได้ทันที
Sensor Fullframe ความละเอียด 24 mp ตอบโจทย์ทุกสายงานอย่างลงตัว
กล้อง Mirrorless ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น APS-C หรือ Fullframe ส่วนมากมักจะมาพร้อมกับ Sensor ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 24 megapixels แทบจะทั้งหมดแล้ว ซึ่งถือว่าเป็น Base ปกติไปซะแล้ว สำหรับกล้อง Mirrorless ในปี 2020 เช่นนี้
เช่นเดียวกันกับ Sony A7C ที่แม้หน้าตาภายนอก จะมีขนาดเล็ก กะทัดรัด มีความ Compact เอามากๆ แต่ภายในมาพร้อมกับ Sensor ขนาด Fullframe ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 24 megapixels ด้วยนั่นเอง ซึ่งว่ากันว่า Sensor รับภาพของ Sony A7C นั้น คาดว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับ Sensor ที่ใช้อยู่บน Sony A7III นั่นเอง แน่นอนว่าคุณภาพต่างๆนั้น ไม่มีข้อกังขาต่างๆอย่างแน่นอนครับ
New Skin Tone ที่ถูกปรับแต่งใหม่เอาใจสาย Portrait
สิ่งที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนใน Sony A7C นั้น น่าจะเป็นในส่วนของ Color Science หรือ สีสันต่างๆนั่นเอง แม้ว่า Sensor รับภาพ และ ชิพประมวล จะเป็นรุ่นเดียวกันกับ Sony A7III แต่สีสันที่ได้จากกล้องทั้ง 2 รุ่นนี้ แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ตัวอย่าง Skin Tone : Sony A7C vs Sony A7III

สำหรับคนที่ถ่ายภาพแนว Portrait เป็นหลัก น่าจะเคยเจออาการสีผิวที่มีอาการติดเฉดส้ม และ ติดเฉดแดงมากเกินกว่าปกติ ซึ่งโดยธรรมชาติสาวๆมักจะชอบสีผิวที่ติดชมพู หรือ ออกแนวใสๆตามเทรนด์นั่นเอง การมาของ Sony A7C ดูเหมือนจะเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์อย่างแท้จริง เพราะ ได้รับ Color Science เฉกเช่นเดียวกันกับกล้องใน Generation เดียวกัน ทั้ง Sony A7S III และ Sony ZV1 ที่ต่างก็ได้รับผลจากฟีเจอร์ดังกล่าว
- รีวิว Sony A7S III ที่สุดของ Fullframe Video คุณภาพระดับ Cinema
- รีวิว Sony ZV1 กล้อง Compact ตอบโจทย์ Blogger / Youtuber
จากภาพตัวอย่างด้านบน จะเห็นได้ชัด Sony A7C สามารถถ่ายทอดสีสันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีความสวยใสกว่าชัดเจน ในขณะที่ Sony A7III จะมีสีสันที่ฉูดฉาดกว่า อีกทั้งยังแสดงผลสีเฉดส้มและเฉดแดงออกมาได้อย่างเด่นชัดมาก
Sony A7C : Sample image
Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA Sony A7C + Sony FE 55 F1.8 ZA
Battery อึดจุใจ รองรับการใช้งานตลอดวัน
Sony A7C แม้ว่ารูปร่างภายนอกจะมีที่เล็ก กะทัดรัดกว่า Sony A7III ก็ตามที แต่ทั้งนี้ Sony A7C ก็ได้มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นแบตเตอรี่รุ่น NP-FZ100 หรือ แบต Z ที่เรารู้จักกันนั่นเอง โดยเมื่อชาร์จไฟเต็ม จะสามารถถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 740 เฟรมด้วยกัน
ทั้งนี้จำนวนดังกล่าวเป็นเพียงผลทดสอบของ CIPA เท่านั้น ในสถานการณ์ที่ใช้งานจริง จะมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการใช้งาน , อุณหภูมิ เป็นต้น
ระบบกันสั่น 5 แกน แบบ Gyro Sensor เพิ่มขีดความสามารถในงาน Video / VLOG
Sony A7C มาพร้อมกับระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ( 5-Axis ) ที่ทำงานทั้งในภาพนิ่งและวิดิโอ โดยเคลมการสั่นไหวไว้สูงสุดที่ 5 – 5.5 Stops ด้วยกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเลนส์ที่ใช้ , ท่าทางในการจับถือด้วยเช่นกัน ซึ่งในแง่ของประสิทธิภาพ ต้องบอกว่ามีความเทียบเคียงกับ Sony A7III เลยทีเดียวครับ
Sony A7C : 5-Axis Performance
สำหรับ Sony A7C ก็ได้มีการติดตั้งระบบกันสั่น 5 แกน ภายในเฉกเช่นเดียวกันกับ Sony A7III แน่นอนว่าหลายท่านน่าจะสงสัยว่า การที่ Body ของ Sony A7C มีขนาดที่เล็กลงนั้น จะส่งผลต่อคุณภาพของระบบกันสั่น 5 แกน มากน้อยเพียงใด ซึ่งทีมงานก็ได้ทดสอบมาให้ดูด้วยเช่นกัน
Sony A7C Speed Shutter 1/10 sec. Sony A7C Speed Shutter 1/8 sec. Sony A7C Speed Shutter 1/5 sec. Sony A7C Speed Shutter 1/3 sec. Sony A7C Speed Shutter 1/2 sec.
ในแง่คุณภาพของระบบกันสั่น 5 แกนใน Sony A7C ถือว่าให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ โดยจากการทดสอบกับเลนส์ Kit SEL 28-60 F4-5.6 FE ที่ระยะเทียบเท่า 35mm. ที่ Speed Shutter ต่ำกว่า 1/10 Sec. ลงไป ถือว่าทำผลงานได้ดีกว่าที่คิดไว้
ระบบกันสั่น ป้องกันการสั่นไหว ไม่ได้ป้องกันการเบลอนะ
ระบบกันสั่น 5 แกน ใน Sony A7C เคลมสูงสุดที่ 5 -5.5 Stops ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราใช้งานควบคู่กับเลนส์รุ่นใด รวมถึงลักษณะท่าทางการจับถือของแต่ละคนด้วยเช่นกันครับ
Sony A7C : Noise
ในรีวิว Sony A7C เป็นที่ทราบกันดีว่า Sensor ของ Sony A7C นั้น เป็น Sensor รุ่นเดียวกันกับ Sony A7 III ฉะนั้น สามารถการันตีในแง่ของคุณภาพด้านต่างๆได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ทีมงานก็ได้ลองทดสอบในเรื่องของ Noise หรือ สัญญาณรบกวนภายใน ที่ค่า ISO ต่างๆ ว่า เจ้า Sony A7C สามารถจัดการกับ Noise ได้มากน้อยเพียงใดกันครับ
Sony A7C ISO 1600 Sony A7C ISO 3200 Sony A7C ISO 6400 Sony A7C ISO 12800 Sony A7C ISO 25600
หลังจากที่ทีมงานได้ทำการรีวิว Sony A7C รวมถึงทดสอบในเรื่องของ Noise แล้ว สามารถสรุปได้ว่า การจัดการเรื่อง Noise ใน Sony A7C นั้น สามารถทำได้ดีเทียบเคียงกับ Sony A7III เลยทีเดียว
ISO ช่วง 1600 – 6400 ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นที่สุด
หากแนะนำค่า ISO ที่เหมาะสมสำหรับนำไฟล์ไป Process ต่อ แนะนำว่าไม่ควรเกิน ISO 12800 เป็นต้นไปครับ
สรุป รีวิว Sony A7C
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า การมาของ Sony A7C นั้น มิใช่การออกมาทดแทน Sony A7 III ที่ทำตลาดมาก่อนหน้านี้แต่อย่างใด เพราะ ทั้งคู่ต่างก็มี Segment และ Target ที่ชัดเจนอยู่แล้วนั่นเอง
สำหรับเพื่อนๆที่เน้นกล้อง Mirrorless Fullframe ในการถ่ายภาพนิ่งเป็นหลัก แนะนำเป็น Sony A7 III นะ ส่วนถ้าใครเน้นงาน Video เป็นหลัก แนะนำเป็น Sony A7C ครับ
ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์
แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
083-067-7677 / 02-098-9555 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)



